ชักนำสายฟ้าเข้าร่าง
“ให้ตายเถอะ นี่พระเจ้ามีนิสัยชอบทำให้ผู้คนประหลาดใจรึยังไงกัน?” หลิงฮันกล่าว ร่างของเขากระโดดสูงลอยออกไปนอกเมืองและโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวาทันที เมฆสายฟ้าสีดำบนท้องฟ้ากับร่างของเขาราวกับว่าจะเกิดความสัมพันธ์ดึงดูดอันพิเศษต่อกัน
‘ปัง!’
สายฟ้าฟาดระลอกแรกผ่าลงมาและปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันราวกับจงใจ
ดูดซับ!
เมื่อพลังแห่งสายฟ้าไหลผ่านเข้ามาร่างของหลิงฮันก็กลายเป็นรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เพราะอย่างไรสายฟ้าที่ผ่านลงมาก็เป็นพลังที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี มันมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก มันสามารถบดขยี้ร่างของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทั่วไปให้แหลกสลายได้อย่างไม่ยากเย็น แต่โชคดีที่หลิงฮันมีกายาเหล็กไหลที่ทำให้ร่างของเขาทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเดียวกัน
หลิงฮันเกือบจะสลบเหมือดไปทันที แต่เขาก็กัดฝันฝืนทนเอาไว้ หากสลบไปตอนนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อครู่ก็จะต้องสูญเปล่า
หลิงฮันรีบโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวาเพื่อชี้นำอำนาจสายฟ้าและเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณในร่างของเขาเอง
‘ปัง’ สายฟ้าฟาดอีกระลอกหนึ่งผ่าลงมา
หลิงฮันกลายเป็นจุดศูนย์กลางของห่าสายฟ้า ภายใต้อำนาจชี้นำอันลึกลับของทักษะอสนีบาตเก้าทิวา สายฟ้าฟาดทุกสายได้ถูกดูดมายังร่างของเขา
“เหอะๆ แม้จะยังไม่ทะลวงผ่านระดับสวรรค์ก็ยังต้องมาถูกฟ้าผ่า!” หลิงฮันกัดฟันด้วยความรู้สึกเจ็บปวด โชคดีที่นี่เป็นเพียงพลังสายฟ้าธรรมดา ถ้าเกิดเป็นสายฟ้าแห่งบดทดสอบสวรรค์ล่ะก็ พลังอำนาจของมันจะรุนแรงกว่านี้มาก
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เองก็แสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม มันช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทั้งหมดที่เขาได้รับ ซึ่งเป็นสิ่งนี้คือไพ่ลับของหลิงฮันที่ไม่มีใครเทียบได้
หลิงฮันอดทนต่อความเจ็บปวดจนในสมองกลายเป็นขาวโพลนและอยากจะหมดสติไปให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้อีก แต่เพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเขาทำได้แค่เพียงต้องโคจรทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อชี้นำสายฟ้าให้เข้ามาในร่าง
เขาดูดซับอำนาจแห่งสายฟ้าจำนวนมากจนทั่วร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว
ทั้งฮูหนิวและจูเสวียนเอ๋อต่างก็กำลังจ้องมองหลิงฮันอยู่จากระยะไกล ใบหน้าของจูเสวียนเอ๋อเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ส่วนใบหน้าของฮูหนิวนั้นไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไรแม้แต่น้อยและพูดออกมา “ไม่ต้องห่วง หลิงฮันของหนิวจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”
จูเสวียนเอ๋อกอดฮูหนิวและพยักหน้า ถึงฮูหนิวจะพูดเช่นนั้นแต่นางก็ยังกังวลอยู่ดี
การที่มีฟ้าผ่าลงมานั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร แต่การที่สายฟ้าทุกระลอกผ่าลงมาในตำแหน่งเดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีใครบางคนรู้สึกสงสัยและมาตรวจสอบ แต่จอมยุทธส่วนใหญ่ที่มาดูก็เป็นจอมยุทธที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก พวกเขาส่วนใหญ่มีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหรือไม่ก็ห้วงจิตวิญญาณ ถึงแม้พวกเขาจะพบเห็นแต่ก็คงไม่กล้าเข้ามาใกล้หลิงฮันที่สามารถต้านทานอำนาจสายฟ้าของสวรรค์และปฐพีได้อยู่ดี
ฮูหนิวพุ่งไปปรากฏตัวที่ด้านหน้าจอมยุทธเหล่านั้นแหละควงแขนไปมาพร้อมกับส่งร่างของจอมยุทธเหล่านั้นกระเด็นออกไป “พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับหลิงฮันของหนิว?”
นางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ยังลำบากหากต้องต่อกรกับนาง
แต่ในไม่ช้า ตัวตนที่ทรงพลังก็เริ่มปรากฏตัวออกมา
“สายฟ้าผ่าลงมาในตำแหน่งเดียวกัน หรือว่าจะมีสมบัติปรากฏขึ้นที่นั่น?” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเจ็ดคนคิดเช่นนั้น คนที่อายุมากที่สุดในหมู่จอมยุทธทั้งเจ็ดคือผู้เฒ่าอายุเจ็ดสิบปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดอายุสี่สิบปี
ในตอนนี้สายฟ้าได้ผ่าลงมาหลายสิบครั้งแล้ว ทั่วร่างของหลิงฮันถูกปกคลุมไปด้วยประกายสายฟ้าที่เข้มข้น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองผ่านชั้นสายฟ้านี้เข้ามาได้ ทุกคนมองเห็นแค่เพียงคลื่นสายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนเท่านั้น พวกเขามองไม่เห็นว่าภายในคลื่นสายฟ้าเหล่านี้มีอะไรอยู่
“ต้องเป็นการปรากฏของสมบัติแน่นอน ถึงได้มีสายฟ้าผ่านลงมาที่จุดๆเดียวเช่นนี้”
“เมื่อสายฟ้าสลายหายไป ข้าจะไปนำสมบัตินั่นมา”
แต่ถึงอย่างไรสายฟ้าฟาดเหล่านั้นก็ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มันผ่าลงมาไม่จบไม่สิ้นเสียที
หนึ่งวันต่อมา จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอีกสิบคนก็ปรากฏตัว
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเจ็ดคนของเมืองเก้าเมฆาแสดงท่าทีความเป็นปฏิปักษ์ออกมาทันที “คนของเมืองมหาเอกภพมาทำอะไรที่นี่?”
“ฮ่าๆ สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้ หรือว่าคนของเมืองเก้าเมฆาคิดจะหุบมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว?” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพพูดอย่างเย็นชา
“เหอะ สมบัติชิ้นนี้ปรากฏขึ้นที่เมืองเก้าเมฆา เพราะงั้นมันก็ต้องเป็นกรรมสิทธิของเมืองเก้าเมฆาของพวกข้า” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองเก้าเมฆาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“สมบัติล้วนแต่เกิดมาจากสวรรค์และปฐพี จะมีใครคนหนึ่งเป็นเจ้าของมันตั้งแต่แรกได้อย่างไร? แถมไม่ใช่ว่าตำแหน่งตรงนี้ก็อยู่ด้านนอกเมืองเก้าเมฆาหรอกรึ?”
“เหอะ เป็นเพียงระดับบุปผาผลิบาน แต่คิดจะมาหยามเมืองเก้าเมฆาของข้า?!” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณผู้หนึ่งปรากฏออกมาจากเมืองเก้าเมฆา เขาคือคนที่เมื่อไม่กี่วันก่อนถูกหุ่นเชิดเพชรทำให้หวาดกลัว แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายแล้ว
เมื่อตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณปรากฏตัว จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพก็เงียบกริบทันที ถึงแม้พวกเขาจะมีกันอยู่สิบคน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว จำนวนของพวกเขาเพียงแค่นี้ล้วนแต่ไร้ค่า
“โอ้ ปรมาจารย์หม่าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายวันกลางคนผมยาว
“ชั่งหวูหยิน!” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของเมืองเก้าเมฆาชะงัก นั่นเพราะอีกฝ่ายก็มีพลังบ่มเพาะระดับตัวอ่อนวิญญาณเช่นกัน
“สมบัติคือพรจากสวรรค์และปฐพี ผู้ที่พบเห็นย่อมมีสิทธิครอบครอง” ชั่งหวูหยินยิ้ม “หม่าไจ้ฟาง ถ้าเจ้าต้องการสมบัติ นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง”
“งั้นก็คงต้องตัดสินด้วยกำลัง!” หม่าไจ้ฟางลงมือโจมตีใส่อีกฝ่าย จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองเก้าเมฆาก็เริ่มจู่โจมจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานของเมืองมหาเอกภพเช่นกัน สมบัติชิ้นนี้ต้องเป็นของเมืองเก้าเมฆา
‘ตูม ตูม ตูม’ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นทันที
สีหน้าของจูเสวียนเอ๋อกลายเป็นตกตะลึง แต่ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขบขันเมื่อคิดถึงหน้าตาของคนเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าภายในคลื่นสายฟ้าเหล่านั้นไม่ใช่สมบัติแต่เป็นหลิงฮัน
ฮูหนิวเกือบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่และลงมืออีกครั้ง นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะมารบกวนการฝึกฝนของหลิงฮัน
โชคดีที่การต่อสู้ของคนเหล่านั้นไม่กระทบอะไรต่อหลิงฮัน ไม่เช่นนั้นฮูหนิวคงจะลงมือแน่ๆ
พลังของหลิงฮันเริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ พลังสายฟ้าไหลผ่านอยู่ภายในร่างของเขาทั่วร่างจนดูราวกับกลายมนุษย์สายฟ้า
ความรู้สึกเจ็บๆที่รู้สึกเมื่อครู่จางหายไปอย่างสิ้นเชิง หลิงฮันรู้สึกสบายตัวและเพลิดเพลินไปกับสายฟ้าภายในร่าง
ชักนำเข้าสู่ร่างกายและแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังของตนเอง
เสร็จสมบูรณ์!
หลิงฮันยิ้มและหยุดโคจรทักษะอสนีบาตเก้าทิวา สายฟ้าที่ผ่าลงมาจากเบื้องบนได้หยุดลงทันที
หลิงฮันสำรวจภายในร่างของตนเองเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง และเมื่อสัมผัสสวรรค์ของเขากวาดผ่านไปถึงตันเถียน สีหน้าของหลิงฮันก็กลายเป็นตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด