ธาตุที่หก
รากฐานวิญญาณของหลิงฮันคือดอกบัวหายนะห้าธาตุผสาน มันคือรากฐานวิญญาณห้าธาตุแห่งความสมดุล เพราะงั้นเขาจึงสามารถดูดซับพลังวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าได้พร้อมกันโดยที่ไม่สร้างความขัดแย้งใดๆ
ตอนนี้ดอกบัวห้าธาตุก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่… รากของดอกบังทั้งห้าได้แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้า!
รากฐานวิญญาณของเขามีธาตุเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งธาตุ
ยิ่งกว่านั้นมันยังไม่ทำให้ความสมดุลของห้าธาตุดั้งเดิมเสียหายอีกด้วย
หลิงฮันตกตะลึง หรือว่ารากฐานวิญญาณของเขาจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆในอนาคต?
หลิงฮันตั้งจิตโคจรธาตุสายฟ้าในร่าง ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกคลุมไปด้วยอสนีบาต ราวกับตัวเขาได้กลายร่างเป็นมนุษย์สายฟ้า
ทักษะอสนีบาตเก้าทิวา… เขาใช้งานมันได้แล้ว
คลื่นสายฟ้าบนท้องฟ้าเริ่มสลายหายไปจนร่างของหลิงฮันปรากฏออกมาให้เห็น จอมยุทธทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอยู่อดที่จะหยุดชะงักและหันมามองที่เขาไม่ได้
“แล้วสมบัติล่ะ?”
“เขาจะต้องเป็นคนเอาไปแน่นอน!”
ทันใดนั้นจอมยุทธจากทั้งสองเมืองก็จ้องมองมาที่หลิงฮันอย่างโหดเหี้ยมราวกับจะกลืนกินเขา
“นี่ การที่พวกเจ้ามองข้าแบบนั้นมันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดนะ” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าหนู มอบสมบัติมาซะ!” ผู้คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนหน้านี้พวกมันคิดจะสังหารฝ่ายตรงข้ามเพื่อยึดครองสมบัติให้เป็นของฝ่ายตนเอง แต่ตอนนี้พวกเขาได้เปลี่ยนเป็นมีศัตรูคนเดียวกันแล้ว
“พอดีเลย งั้นก็รับไปซะ!” หลิงฮันหัวเราะ ร่างอสนีของเขาส่องประกายและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
‘ตูม!’
หลิงฮันปล่อยหมัดคลื่นสายฟ้าออกไป ‘ปัง ปัง ปัง’ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเกือบยี่สิบคนถูกหมัดของซัดจนกระเด็นเหลือเอาไว้เพียงแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสองคน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองตกตะลึง เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งเกินไป เพียงแค่การปล่อยหมัดลวกๆของเขากลับมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับตัวอ่อนวิญญาณ
หลิงฮันยิ้ม ทักษะอสนีบาตเก้าทิวาแข็งแกร่งสมเป็นทักษะศักดิ์สิทธิของจักรวรรดิโบราณ!
พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้สมควรระดับบุปผาบลิบานเป็นยี่สิบดาว ซึ่งได้เหนือกว่าขีดจำกัดของระดับบุปผาผลิบานและเทียบเท่าระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว
“เจ้าหนู มอบสมบัติมาแล้วพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า” จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองคนตะโกนออกมาพร้อมกัน
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ไว้ชีวิตข้า? พูดเหมือนกับพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งพอ! เข้ามาเลย ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นเองว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า!”
“เป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานตัวน้อยๆ บังอาจทำตัวอวดดี!” ชั่งหวูหยินกับหม่าไจ้ฟางเค้นเสียงพูดดูถูกและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
การที่ฟ้าผ่าลงมันทีเดิมทั้งวันแบบนี้ สมบัติที่ปรากฏจะต้องทรงพลังมากแน่ๆ และทั้งสองคนก็ติดคอขวดอยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งสมบัติที่ปรากฏขึ้นอาจจะเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พวกเขาทะลวงคอขวดนี้ไปได้ก็เป็นได้
“หนิวจะช่วยเอง!” เมื่อเห็นการต่อสู้เกิดขึ้น ฮูหนิวก็อดที่จะมีส่วนร่วมไม่ได้
หลิงฮันหัวเราะและพูด “หนิวไม่ต้องลงมือ แค่สองคนนี้ข้าจัดการเองได้!”
เขาซัดหมัดปลดปล่อยมังกรคชสารยี่สิบตัวออกไป ทั่วทั้งร่างของมังกรคชสารเหล่านั้นถูกอัดแน่นไปด้วยอำนาจแห่งสายฟ้า
“เจ้าเด็กนี่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาด!” ทั้งสองคนอุทานออกมา หลิงฮันที่สร้างปราณหมัดได้ถึงยี่สิบเอ็ดหมัดนั้น สำหรับพวกเขาแล้วนับว่าเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมาก
“ยังไม่หมดเท่านี้!” หลิงฮันหัวเราะ เขากระตุ้นใช้งานอักขระกระดูกและเนตรแห่งสัจธรรมพร้อมกับกับควบคุมมังกรคชสารโจมตีใส่ระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสอง
พลังต่อสู้ของเขาคือยี่สิบดาว และเมื่อโคจรใช้งานทักษะอสนีบาตเก้าทิวาพลังต่อสู้ของเขาจะทะลุขีดจำกัดจนเทียบเท่าได้กับระดับตัวอ่อนวิญญาณ
และหากเขากระตุ้นใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมไปด้วย แม้ชั่งหวูหยินและหม่าไจ้ฟางจะเป็นถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเจ็ดก็ไม่มีทางตอบโต้เขาได้ พวกเขาทำได้เพียงถูกกระหน่ำโจมตีอย่างสาหัส
เมื่อใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและเนตรแห่งสัจธรรมพร้อมกัน เขาจะสามารถสังหารจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้เพียงการยิงศรครั้งเดียว แต่ตอนนี้เขาใช้งานทักษะอสนีบาตเก้าทิวาพร้อมกับเนตรแห่งสัจธรรม แม้มันจะไม่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหมือนกับตอนใช้คู่กับทักษะการยิงธนู แต่มันก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองคนถูกทำให้ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นมันฝืนสวรรค์เกินไป ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาไม่ใช่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณธรรมดา แต่เป็นถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเจ็ด พวกเราสามารถเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังถูกหลิงฮันไล่ต้อนอย่างไม่อาจตอบโต้ได้
หลิงฮันคำรามออกมา หมัดของเขากลายเป็นทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ มังกรคชสารทั้งยี่สิบสองตัวผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นมังกรคชสารทองคำขนาดมหึมาที่ระเบิดอำนาจแห่งสายฟ้าและกลิ่นอายที่ทรงอำนาจออกมา
มังกรคชสารทองคำทรงพลังเป็นอย่างมาก ภายใต้แรงกดดันของมัน จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งสองทำได้เพียงยอมศิโรราบ
“ควบแน่นปราณกลายเป็นรัศมี!” ชั่งหวูหยินและหม่าไจ้ฟางอุทานออกมา พวกเขาไม่รู้ว่าสิงที่หลิงฮันทำเป็นเพียงกึ่งรัศมีเท่านั้น นั่นเพราะการจะควบแน่นปราณให้กลายเป็นรัศมีนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป ถึงแม้พลังบ่มเพาะของทั้งสองคนจะสูง แต่ปราณที่พวกเขาสร้างขึ้นได้สำเร็จมีจำนวนแค่เก้าเท่านั้น
ปราณที่มีจำนวนไม่ถึงสิบ จะควบแน่นเป็นรัศมีได้อย่างไร?
ทั้งสองคนรู้สึกอิจฉาจนอยากจะร้องให้ อีกฝ่ายเป็นแค่ระดับบุปผาผลิบานแท้ๆ แถมยังดูมีอายุประมาณยี่สิบปีเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างปราณได้มากกว่ายี่สิบอันแล้ว
ยิ่งสู้พวกเขาก็ยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องยอมหันหลังและเผ่นหนีไป สมบัติงั้นรึ? พวกเขาไม่ต้องการแล้ว!
หลิงฮันไม่ได้ไล่ตาม เพราะอย่างไรเขาก็ทั้งสองคนนั่นก็ไม่มีความบาดหมางกัน เขาแค่ต้องการจะทดสอบพลังของทักษะอสนีบาตเก้าทิวา และผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเร็วกว่าเดิมสามเท่า ส่วนพลังต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นมามากกว่าห้าดาว!
ถ้าหากราชันกระบี่น้อยได้ทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ไป ด้วยพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาครึ่งก้าวของอีกฝ่าย พลังต่อสู้ของเขาจะต้องเทียบเท่าระดับก้าวสู่เทวาที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้นจักรวรรดิโบราณยังครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์อยู่ถึงสี่ทักษะ และทักษะอสนีบาตเก้าทิวานี้ไม่ใช่ทักษะที่ทรงพลังที่สุด เป็นเรื่องยากจริงๆหากจะให้จินตนาการถึงความน่าสะพรึงกลัวของทักษะเก้าสวรรค์ย่อยยับที่เป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่ทักษะ
“ตอนนี้ถ้าข้าพบกับราชันกระบี่น้อยอีกครั้ง… ข้าสมควรสู้กับอีกฝ่ายได้พอฟัดพอเหวี่ยง ส่วนการหลบหนีนั้นไม่ใช่ปัญหา” หลิงฮันพึมพำกับตัวเอง ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสามเท่า หากใช่ควบคู่กับทักษะย่างก้าวเทพธิดาปีศาจ แม้แต่ตัวตนระดับก้าวสู่เทวาก็ยังลำบากหากจะไล่จับเขา