ต่อสู้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ
ต้วนหมิงต๋าล่าถอย หลิงฮันไล่ตามไม่ปล่อย ทำให้ทั้งสองคนดูเหมือนคู่รักที่ไม่อาจพลัดพรากจากกันได้
แต่ต้วนหมิงต๋าไม่มีความรู้สึกแบบนั้น มันรู้สึกแค่ความหวาดกลัวเท่านั้น ความเร็วของรุ่นเยาว์ผู้นี้รวดเร็วมาก ราวกับเป็นเงาติดตัว แล้วมันจะไม่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวได้อย่างไร
ไม่มีทางที่ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ เขาจะต้องเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอย่างแน่นอน หรืออาจอยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผลผลิบานก็เป็นได้
แต่ปัญหาคือแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบานจริง เขาไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้ ทั้งที่ตัวมันเป็นถึงจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ ที่สามารถสังหารจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้ด้วยนิ้วมือเดียว แต่ทว่ามันกลับถูกบังคับให้ล่าถอยฝ่ายเดียว
หลิงฮันไล่ตามไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือหมัดที่ทรงพลังของเขา
ตู้ม ตู้ม ตู้ม หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัด บังคับให้ต้วนหมิงต๋าล่าถอยไม่หยุด และหลบอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ถูกการโจมตีของหลิงฮัน
นี่มัน!
ทุกคนตกตะลึง…หลิงฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก!
หมัดของฮูหนิวสามารถจัดการจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นต้นได้ แต่หมัดของหลิงฮันนั้นทรงพลังยิ่งกว่า เขาสามารถกดดันจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณได้!
ในขณะที่หลิงฮันโจมตี ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน และพวกเขามีความคิดเหมือนกับต้วนหมิงต๋า จอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบานไม่ควรแข็งแกร่งขนาดนี้!
เมื่อพิจารณาในกรณีของฮูหนิวก่อนหน้านี้เข้าไปด้วย นี่คือความสามารถระดับสัตว์ประหลาดที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับพลังได้
มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง!
มีเพียงแค่ฉินหยีเย่วเท่านั้นที่ไม่ตกใจเท่าคนอื่น แต่นางยังคงจ้องมองหลิงฮันด้วยความประหลาดใจ ในทางตรงกันข้าม นางยังเรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะได้หรือไม่?
ไม่สิ นางยังเป็นอัจฉริยะ แต่ความสามารถของฮูหนิวและหลิงฮันนั้นเป็นสัตว์ประหลาดต่างหาก
“ย๊าก!” ต้วนหมิงต๋าตะโกน หมอกสีม่วงปรากฏออกมาและเข้าล้อมรอบหลิงฮัน
ในขณะนั้น หลิงฮันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าให้มันเข้ามาล้อมรอบ ร่างกายของเขากลายเป็นลำแสงแวบหายไป และปรากฏตัวห่างออกไปหลายเมตร แล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าเด็กอวดดี ข้าจะฆ่าเจ้า!” ต้วนหมิงต๋าตะโกน ครั้งนี้มันนำผ้าผืนหนึ่งออกมา มันดูคล้ายเศษเสื้อผ้า แต่มันดูใหญ่กว่ามาก และถูกปักด้วยลวดลายของผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามสายลมและกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา และทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตระหนก
อาวุธวิญญาณ!
“ตาย!” ต้วนหมิงต๋าคำราม อาวุธวิญญาณที่คล้ายผ้าปล่อยลำแสงใส่หลิงฮัน และต้วนหมิงต๋าพุ่งเข้าหาหลิงฮันด้วยตัวเองพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ
หลิงฮันหัวเราะ ถ้าอีกฝ่ายเป็นราชันกระบี่น้อย เขาคงไม่มีทางปะมือด้วยได้ นั่นเป็นเพราะเขาสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ ซึ่งราชันกระบี่น้อยเองก็สามารถทำได้ ทำให้มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับพลัง
แต่ต้วนหมิงต๋านั้นแตกต่าง แม้ว่ามันจะเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่มีพลังต่อสู้ประมาณสิบดาวเท่านั้น มันดูไม่น่าหวาดกลัวเลย
หลิงฮันปลดปล่อยทักษะอสนีบาตเก้าทิวา และเขากลายเป็นสายฟ้าที่พุ่งเข้าหาต้วนหมิงต๋าพร้อมกับกำปั้นทั้งสองข้าง
“เจ้าเด็กเหลือขอ!” ต้วนหมิงต๋าปล่อยหมอกสีม่วงเข้าล้อมรอบหลิงฮันอีกครั้ง นี่เป็นทักษะลับของนิกายวายุจันทรา ในกรณีที่เป็นศัตรู มันอาจทำให้จิตใจของฝ่ายตรงข้ามสับสน แต่สำหรับผู้คนของนิกายวายุจันทรา มันคือยาชูกำลังที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
หลิงฮันปิดรูขุมขนทั้งร่างกายด้วยพลังก่อเกิด ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ถอยหนีอีกแล้ว และตอบโต้ด้วยการโจมตี
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ทั้งสองคนต่อสู้กัน
อาวุธวิญญาณที่มีลักษณะคล้ายผ้าของมันทรงพลังมากและปล่อยลำแสงใส่หลิงฮันไม่หยุด การโจมตีของมันเทียบได้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย เพื่อไม่ให้ประมาท หลิงฮันจึงเลือกหลบเพราะเขาเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น
ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธวิญญาณ ทำให้ต้วนหมิงต๋าเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงเพราะหลิงฮันใช้แค่มือเปล่าเท่านั้น ถ้าเขาใช้อาวุธวิญญาณเหมือนกัน เขาจะเหนือกว่าอีกฝ่ายหรือไม่? นี่มันน่ากลัวไปแล้ว จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?
ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งห้าคนรวมถึงโฉวจื่อเฟยกลายเป็นซีดขาว ถ้านิกายวายุจันทราเป็นฝ่ายชนะพวกเขาอาจถูกฆ่า แต่ถ้าหลิงฮันเป็นฝ่ายชนะทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเลือกหลิงฮันให้ถูกฆ่าเป็นคนแรก แล้วหลิงฮันจะปล่อยพวกเขาไปหรือไม่?
ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา พวกเขาก็จะต้องตายอยู่ดี?
พวกเขาทุกคนเริ่มเดินถอยหลังและต้องการหลบหนี ส่วนสำนักสวรรค์…ปีหน้าค่อยเข้าร่วมก็ได้
“หึหึ พวกเจ้าคิดจะไปไหน?” ฮูหนิวเอามือเท้าเอวและแสดงสีหน้าดุร้าย
ส่วนชางเย่ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร
แค่ชางเย่เพียงคนเดียว แม้พวกเขาจะร่วมมือกันมันก็ยากแล้ว แต่นี่กลับมีฮูหนิวด้วย พวกเขาจึงทำได้แค่หยุด โฉวจื่อเฟยยิ้มออกมาและพูดว่า “ชางเย่ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ชางเย่พูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่มีใครอนุญาตให้จากไปจนกว่านายน้อยฮันจะอนุญาต!”
นายน้อยฮัน? หรือว่าเขาจะหมายถึงหลิงหยุน?
โฉวจื่อเฟยและคนอื่นรู้แค่ว่าหลิงหยุนไม่ใช่ชื่อจริงของหลิงฮัน แต่พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินชางเย่เรียกว่านายน้อยฮัน ตกลงเขาชื่อหลิงฮันหรือหลิงหยุนกันแน่?
“ชางเย่ นี่เจ้าคิดจะทรยศพวกเรางั้นรึ?” โฉวจื่อเฟยตะโกนถามออกมาทันที “ข้าอุตส่ายอมรับเจ้าเข้ามาเป็นพวก และนี่คือสิ่งที่เจ้าตอบแทนพวกเรางั้นรึ?”
“เจ้ามันวายร้าย!” เจิงเจี้ยนเซินเองก็ตะโกนด่าออกมาเช่นกัน
ชางเย่แสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นวายร้ายแล้วพวกเจ้าจะทำไม?”
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ!” อยี่หยวนหมิงรีบพูดออกมา เขาเชื่อว่าชางเย่จะเกลี้ยกล่อมฮูหนิวให้
“กลุ่มคนที่คิดจะหลบหนีเอาตัวรอดเพราะเกรงกลัวต่อความตาย ข้าละอายใจยิ่งนักที่อยู่กับพวกเจ้า!” ชางเย่กล่าวอย่างเย็นชา และจิตสังหารของเขารุนแรงมากยิ่งขึ้น
“ชางเย่ อย่าได้ลืมว่าพวกเราทุกคนเป็นสหายกัน” เหอหลันหยุนกล่าว
“ใช่แล้ว!” โฉวจื่อเฟยพยักหน้า ทันใดนั้น มันกระโจนเข้าหาเหอหลันหยุนและวางดาบอยู่บนลำคอของนาง “ปล่อยพวกข้าไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นนางจะต้องตายอยู่ที่นี่!”