เย่หรง
ถ้าในหุบเขาโอสถมีแค่สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานและระดับก้าวเข้าสู่เทวา หลิงฮันคงไม่สนใจเพราะเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานมานานแล้ว และบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว
“ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก มันมีสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณที่ปากทางเข้า ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าเข้าไปลึกมาก แต่ที่ปากทางเข้าข้าพบต้นสมุนไพร” ฉินหยีเย่วกล่าว “และเป็นเพราะหุบเขาโอสถ ข้าจึงพบกับหูชิ่งฟาง”
“อย่างงี้นี่เอง…” หลิงฮันพูดพึมพัม ตรงปากทางเข้าหุบเขาน่าจะเป็นสมุนไพรระดับเจ็ด บางทีอาจมีสมุนไพรระดับสูงกว่านั้นในหุบเขา
แม้จะเป็นแค่สมุนไพรระดับเจ็ด แต่มันก็ค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว
“พี่ชายหลิง ท่านสนใจแล้วงั้นหรือ?” ฉินหยีเย่วยิ้ม
“เช่นนั้นตามข้ามา!” ฉินหยีเย่วไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ และนำทางทันที ในขณะเดียวกันก็พูดถึงการค้นหุบเขาโอสถของนาง
เนื่องจากสำนักสวรรค์จะเปิดอย่างเป็นทางการในอีกครึ่งปี นางจึงไม่รีบและเดินทางอยู่แถวนี้เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง และนางก็พบกับโชคลาภหลังจากที่ตามกระต่ายขาวตัวใหญ่ทำให้นางพบกับหุบเขาโอสถ แต่ทว่ามันมีสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่ ซึ่งทำให้นางหวาดกลัว จึงต้องการหาคนเข้ามาร่วมทาง อย่างไรก็ตาม มันทำให้นางพบบังเอิญพบกับหูชิ่งฟาง และถูกอีกฝ่ายไล่ตามมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน
ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ไม่ไกลจากหุบเขาโอสถ
ฉินหยีเย่วนำทางพวกเขาตรงไปที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจะไปถึงที่นั่นภายในห้าวัน
หลังจากเดินทางทั้งวัน พวกเขาได้มาถึงเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งและหยุดพักที่นี่หนึ่งคืน
“แม่นางฉิน! แม่นางฉิน!” ในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นขณะที่พวกเขากำลังจะออกเดินทางต่อ พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งมาหา เมื่อดูจากรูปลักษณ์ของเขาแล้วเขาน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี และเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน เขาค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว
“เย่หรง!” ฉินหยีเย่วเผยสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ข้าได้ยินมาว่าแม่นางฉินถูกคนชั่วหูชิ่งฟางไล่ตาม ข้าจึงมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที โชคดี โชคดีจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าจะมาทันเวลา” เขาดูโล่งใจและดวงตาเผยให้เห็นถึงความรักที่มีต่อฉินหยีเย่ว
ฉินหยีเย่วไม่รู้สึกอะไรและพูดว่า “เขาคือศิษย์ของนิกายดาวเหินฟ้าศิษย์รักของประมุขนิกาย ชื่อของเขาคือเย่หรง ความสามารถในด้านวรยุทธของเขานั้นสูงส่งมากและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์”
เมื่อได้ยินฉินหยีเย่วพูดแบบนั้น เย่หรงแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมาทันที
การมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์แสดงได้แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และอัจฉริยะดังกล่าวเป็นธรรมดาที่จะเย่อหยิ่ง ซึ่งมันรู้สึกรังเกียจหลิงฮันมาก
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “ที่แท้เป็นพี่ชายเย่หรงนี่เอง”
เมื่อเห็นหลิงฮันทักทายอีกฝ่าย ชางเย่ จูเสวี่ยนเอ๋อ เหอหลันหยุนเองก็พูดทักทายเขาเช่นกัน ยกเว้นฮูหนิวที่ไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
เย่หรงเพิกเฉยคำทักทายของทุกคนเพราะคิดว่าตัวเองสูงส่ง และจ้องมองฉินหยีเย่วเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วพูดว่า “แม่นางฉิน ข้าจะพาเจ้าไปที่สำนักสวรรค์เอง”
ฉินหยีเย่วไม่พอใจและพูดว่า “พี่ชายเย่ ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
“ไม่ใช่ ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า!” เย่หรงไม่ได้คิดแบบนั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนอื่น มันคงจะรู้สึกโกรธเกรี้ยวและลงมือสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว
ฉินหยีเย่วมองหลิงฮัน เพราะพวกเขากำลังจะเดินทางไปที่หุบเขาโอสถ และถ้ามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคน นั่นหมายความว่าจะมีตัวหารเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ถ้าพี่ชายเย่หรงจริงใจขนาดนั้น เช่นนั้นพวกเราก็ไปเดินทางไปด้วยกันเลย”
ช่วยไม่ได้ที่เย่หรงจะหันไปมองหลิงฮัน เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังไล่ตามฉินหยีเย่วแต่ก็ยังช่วยเขาพูด บางทีมันอาจใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายภาพหลังได้ ดังนั้นมันจึงพูดออกมาว่า “เจ้าเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์อย่างนั้นรึ?”
เมื่อเห็นหลิงฮันพยักหน้า เย่หรงจึงยิ้มออกมาและพูดว่า “ข้าเป็นศิษย์สายตรงและมีสิทธิพิเศษบางอย่าง ในเมื่อเจ้าต้องการเข้าร่วมสำนักสวรรค์ ข้าสามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือพวกเจ้าได้เล็กน้อย”
“ยอดเยี่ยมเลย ขอบคุณพี่ชายเย่มาก” หลิงฮันกล่าว แม้จริงๆแล้วเขาจะไม่สนใจก็ตาม
จูเสวี่ยนเอ๋อ ฉินหยีเย่วใช้มือปิดปากของพวกนางเพื่อกั้นเสียงหัวเราะ ถ้าเขาเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลิงฮัน อีกฝ่ายจะต้องรู้สึกละอายใจอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งเจ็ดคนร่วมเย่หรงเข้าไปด้วยก็ออกเดินทางต่อ
เย่หรงเป็นคนที่ค่อนข้างมีภูมิฐานทีเดียว นิกายดาราเหินฟ้าไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายวายุจันทรา แต่ไม่อาจเทียบเคียงกับนิกายโบราณอย่างสำนักกระบี่ไร้เทียมทานและนิกายดาบสวรรค์ ซึ่งเย่หรงเป็นศิษย์คนที่เจ็ดของประมุขนิกาย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสามศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมสำนักสวรรค์
เขาอายุแค่สิบเก้าปี แต่ดูเหมือนคนอายุยี่สิบเจ็ดปี มันเป็นเพราะเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้รวดเร็ว ทำให้ใบหน้าเยาว์วัย
ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผาผลิบาน และมีพลังต่อสู้สิบหกดาว มันยอดเยี่ยมมาก!
ตลอดการเดินทาง เย่หรงเอาแต่พูดจาโอ้อวดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ทุกคนก็ไม่ได้ขัดใจเขา ทำให้เขาพูดไม่หยุด
สี่วันต่อมาหลังจากที่เดินทางผ่านมาหลายเมือง ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากหุบเขาโอสถและต้องการมุ่งหน้าไปให้ถึงที่หมายโดยไม่หยุดพัก แต่ทว่าหลิงฮันกับหยุดเดินอย่างกะทันหัน
“มีอะไรงั้นหรือ?” จูเสวี่ยนเอ๋อถาม
เย่หรงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมันเห็นแก่หน้าของฉินหยีเย่ว มันคงไม่ติดตามหลิงฮันมาถึงบัดนี้ และตอนนี้ได้เวลาเหมาะเจาะพอดีเลย หลิงฮันกล้าที่จะถ่วงแข้งถ่วงขามันงั้นหรือ?
“ตอนนี้ยังไม่มืดเลย ทำไมหมู่บ้านข้างหน้าถึงไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว?” หลิงฮันถาม
“ฮึ่ม พวกเขาอาจเข้านอนหมดแล้วก็ได้!” เย่หรงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านสามัญชน ถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น ทำไมพวกเราจะต้องสนใจด้วย?”
หลิงฮันเมินคำพูดของเย่หรงและมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน
เย่หรงโกรธจนตัวสั่นที่อีกฝ่ายกล้าเมินคำพูดของมัน มันจึงพูดว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย พวกเรา–” เย่หรงยังพูดไม่ทันจบ มันก็เห็นคนอื่นเดินตามหลิงฮันไปและเกือบทำให้มันเป็นลม