“พวกเราจะทำอะไรได้ มันเป็นถึงสัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณเชียวนะ ไม่มีทางที่จะเก็บเกี่ยวผลลูกพีชได้!” เย่หรงกล่าว ในความคิดเห็นของเขา คนอื่นเป็นแค่ตัวถ่วง และไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเขาแล้ว
มิฉะนั้น เขาจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักสวรรค์ได้อย่างไร?
เย่หรงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ข้าจะรับมือกับเสือดาวขนเทาเองส่วนพวกเจ้าจงใช้โอกาสนั้นเก็บเกี่ยวผลวิญญาณให้ได้มากที่สุดเท่าที่เก็บได้ หลังจากนั้นพวกเราค่อยกลับมาเจอกันนอกหมู่บ้านที่ห่างจากหุบเขาออกไปเจ็ดสิบไมล์”
หลิงฮันไม่สนใจ เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “สงสัยข้าต้องพึ่งพาพี่ชายเย่แล้ว”
เย่หรงเผยสีหน้ามั่นใจออกมา แต่ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย เขาทำเช่นนี้เพราะฉินหยีเย่ว
ทุกคนเดินไปแอบ ส่วนเย่หรงกระโจนออกมา เขาหยิก้อนหินขึ้นมาแล้วห่อหุ้มด้วยปราณก่อเกิดกับเจตจำนง ทำให้ก้อนหินทั้งก้อนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
จากนั้น เขาส่งเสียงตะโกนพร้อมกับปาหินออกไป พรึบ ก้อนหินที่ปาออกไปราวกับกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าหาเสือดาวขนเทา
ปัง ก้อนหินกระแทกกับหัวเสือดาวขนเทา
ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณที่ไม่ได้โคจรพลังปราณก่อเกิดออกมาป้องกัน หัวของคนผู้นั้นจะต้องแตกละเอียดอย่างแน่นอน แต่ทว่าเสือดาวขนเทานั้นเป็นสัตว์อสูร ผิวหนังของมันจึงแข็งและหนากว่ามนุษย์
มันส่ายหัวเล็กน้อยและหันไปมองรอบข้างเพื่อมองหาคนที่กล้าโจมตีมัน
ปัง เย่หรงปาหินใส่อีกก้อน
ครั้งนี้ เสือดาวขนเทาลุกขึ้นมาตอบโต้และปัดหินด้วยอุ้งเท้าของมัน แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธและกระโจนพุ่งเข้าหาเย่หรงด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
เย่หรงรีบหันหลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เขามั่นใจไม่มีทางต่อกรกับสัตว์อสูรที่อยู่บนจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณได้
เขาวิ่งไปได้หลายก้าวและหันหลังกลับไปมองมัน แต่ทว่าความเร็วของมันนั้นเร็วกว่าระดับตัวอ่อนวิญญาณทั่วไปและแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน และกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ!’ เย่หรงกล่าวสาปแช่งและรีบนำยันต์อาคมเคลื่อนที่ออกมาจากแหวนมิติ สีหน้าของเขาดูเจ็บปวด แต่ก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน และทันใดนั้นแสงสีขาวได้โอบล้อมตัวเขา ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้น
นี่เป็นการกระทำที่น่าเจ็บปวด เขาได้รับยันต์อาคมจากประมุขนิกายแค่สามใบเท่านั้นเพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเอง และเขาได้ใช้ไปแล้วหนึ่งใบเพื่อผลวิญญาณไม่กี่ลูก!
แม้ว่าจะได้รับผลวิญญาณสิบลูก แต่มันก็ยังคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อยู่ดี!
มันจะเทียบกับสมบัติที่สามารถช่วยให้รอดชีวิตได้อย่างไร?
แต่ทว่าตอนนี้เขาทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้น
“น่าเสียดาย หนิวอยากกินขาเสือดาวขนเทาจัง!” ฮูหนิวพูดออกมาขณะน้ำลายไหล
“ตอนนี้แหละ!” ฉินหยีเย่วกำลังจะวิ่งออกไป แต่ถูกหลิงฮันจับข้อมือเอาไว้ไม่ให้นางทำแบบนั้น
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” หลิงฮันกลอกตา
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะเข้าไปเก็บผลวิญญาณ” ฉินหยีเย่วกล่าว
“ห้ามเก็บ!” หลิงฮันส่ายหัวและเริ่มขุดดิน
ฉินหยีเย่วสูดลมหายใจ ชายคนนี้ช่างใจดำยิ่งนัก นางรีบพูดออกมาทันทีว่า “ต้นไม้นี่สามารถเติบโตได้ในสถานที่ที่พิเศษเท่านั้น แม้เจ้าจะขุดมันขึ้นมาใช่ว่าจะปลูกมันได้ทุกที่”
“ใครว่าข้าปลูกไม่ได้?” หลิงฮันยิ้มและรีบลงมือขุดให้เร็วขึ้น
“ข้าไม่เคยเห็นใครแปลกประหลาดเหมือนเจ้าเลย!” ฉินหยีเย่วจ้องมองหลิงฮัน
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะข้าไม่เหมือนใคร!” หลิงฮันหัวเราะ
“หนิวเองก็ไม่เหมือนใคร!” ฮูหนิวรู้สึกพึงพอใจ
ทั้งสองคนช่างงี่เง่ายิ่งนัก!
ฉินหยีเย่วคิดอยู่ในใจ แต่นางก็ยอมรับความสามารถของพวกเขาทั้งสองคนที่เหนือกว่าอัจฉริยะทั่วไป ในภูมิภาคกลางมีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ดั่งสัตว์ประหลาด
อย่างย่าวหุยเยว่แห่งนิกายดาบสวรรค์ ราชันกระบี่น้อยแห่งนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน ตงหลิงเอ๋อแห่งนิกายนกอมตะเมฆา หลางหยาเทียนแห่งนิกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์
หลิงฮันรีบดึงต้นพีชทั้งต้นขึ้นมาจากหลุม และหายเข้าไปในหอคอยทมิฬในพริบตา
“เกิดอะไรขึ้น!” ฉินหยีเย่วรู้สึกตกใจมาก “แหวนมิติของเขามีพื้นที่กว้างแค่ไหนกันถึงเก็บต้นไม้ทั้งต้นเข้าไปได้?” ต้องรู้ก่อนว่าต้นลูกพีชนี่มีความสูงมากกว่าหนึ่งร้อยฟุตไม่รวมรากของมัน แหวนมิติที่สามารถเก็บมันเข้าไปได้ในโลกใบนี้มีจำนวนน้อยมากจนน่าสงสาร
จูเสวี่ยนเอ๋อและช่างเย่ยิ้มรู้สึกขบขัน ถ้านางได้เข้าไปในหอคอยทมิฬและเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านในล่ะก็นางคงจะรู้สึกหวาดกลัวแทนที่จะรู้สึกตกใจ
“พวกเราเข้าไปดูในหุบเขากันเถอะ” ตั้งแต่ที่นี่เป็นหุบเขาโอสถ มันจะต้องมีสมุนไพรหลากหลายชนิดอย่างแน่นอน และหลิงฮันอยากจะเพิ่มชนิดของสมุนไพรในหอคอยทมิฬ
“ระวังตัวด้วย ข้าจะขึ้นไปดูจากที่สูงก่อนเข้า ถ้ามันมีสมุนไพรอยู่มากมาย มันก็อาจมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่หลายตัว!” ฉินหยีเย่วพูดเตือน
หลิงฮันพยักหน้า แต่ก็รู้สึกงงงวย เขาพูดว่า “สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมักชอบอาศัยอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วมันจะเข้าไปในหุบเขาทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น หุบเขาโอสถไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างอาณาเขตของเสือดาวขนเทาเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสัตว์อสูรตัวอื่นเลย
ครื้น ครื้น พวกเขายังไม่ทันย่างก้าวเข้าไปในหุบเขา แต่ก็ได้ยินเสียงอึกทึกออกมาจากหุบเขา ราวกับสัตว์อสูรหลายตัวกำลังวิ่งและทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทุกคนมองไปที่หุบเขาและเห็นเมฆฝุ่นเต็มไปหมด กลุ่มสัตว์อสูรกำลังแห่กันวิ่งออกมา
“พวกเรายังไม่ทันย่างก้าวเข้าไปเลย ทำไมพวกมันถึงแห่กันออกมาแล้ว?”
สัตว์อสูรเหล่านั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเสือมีปีก อสรพิษยักษ์สี่ขา และอินทรีย์ครามไร้ขน ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันแต่ละตัวล้วนแข็งแกร่ง
สัตว์อสูรระดับก้าวสู่เทวา!
ด้านหน้าของสัตว์อสูรพวกนั้น มีกระต่ายยักษ์ที่มีความสูงครึ่งหนึ่งของคนและมีหัวไชเท้าสีม่วงอยู่ในปากของมัน มันกำลังวิ่งหนีสัตว์อสูรพวกนั้นอยู่
“โฮก!” “โฮก!” “โฮก!”
สัตว์อสูรพวกนั้นกำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว และจ้องมองกระต่ายยักษ์ด้วยความโกรธ
“สัตว์อสูรพวกนั้นกำลังไล่ล่ากระต่ายอยู่!”
“ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเราแท้ๆกลับถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้อง!”
“วิ่ง!”