พวกหลิงฮันเดินผ่านประตูทางเข้าที่พัก โดยมีชายร่างใหญ่คอยนำทางพวกเขาไปยังบริเวณที่จัดงานเลี้ยง
“พี่ชายฮัน เมื่อครู่เป็นการกระทำของท่านสินะ?” จู่ๆน้องสาวของหลี่เฟิงหยู่ก็มองมาที่หลิงฮันและเอ่ยขึ้นมา
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าไม่ควรพูดใส่ร้ายคนอื่น!” เมื่อครู่เป็นเขาจริงๆที่ใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไปเพื่อทำให้ซั่วเฉียวเล่อเฉิงล้มลง แต่ทักษะที่ใช้ออกไปไม่สมควรมีใครมองเห็นแท้ๆ แต่นางกลับพูดขึ้นมาเช่นนี้
หลี่เฟิงหยู่หัวเราะและพูด “ต่อหน้าน้องสาวข้า เจ้าไม่อาจปกปิดความลับใดๆได้ พรสวรรค์ของนางนั้นยอดเยี่ยม แถมยังมีสัมผัสสังหรณ์ที่หาผู้ใดมาเทียบได้ยาก”
“ท่านพี่!” น้องสาวของหลี่เฟิงหยู่แสดงท่าทีไม่พอใจ ทำไมพี่ชายของนางถึงได้เปิดเผยความลับของนางให้กับคนที่เพิ่งพบเจอครั้งแรกกัน?
หลี่เฟิงหยู่กระแอมและพูด “เอาล่ะ ข้าขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือน้องสาวของข้าหลี่ซือเชียน เห้อ แม้นางจะอายุเข้าสู่ช่วงยี่สิบปีแล้วแต่ก็ยังหาสามีไม่ได้เสียที มาตรฐานของนางสูงเกินไปจนอัจฉริยะทั่วไปไม่อยู่ในสายตาของนางแม้แต่น้อย ในฐานะพี่ชายข้าล่ะปวดหัวจริงๆ”
หลี่ปากกว้างสมชื่อ!
“ท่านพี่!” หลี่ซือเชียนรู้สึกโกรธเคืองจนกระทืบเท้าอย่างแรง
หลิงฮันหัวเราะ เขานึกไม่ออกเลยว่าหากมีพี่ชายเช่นนี้แล้วจะต้องรู้สึกยังไง เขาเองก็เริ่มแนะนำฝ่ายตนเองเช่นกัน “ข้าชื่อหลิงฮัน ส่วนนี่คือสหายของข้าจูเสวียนเอ๋อ เด็กสาวคนนี้ชื่อฮูหนิว ส่วนนั่นคือกระต่ายจอมอันธพาล”
“ว่าไงนะ เจ้าเรียกใครว่าอันธพาลกัน? นายท่านกระต่ายผู้นี้… อ้ากก!” เจ้ากระต่ายกลายเป็นไม่สบอารมณ์ แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกฮูหนิวกัดหางจนกรีดร้องออกมา
พี่น้องหลี่ตกตะลึงขึ้นมาทันที เจ้ากระต่ายขาวยักษ์ตัวนี้พูดได้ด้วย?
“ถูกต้องแล้ว เจ้ากระต่ายตัวสามารถพูดได้” หลิงฮันพยักหน้า
“ปล่อยๆๆ หางของนายท่านกระต่ายไม่ใช่ว่าจะงอกได้ง่ายๆนะ ห้ามทำให้มันสั้นไปมากกว่านี้!” เจ้ากระต่ายร้องโอดครวญ
พี่น้องหลี่ยังไม่หายจากอาการตกตะลึง สัตว์อสูรที่พูดได้งั้นรึ? ทั้งสองจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนลืมไปว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้นามแฝงเหมือนก่อนหน้านี้
ภายใต้การนำทางของชายร่างใหญ่ พวกเขาก็มาถึงทะเลสาปแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็วและมองเห็นโต๊ะยาวที่มีอาหารและไวน์ที่หรูหราวางเอาไว้ โดยที่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
ผู้คนที่เข้าร่วมงานต่างก็ถือจานและไวน์เดินพูดคุยกันไปมา
สำหรับจอมยุทธแล้ว แม้จะไม่มีเก้าอี้ให้นั่งพวกเขาก็ไม่รู้สึกปวดเมื่อยอะไร และการที่ไม่มีเก้าอี้ตำแหน่งสำหรับใครบางคน ก็ยิ่งทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานไม่เกิดความรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาสามารถเดินคุยไปกินไปได้อย่างสนุกสนาน
หลิงฮันพยักหน้าในใจ ถึงแม้เขาจะยังไม่เคยเห็นไข่มุกงามแห่งตระกูลหวังตัวเป็นๆ แต่จากการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความคิดการอ่านที่ไม่ธรรมดาของนาง
เมื่อหลี่เฟิงหยู่มองเห็นผู้คนจำนวนมาก ไฟร้อนแห่งการซุบซิบนินทาของเขาก็ลุกโชนทันที “น้องข้า น้องชายหลิง น้องสาวจู พวกเจ้าไปหาที่ยืนกินอาหารกันก่อน ข้าจะไปเข้าไปพูดคุยกับคนอื่นๆซักเล็กน้อย!”
ไม่ต้องรอให้หลิงฮันตอบตกลงหลี่เฟิงหยู่ก็ปลีกตัวออกไปแล้ว
‘ซั่วเฉียวเล่อเฉิงที่น่าสงสาร…’ หลิงฮันคิดแอบคิดในใจและรู้สึกสนุกเล็กน้อย
“กิน! กิน! กิน!” ฮูหนิวดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นของกินมากมายตรงหน้า แต่หลังจากใช้จมูกสูดดมกลิ่นอาหารเหล่านั้น นางก็อดแสดงท่าทีผิดหวังออกมาไม่ได้ “กลิ่นไม่น่ากินเลย!”
หลิงฮันยิ้มและพูด “ก็ของฟรีนี่น่าจะให้ทำไงได้ ยังไงก็กินๆไปเถอะ”
“ก็ได้ หนิวจะลองกินดูแล้วกัน” ฮูหนิวถอนหายใจ
ทั้งสองคนมาที่โต๊ะและเริ่มสวาปามอาหารจนทำให้ผู้คนรอบข้างอ้าปากค้าง นี่พวกเจ้าเป็นผีอดยากรึไง? ถึงได้ยัดอาหารเข้าไปได้ขนาดนั้น?
“เอาอาหารมาเพิ่ม!”
“…ได้! “
หลังจากผ่านไปสักพัก ซั่วเฉียวเล่อเฉิงก็เดินเข้ามา ครั้งนี้เขาไม่ได้พาคนขับรถม้าติดตามมาด้วย สภาพของเขาได้เปลี่ยนกลับกลายมาเป็นอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิเหมือนเดิม
แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนในงานก็ชี้นิ้วไปที่ซั่วเฉียวเล่อเฉิงและเริ่มซุบซิบนินทา บางคนถึงขนาดมีร่องรอยรังเกียจปรากฏที่บนใบหน้าเลย
ชายผู้เบี่ยงเบนเข้างานมาแล้ว!
ซั่วเฉียวเล่อเฉิงเกือบจะเป็นลมล้มลงไป เขามาสายเกินไป… หลี่เฟิงหยู่นำเรื่องของเขาไปแพร่งพรายให้กับทุกคนแล้วสินะ? หลี่ปากกว้างช่างทำตัวได้สมฉายาจริงๆ!
เขาพยายามทำใจให้สงบนิ่ง ยิ่งเขาแก้ตัวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งถูกสงสัยมากเท่านั้น
“โอ้ แม้ตอนที่มองดูจากที่ไกลๆจะดูงดงาม แต่พอมามองใกล้ๆแล้วหน้าตาของเจ้าก็ธรรมดานี่” กลิ่นอันหอมหวานลอยโชยผ่านเข้ามาพร้อมกับร่างของสตรีนางหนึ่ง หลังจากสตรีผู้นั้นกวาดสายตามอง
จูเสวียนเอ๋อไม่เก็บคำพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ นางเป็นสตรีที่แข็งแกร่งและงดงามที่สุดในโลกซึ่งหายากมากในรอบพันปี ยิ่งกว่านั้นแล้วนางก็ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมาชื่นชมหรือยกยอความงดงามของนางแม้แต่น้อย นางต้องให้หลิงฮันเป็นผู้ที่สามารถชื่นชมความงามของนางได้แต่เพียงผู้เดียว
แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ถึงแม้ตอนนี้จูเสวียนเอ๋อจะเป็นเพียงสหายของเขา แต่เขาก็ไม่อาจยอมให้คนอื่นมาดูถูกนางได้ นอกจากนั้นแล้วไม่ใช่ว่าหลิงฮันกับจูเสวียนเอ๋อมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่อกันอยู่รึไง?
“สตรีอัปลักษณ์ เจ้าพล่ามอะไรอยู่?” หลิงฮันเอ่ยขึ้นมา
“สะ…สตรีอัปลักษณ์?” ใบหน้าอันงดงามของสตรีผู้นั้นบูดเบี้ยว มีคนกล้ามาพูดกล่าวหาว่านางเป็นสตรีอัปลักษณ์? รู้รึเปล่าว่ามีบุรุษมากมายขนาดไหนที่ไล่ตามหวังจะครอบครองข้า? แต่ตอนนี้กลับมีใครก็ไม่รู้ว่าหยามว่าข้าเป็นสตรีอัปลักษณ์!
“ไม่ใช่แค่ใบหน้าที่อัปลักษณ์ แต่หัวใจของเจ้าก็อัปลักษณ์ไม่แพ้กัน” หลิงฮันถอนหายใจ
สตรีผู้นั้นโกรธจนตัวสั่น นางรู้สึกได้ว่าคำพูดของหลิงฮันนั้นทั้งเย็นชาและเจ็บปวด! เมื่อครู่นี้นางมองแผ่นหลังของจูเสวียนเอ๋อและเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า จูเสวียนเอ๋อนั้นเป็นสตรีที่งดงามจนนางไม่อาจเทียบเคียงได้
เพราะงั้นนางจึงอดใจไม่ไหวและเดินมาดูอย่างใกล้ชิด แต่ใครจะไปคิดกันว่าจูเสวียนเอ๋อจะมีใบหน้าที่ธรรมดาเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางโล่งอกและอดพูดจาเยาะเย้ยออกมาไม่ได้
“ธิดาจิ่ง มีเรื่องอะไรงั้นรึ?” บุรุษรุ่นเยาว์จำนวนสิบกว่าคนปรากฏตัวล้อมรอบนางทันที
“ชายคนนั้น… พูดจาหยาบคายกับข้า!” นางพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและพูด “เลิกพล่ามอะไรไร้สาระให้อาหารของข้าเสียรสชาติเสียที แม้ข้าจะใจกว้างแต่ข้าไม่ก็คิดจะหันไปมองเจ้าหรอก เจ้าคิดจริงๆว่าตัวเองงดงาม?”
เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีบุรุษเช่นนี้อยู่บนโลก ลิ้นของเขาช่างโหดเหี้ยวราวกับคมดาบ คำพูดของเขาทำให้นางเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
“พูดจาสามหาว!” บุรุษผู้พิทักษ์สตรีคนหนึ่งก้าวออกมา “รีบคุกเข่าขออภัยธิหาจิ่งซะ ไม่เช่นนั้นข้า ชูเสี่ยวเทียนผู้นี้จะไม่ยกโทษให้เจ้า!”