ตูม!
กระบี่สมบัติทั้งยี่สิบหกเล่มระเบิดตัวเองพร้อมกัน ก่อเกิดเป็นแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว ‘ครืนนน’ ที่พักตระกูลหวังพังทลายในทันที
คลื่นกระแทกที่ทรงพลังทำให้เหล่ารุ่นเหล่าที่มีพลังระดับบุปผาผลิบานกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
กระบี่สมบัติทั้งยี่สิบหกเล่มมีพลังเทียบได้กับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลาย อำนาจทำลายล้างของมันจึงน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
จูเสวียนเอ๋อนั้นยังสบายดีเพราะนางมีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย ส่วนฮูหนิวนั้นยิ่งน่าตกตะลึงยิ่งกว่า เมื่อมือเล็กๆของนางกวาดผ่านไปด้านหน้า คลื่นกระแทกที่พุ่งเข้ามาก็ถูกนางฉีกออกเป็นสองซีกจนไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บให้แก่นางได้
ในระยะที่ห่างไกล ร่างของหลิงฮันค่อยๆปรากฏตัว แม้สีหน้าของเขาจะซีดเผือดและกระอักเลือดออกมา แต่ใบหน้าของเขาก็ยังแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ชามพลิกสวรรค์ได้ดูดซับกระบี่เข้ามาสิบเล่มพร้อมกันและหลอมกลั่นเปลี่ยนให้กลายเป็นหยดแร่เหล็กอันบริสุทธิ์
เมื่อเขาเทออกมา แร่เหล็กก็แข็งตัวอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแท่งเหล็กที่มีน้ำหนักร้อยปอน เมื่อเทียบกับน้ำหนักของกระบี่ทั้งสิบเล่มที่ดูดซับเข้าไปแล้ว แท่งเหล็กมีน้ำหนักเบากว่าอย่างน้อยหนึ่งร้อยเท่า
นี่คือประสิทธิภาพการทำงานของชามพลิกสวรรค์ ‘หลอมกลั่นให้บริสุทธิ์!’
ก่อนหน้ามันคือกระบี่สมบัติระดับเจ็ด แต่ตอนนี้เมื่อผ่านกระบวนการหลอมกลั่นแล้ว มันสมควรกลายเป็นแร่เหล็กผสมระดับแปดที่แม้แต่หลิงฮันก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันคือแร่เหล็กประเภทใด
แต่ไม่ว่ายังไงมันก็คือแร่ระดับแปดที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
หลิงฮันโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ภายในพริบบาดแผลของเขาก็ถูกฟื้นฟู เขายิ้มและกล่าว “เด็กน้อย เจ้ายังมีสมบัติอะไรจะมอบให้ท่านปู่ผู้นี้อีกรึไม่?”
ซวนหยวนจื่อกวงรู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เขาต้องการส่งกระบี่สมบัติไปยังหลิงฮันก็จริง แต่ไม่ใช่เพื่อเป็นวัตถุดิบหลอมกลั่นให้กับอีกฝ่าย
หลิงฮันตัดสินใจไม่สังหารซวนหยวนจื่อกวงทิ้งในตอนนี้ ชายหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนกับตัวนำโชคที่จะหาสมบัติมามอบให้เขา หากปล่อยให้มีชีวิตต่อไปเขาก็จะสามารถปล้นชิงสมบัติจากอีกฝ่ายได้อีกครั้ง หากต้นไม่ยังไม่ถูกถอนราก เราก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากมันได้เรื่อยๆ
…ถ้าซวนหยวนจื่อกวงรับรู้ความคิดของหลิงฮัน มันจะเป็นยังไงกันนะ
หวังอีหยุนจ้องมองไปยังท้องฟ้า ใบหน้าอันงดงามของนางยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของนางกลับแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด งานเลี้ยงที่นางจัดขึ้นถูกทำลายโดยหลิงฮันและซวนหยวนจื่อกวง แต่ว่าซวนหยวนจื่อกวงเป็นคนของนางดังนั้นนางจึงผลักไสความโกรธไปลงที่หลิงฮันคนเดียว
“พี่ชายหลิง ข้ากล่าวไว้ว่าหากท่านไม่ยอมรับศิษย์พี่ในฐานะผู้นำ อีหยุนจะเป็นตัวแทนของศิษย์พี่ในการประลองกับท่านเอง” นางสะบัดชายเสื้อเล็กน้อยพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายอันสง่างามออกมา
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและเผยรอยยิ้ม “เจ้าต้องการพนันกับข้ารึไม่?”
“ข้าขอพนันกับชามหินของเจ้า” หวังอีหยุนกล่าวพร้อมกับชี้นิ้ว “ถ้าข้าชนะ เจ้าจะต้องมอบชามหินมาให้ข้า”
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะกล่าวกลับไป “ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องยอมแต่งงานกับพี่ชายของข้า” หลิงฮันชี้นิ้วใส่มู่หลงชิง
“ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับสาวอัปลักษณ์อย่างนาง!” มู่หลงชิงคำรามด้วยความโกรธ “ห้ามพูดล้อเล่นกับข้าเช่นนี้อีก!”
หลิงฮันหัวเราะและพูด “โอ้ แย่จัง ดูเหมือนพี่ชายข้าจะไม่ชอบเจ้า งั้นของพนันฝ่ายเจ้าก็เอาเป็นแร่เหล็กหรือไม่ก็สมบัติแล้วกัน”
“ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” ชายหนุ่มหลายคนคำราม พวกหลิงฮันบังอาจมีความคิดจะนำธิดาในใจของพวกเขาไปเป็นเจ้าสาวงั้นรึ?
หวังอีหยุนยังคงสงบนิ่งและนำสมุนไพรออกมา “นี่คือหญ้านกอมตะคำรามที่เป็นสมุนไพรระดับเจ็ด มันเพียงพอรึไม่?”
“ก็พอใช้ได้” หลิงฮันพยักหน้า ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว แม้แต่สมุนไพรระดับสิบก็ไม่สามารถนำมาเทียบกับชามพลิกสวรรค์ได้ แต่หากได้สมุนไพรระดับเจ็ดมาก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
หวังอีหยุนกล่าวเพิ่ม “แต่ในเมื่อชามพลิกสวรรค์คือรางวัลในการประลองของเรา ข้าขอให้พี่ชายหลิงเก็บมันเอาไว้และห้ามนำออกมาใช้”
สตรีนางนี้นับว่าฉลาดไม่น้อย…
สำหรับหลิงฮัน ชามพลิกสวรรค์คืออาวุธวิญญาณที่ทรงพลังที่สุด ก่อนหน้านี้มันสามารถสลายและหลอมกลั่นกระบี่สมบัติของซวนหยวนจื่อกวงได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ด้วยเงื่อนไขของหวังอีหยุน เขาจะไม่สามารถนำชามพลิกสวรรค์ออกมาใช้ในการประลองได้
หลิงฮันหัวเราะและเก็บชามพลิกสวรรค์กลับมาพร้อมกับกล่าว “เจ้านับว่าระวังตัวไม่เบา แต่การระวังตัวเกินไปก็ใช้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ”
หวังอีหยุนยิ้มเล็กน้อยและกวาดแขนออกไป ทันใดนั้นเบื้องหน้าของนางก็มีพิณโบราณปรากฏขึ้นมา พิณนั้นได้มีรูปร่างของอัศวินชุดเกราะถูกสลักเอาไว้มากมาย
นางก้มตัวนั่งลงบนอากาศที่ว่างเปล่าพร้อมกับร่างที่คอยๆลอยขึ้นฟ้า “พี่ชายหลิงโปรดฟังท่วงทํานองของข้าให้ดี”
‘ฟรึบ!’
เมื่อมือของนางเริ่มดีดบรรเลง เสียงอันไพเราะของพิณก็ดังขึ้น
แววตาของทุกคนเปลี่ยนเป็นเปลี่ยนเป็นหลงใหล รูปลักษณ์ที่งดงามของหวังอีหยุนกับทักษะการดีดพิณของนางทำให้ผู้คนนับพันตกอยู่ในความลุ่มหลง
เสียงบรรเลงเกิดการผันแปรเล็กน้อย ทำให้แววตาของหลิงฮันว่างเปล่าไปชั่วขณะ
คิดจะสั่นคลอนจิตใจของเขา?
หลิงฮันแสยะยิ้ม ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก เป็นเพียงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแต่คิดจะสั่นคลอนจิตใจเขาที่มีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์?
‘ตึง!’
เสียงพิณเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เสียงบรรเลงที่อ่อนโยนหายไปกลายเป็นบทบรรเลงแห่งการสังหาร
‘ฟุบ!’ อัศวินชุดเกราะบนพิณส่องสว่าง เมื่อเสียงบรรเลงดังก้องกังวานไปทั่ว ร่างของอัศวินชุดเกราะก็ยืนขึ้นและทะยานออกมากลางอากาศ อัศวินชุดเกราะมีทั้งหมดแปดสิบเอ็ดตน พวกมันทั้งล้วนแต่มีพลังระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นสูง
พิณนี้คืออาวุธวิญญาณที่สามารถอัญเชิญจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแปดสิบเอ็ดตนออกมาได้
ไม่แปลกใจเลยที่หวังอีหยุนเสนอให้หลิงฮันเก็บชามพลิกสวรรค์กลับไป นั่นเป็นเพราะนางกลัวว่าอัศวินชุดเกราะจะถูกสลายโดยชามพลิกสวรรค์นั่นเอง
อัศวินเหล่านั้นสวมชุดเกราะหนาเต็มตัว ในมือของพวกมันถือครองอาวุธหลากหลายชนิดและไม่มีความลังเลที่จะลงมือสังหารหลิงฮัน
ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ก่อนหน้านี้คือกระบี่สมบัติสามสิบหกเล่ม แต่คราวนี้คืออัศวินระดับตัวอ่อนวิญญาณแปดสิบเอ็ดตนที่ไม่อาจต้านทาน!
หลิงฮันไร้ความหวั่นเกรง กระบี่ที่ซวนหยวนจื่อกวงใช้คืออาวุธวิญญาณระดับเจ็ดสามสิบหกเล่ม แต่อัศวินระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นเกิดจากอาวุธวิญญาณชิ้นเดียว แน่นอนว่าพลังของพวกมันย่อมต่างกัน
หลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมา ด้วยอาวุธวิญญาณชิ้นนี้ เขาจะต้องหวาดกลัวใครอีก?
‘ฟุบ’ อักขระบนดาบกำเนิดมารส่องสว่าง หนึ่ง… สอง… สาม!
อักขระที่เขากระตุ้นใช้งานได้มีจำนวนเพิ่มมาอีกหนึ่ง
อย่าคิดว่าเพิ่มมาแค่หนึ่งแล้วจะไร้ความหมาย เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงนี่คืออาวุธวิญญาณระดับสิบ
ภายในพริบตาพลังปราณอันไร้ที่สิ้นสุดก็พลั่งพรูออกมา หลิงฮันสะบั้นดาบในมือราวกับเป็นจอมอสูรที่ยิ่งใหญ่ พลังทำลายล้างอันมหาศาลที่ปะทุออกมาได้กลืนกินอัศวินระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งแปดสิบเอ็ดตน