ตอนนี้หลิงฮันเองก็สามารถทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณได้แล้ว แต่เขาเลือกที่จะสร้างรากฐานให้มั่นคงไปอย่างช้าๆ
ในชีวิตที่แล้ว เขามุ่งหวังแค่เพียงการเพิ่มระดับพลังให้สูงที่สุด แต่ในชีวิตนี้เขาไม่อาจทำเช่นนั้นนั้น เขาต้องบ่มเพาะทุกๆระดับพลังให้มั่นคงจนถึงจุดสมบูรณ์แบบก่อนที่จะทะลวงผ่าน
จะอย่างไรเขาก็ยังเยาว์วัยอยู่ อายุของเขายังไม่ถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเร่งรีบ
ก่อนจะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ เขาต้องสร้างปราณดาบให้ถึงสามสิบเล่มและบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ให้บรรลุกายาเพชรเสียก่อน
แต่ตามทฤษฎีที่มีมาดังแต่ยุตบรรพกาลแล้ว ขีดจำกัดของปราณดาบคือยี่สิบก้าวเล่ม เพราะขนาดทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มยังสามารถปลดปล่อยประแสงแห่งดาบออกมาได้เพียงสามพันเล่ม ไม่ใช่สามพันหนึ่งร้อยเล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากจะสร้างปราณดาบเล่มที่สามสิบนั้นยากลำบากขนาดไหน กายาเพชรเองก็เป็นสิ่งที่บรรลุได้เพชรเองก็เป็นสิ่งที่บรรลุได้ยากเช่นกัน แม้หลิงฮันจะกินสมุนไพรและสมบัติไปมากขนาดไหน ร่างของเขาก็ราวกับเป็นรหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง ไม่มีทางเติมเต็มได้
แน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลเป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาฝึกฝนทักษะกายาเก้ามังกรทรราช พลังงานจากสมบัติส่วนใหญ่ถูกดูดกลืนไปเพิ่มพลังกายของเขา
ชางเย่เองก็ดำเนินแผนการไปได้ราบรื่นเช่นกัน เขาได้รับเม็ดยาและสมบัติมากมายจากหลิงฮันเพื่อให้นำไปจักจูงรุ่นเยาว์จากตระกูลโบราณมาเป็นพวก
เขาซื้อใจของศิษย์ที่แท้จริงจากนิกายดาบสวรรค์คนหนึ่งได้และอีกฝ่ายยินดีที่จะเรียกชางเย่ว่าพี่ใหญ่ เมื่อเห็นโอกาส ชางเย่จึงเสนอให้อีกฝ่ายนำแผนที่ยุคโบราณมาแล้วเขาจะมอบสมบัติมากมายให้
แน่นอนว่าศิษย์ที่แท้จริงผู้นั้นย่อมตกลง ก่อนที่จะเริ่มการเปิดรับสมัครเข้าร่วมสำนักสวรรค์ยังมีเวลาอีกประมาณสี่เดือน เขายังสามารถกลับไปยังตระกูลเพื่อนำแผนที่มาได้
ตอนนี้สิ่งที่หลิงฮันต้องทำคือการรอคอย
ผ่านไปสองสามวัน หลิงฮันก็เห็นจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงกลับมา
ทั้งสองคนไปฝึกฝนกับมาบนยอดหุบเขา อัจฉริยะทั้งสองนั้นมีความสามารถในศาสตร์แห่งวรยุทธไม่ต่างกันเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนมาประลองกัน การพัฒนาของพวกเขาจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้ ภายในสองปีพวกเขาจะต้องบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลายแน่นอน
นี่นับว่าเป็นการพัฒนาที่น่ากลัวอย่างมาก
สุดยอดอัจฉริยะอย่างราชันกระบี่น้อยและหลางหยาเทียนเองก็มีความหวังที่จะทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาก่อนอายุสี่สิบปีในขณะที่พวกเขาบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลายตอนอายุสามสิบปี
จักรพรรดิพิรุณนั้นแต่เดิมก็ไม่ใช่รุ่นเยาว์แล้ว เขาไม่เหมือนกับมู่หลงชิงที่อายุเพียงยี่สิบห้าปี ซึ่งมีโอกาสบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นปลานก่อนอายุสามสิบปี ซึ่งหลังจากนั้นหากจะทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาก่อนอายุสี่สิบปีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าราชันกระบี่น้อยและหลางหยาเทียนนั้นถูกฝึกฝนโดยนิกายโบราณ ซึ่งทำให้ความเร็วในการพัฒนาเหนือกว่าทั้งสองคน
จักรพรรดิพิรุณนำข่าวใหญ่กลับมาสองข่าว มันเป็นข่าวใหญ่ที่สามารถสั่นคลอนภูมิภาคกลางหรือแม้แต่ทั่วทั้งทวีปฮงเทียน
“น่าจะเป็นเมื่อเดือนที่แล้วที่นิกายพันศพได้ใช้จ่ายมหาศาลเพื่อซื้อเมืองหมื่นสมบัติ” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
‘พรวด’ หลิงฮันสำลักออกมา นั่นเรื่องจริงรึ?
“ตำนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยานั้นไม่คลาดแคลนเงินแน่นอน เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะขายบ้านของตนเอง?” หลิงฮันสับสน “นิกายพันศพเสนอเงินจำนวนมากขนาดไหนกันแน่ จอมยุทธระดับทลายมิติและนักปรุงยาระดับสวรรค์ทั้งสองถึงไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอของพวกมัน?”
“นิกายพันศพได้จ่ายค่าตอบแทนไปอย่างมหาศาลแน่นอน” มู่หลงชิงกล่าว “เพื่อจะทำให้จิตใจของตัวตนระดับทลายมิติและนักปรุงยาระดับสวรรค์สั่นไหว เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจจะยื่นเสนอเกี่ยวกับความลับของการทะลวงผ่านไปยังระดับพระเจ้าและเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์”
หลิงฮันพยักหน้า เขาสงสัยมานานแล้วว่าเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน พวกเจียงเย่เฟิงจะขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้รึเปล่า เพราะเขาไม่ได้ยินตำนานกล่าวเลยว่ามีจอมยุทธระดับทลายมิติที่สามารถกลายเป็นพระเจ้าและก้าวสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ความคิดที่ว่าเจียงเย่เฟิงขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้นเป็นเพียงแค่การสันนิษฐานของหลิงฮันเท่านั้น
เฟิงโปหยุนเคยกล่าวไว้ว่าการบดขยี้ชั้นมิติเพื่อก้าวสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องพบกับอันตรายครั้งใหญ่ เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลามและค่อยๆสร้างรากฐานของตนเองให้มั่นคงจนถึงระดับทลายมิติขั้นเก้าเสียก่อน
นิกายโบราณอย่างนิกายพันศพนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่านิกายดาบสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาอาจจะมีปรมารย์ที่สามารถบรรลุระดับพระเจ้าได้อย่างลับๆก็ได้ และเนื่องจากพวกมันเป็นนิกายโบราณ หากจะมีเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
จะอย่างไรตอนนี้เมืองหมื่นสมบัติก็ตกอยู่ในมือของนิกายพันศพแล้ว
“แต่ถ้าหากนิกายพันศัพยอมที่จะสูญเสียอย่างมหาศาลเช่นนี้… แผนการของพวกมันจะต้องยิ่งใหญ่กว่าเงินที่พวกมันจ่ายไปแน่!” หลิงฮันกล่าว ก่อนหน้านี้เขาเคยคาดเดาไว้ว่าใต้เมืองหมื่นสมบัติคงจะมีซากศพของจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายหรือไม่ก็สมบัติที่ทำให้นิกายพันศพแข็งแกร่งขึ้นถูกฝังอยู่
“นิกายโบราณทั้งห้าไม่พอใจในการกระทำครั้งของนิกายพันศพมาก พวกเขาจึงตัดสินใจส่งกองทัพไปโจมตีเมืองหมื่นสมบัติ” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
“จากมุมมองในครั้งนี้ นิกายโบราณทั้งห้าดูใจร้อนไม่สมกับเป็นพวกเขาเลย” หลิงฮันส่ายหัวและมีท่าทีประหลาดใจ
จากประวัติศาสตร์ที่เคยได้ยิน หากไม่มีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้น นิกายโบราณทั้งห้าก็จะไม่เคลื่อนไหว แต่ครั้งนี้เพียงแค่นิกายพันศพเคลื่อนไหวนิดๆหน่อยๆ พวกเขาก็ลงมือราวกับมีความแค้นส่วนตัว
“นิกายโบราณทั้งห้าปะทะกับนิกายพันศพ นี่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก มันสามารถทำให้ทวีปฮงเทียนตกอยู่ในความอลหม่านได้เลย” หลิงฮันคิดและถอนหายใจออกมา ตอนนี้เขากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดต่อการบ่มเพาะพลัง เขาไม่ต้องการให้ความโกลาหลครั้งใหญ่เกิดขึ้น
“นิกายพันศพคงจะวางแผนเอาไว้ที่แล้ว เพราะงั้นพวกมันจึงกล้าวปรากฏตัวต่อหน้สารธารณะชน” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
หลิงฮันพัยกหน้า การที่นิกายพันศพกลับมาเปิดเผยตัวตนเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเตรียมตัวเอาไว้พร้อมแล้ว ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะทำลายนิกายโบราณทั้งห้าได้อย่างง่ายดายเลยก็เป็นได้
“แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร?” หลิงฮันถาม
“นิกายโบราณทั้งห้ากำลังรวบรวมกำลังพลอยู่ พวกเขากำลังชักชวนให้ทั่วทั้งทวีปรวมพลังกันเพื่อทำลายล้างนิกายพันศพ” จักรพรรดิพิรุณกล่าว “แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็อยู่ห่างไกลมาก กว่าข่าวจะมาถึงคงต้องใช้เวลาเสียหน่อย ดังนั้นจึงบอกได้ไม่ชัดเจนนักกว่าสถานะการณ์เป็นอย่างไรแล้ว”