หลิงฮันครุ่นคิดและยิ้ม “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในปัจจุบัน เรื่องแบบนั้นทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่พวกเราสามารถเข้าไปแทรกแซงได้”
จักรพรรดิพิรุณและมูหรงชิงต่างแสดงความรู้สึกกระหายการต่อสู้ออกมา และเผยสีหน้าที่หลงใหล
จักรพรรดิพิรุณเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง พลังปราณของเขาน่าเกรงขาม ส่วนมู่หรงชิงนั้น เขาสนใจแค่กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเท่านั้น แม้พวกเขาทั้งสามคนจะมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่มีสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกันคือมีความหลงใหลในวิถีวรยุทธ
มิฉะนั้น พวกเขาคงไม่สาบานร่วมกัน
“ในอีกสามสิบปีข้างหน้า ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอคำแนะนำจากพวกเจ้า!” พวกเขากล่าวด้วยความเร่าร้อน
เพียงแค่สามสิบปี พวกเขาคิดว่าจะทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว?
สิ่งที่พวกเขาพูดมันช่างไร้สาระที่สามารถทำให้ผู้คนหัวเราะจนตาย แต่พวกเขาทั้งสามคนเต็มไปด้วยความมั่นในในตัวเอง ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขาบวกกับเม็ดยาของหลิงฮัน แน่นอนว่าพวกเขาจะมีโอกาสที่จะบรรลุระดับทลายมิติภายในสามสิบปี
“มีข่าวอย่างอื่นที่น่าสนใจอีกไหม?” หลิงฮันสงบสติอารมณ์และถามอีกครั้ง
“อืม ข่าวนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว” จักรพรรดิพิรุณหยุดพูดชั่วขณะและพูดต่อว่า “เมื่อไม่นานมานี้ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในภูมิภาคกลางจู่ๆก็จัดตั้งจักรวรรดิจันทราม่วงขึ้นมา”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ มันยังมีคนที่คิดจะก่อตั้งแคว้นอีกหรือ แล้วมันจะมีปัญหาอะไร?
นอกจากดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยว มันไม่มีความจำเป็นเรื่องการก่อตั้งแคว้นในสี่ภูมิภาคและภูมิภาคกลาง มีเพียงแค่ตระกูลเก่าแก่ นิกายโบราณและขุมพลังต่างๆ หรือพูดได้ว่าทวีปฮงเทียนนั้นไม่มีกฎระเบียบ ความแข็งแกร่งคือกฎ
แต่ทว่าการก่อตั้งแคว้นนั้นถือเป็นเรื่องดี ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบซึ่งสามารถลดการฆ่าฟันได้จำนวนมาก
หลิงฮันฉุดคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมภูมิภาคกลางและอีกสี่ภูมิภาคถึงไม่มีจักรวรรดิ ย้อนกลับไป ทั้งที่พลังของจักรภพทำให้จักรพรรดิพิรุณเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานครึ่งก้าว แต่ก็สามารถปะมือกับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริงได้ ยกเว้นว่านั่นจะเป็นความแข็งแกร่งจักรพรรดิพิรุณเอง
“ในทวีปฮงเทียน การก่อตั้งจักรวรรดิเป็นเรื่องต้องห้าม” มู่หรงชิงกล่าว “ในภูมิภาคใต้ของข้ามีกฎเหล็กอยู่ ทุกขุมพลังสามารถแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงดินแดนได้ แต่ห้ามก่อตั้งจักรวรรดิ มิฉะนั้นทั้งภูมิภาคใต้จะถูกทำลาย”
“แต่ว่าภูมิภาคกลางเห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับฝึกฝนบ่มเพาะพลัง แต่ทำไมในทวีปฮงเทียนถึงไม่มีจักรวรรดิ?” หลิงฮันแสดงความอยากรู้อยากเห็นของเขาออกมาในชีวิตที่แล้วของเขาไม่มีการก่อตั้งจักรวรรดิ แม้เขาจะทุ่มชีวิตทั้งหมดให้กับศาสตร์ปรุงยาและไม่สนใจเรื่องพวกนั้นก็ตาม
“แต่ในสมัยโบราณที่อยู่ก่อนหน้านี้ไปอีก ทวีปฮงเทียนนั้นมีจักรวรรดิ และเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมาก” หลิงฮันกล่าว เพราะทักษะอสนีบาตเก้าทิวามาจากสมบัติของจักรวรรดิโบราณและนี่ไม่ใช่ทักษะระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด
นั่นคือเรื่องหลายแสนปีที่ผ่านมา จักรวรรดิที่ปกครองยุคโบราณต้องการที่จะเปิดสวรรค์และพาทุกคนขึ้นไป แต่ดูเหมือนจะล้มเหลวทั้งที่จักรวรรดิที่ปกครองยุคโบราณนั้นรวบรวมผู้คนทั้งทวีปให้เป็นหนึ่งแล้วก็ตาม
“หรือว่าจักรวรรดิจันทราม่วงอยากลองดี?” จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงต่างอุทานออกมา
“แล้วใครคือจักรพรรดิ?” หลิงฮันถาม
“แซ่ของเขาคือหม่า เรียกว่าหม่าตั้วเป่า และเขาเป็นจักรพรรดิแห่งจื่อเย่ว” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
พรวด หลิงฮันแทบสำลัก
หม่าตั้วเป่า?
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหมื่นสมบัติ หม่าตั้วเป่าได้เชิญเขาเข้าร่วมด้วยเพื่อเปิดสวรรค์ แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาคิดเรื่องพวกนั้น เขาก็ลงมือทำเรื่องการใหญ่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีคนที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน ตระกูลราชวังศ์จื่อเย่วจะคงอยู่ได้นานแค่ไหนกัน?
เดี๋ยวก่อน จักรวรรดิที่ปกครองยุคโบราณดูเหมือนจะล้มเหลวในการเปิดสวรรค์มาแล้ว แต่หม่าตั้วเป่ายังต้องการที่จะทำแบบนั้นอีกและก่อตั้งแคว้นขึ้นมา หรือว่าการเปิดสวรรค์จะต้องอยู่ในรูปแบบของแคว้น?
หลิงฮันรู้สึกว่าความคิดภายในหัวของเขาค่อนข้างสับสน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเหนือจากความรู้ของเขา
หม่าตั้วเป่าไม่ได้เป็นคนโง่ ในทางตรงกันข้าม ความแข็งแกร่งของเขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ แม้แต่หลิงฮันยังไม่มองไม่ออก
ตอนนี้ยังมีนิกายพันศพอยู่อีก พวกมันเป็นเหมือนอสรพิษที่จ้องจะทำให้ทุกคนบนโลกกลายเป็นศพ ส่วนอีกด้านคือจักรวรรดิจันทราม่วง หากก่อตั้งแคว้นขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมมีการขยายดินแดนและเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพิชิตโลกกลายเป็นหนึ่ง
“ดูเหมือนโลกจะต้องเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง” หลิงฮันถอนหายใจ
“และยังมีอีกเรื่อง ห้านิกายใหญ่ทำนายว่าหายนะที่คล้ายกับที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” จักรพรรดิพิรุณกล่าว
“ข้ามีความสามารถแข็งฝึกฝนบ่มเพาะพลังและพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง และข้ามีความสามารถแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น” มู่หลงชิงกล่าว
หลิงฮันและจักรพรรดิพิรุณพยักหน้า
“นั่นมัน….” เจ้ากระต่ายที่ตั้งใจฟังมาอย่างยาวนานยกอุ้งเท้าของมันขึ้นมา “ดูเหมือนข้าจะรู้หายนะที่พวกเจ้ากำลังพูดกันอยู่”
“ถ้างั้นพูดออกมา!” หลิงฮันกล่าว
กระต่ายแสร้งทำเป็นเล่นตัว “ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน้ำชามาเสิร์ฟให้ข้าก่อนแล้วข้าจะ… อ๊ากก!” มันยังพูดไม่ทันจบก็ถูกฮูหนิวกัด
“พูดออกมาว่า!” ฮูหนิวไม่พอใจ
เจ้ากระต่ายนี่แม้จะรู้อยู่แล้วว่าฮูหนิวชอบลอบกัด แต่มันก็ยังคงยั่วยุฮูหนิวอยู่ตลอด มันกระแอมและพูดว่า “มีข่าวลือในหมู่กระต่ายว่าทุกหมื่นปี สวรรค์จะทำการชำระล้างโลก และมีสิ่งมีชีวิตจำนวนน้อยมากที่สามารถอยู่รอดได้”
“ชำระล้าง?” หลิงฮันรู้สึกตกใจ นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แต่บรรพบุรุษของข้าที่อาศัยอยู่โลกเบื้องบนนั้นเป็นข้อยกเว้น แต่สำหรับเจ้า มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก!” เจ้ากระต่ายพูด
หลิงฮันตอบกลับ “นี่เจ้าจะไม่แต่งเรื่องเกินจริงไปหน่อยหรือ”
“เจ้าหนู เจ้าคิดว่าข้าไปใคร ข้าเป็นกระต่ายเชียวนะ” กระต่ายพูดออกมาอย่างสบายใจ
“ถ้างั้นการชำระล้าง ทำไมพวกเราต้องถูกชำระล้างด้วย? แล้วใครเป็นคนทำ?” หลิงฮันถาม
เจ้ากระต่ายชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดว่า “เหตุผลที่ว่าทำไม กระต่ายอย่างข้าจะไปรู้เรอะ”
สวรรค์? สวรรค์คือดินแดนสวรรค์ที่ไม่ควรทำอันตายต่อคนทั่วไป จากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ของจื่อเสวี่ยนเซียน ดินแดนสวรรค์ต้องการทำลายโลกมนุษย์
หลิงฮันวกกลับไปที่คำถามเก่า ถ้าดินแดนสวรรค์ต้องการที่จะชำระล้างโลกมนุษย์จริง ห้านิกายโบราณจะรับมือได้อย่างไร?
มันจะต้องมีเหตุผลอื่นที่อยู่เบื้องหลังเป็นแน่ และคำตอบนั้นอาจซ่อนอยู่ในวิหารที่เขากำลังตามหาอยู่
เขาต้องรีบหาแผนที่โบราณนั่นให้เจอโดยเร็ว
“หลิงฮัน ออกมารับความตายได้แล้ว!”