นี่เป็นอะไรที่เหลือเชื่ออย่างมาก จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับก้าวสู่เทวา
ถึงแม้มันจะเทียบได้เพียงระดับก้าวสู่เทวาหนึ่งดาวก็ตามที
หลิงฮันคำรามและกวัดแกว่งดาบ ตอนนี้เขามีความสามารถพอที่จะตอบโต้ราชันกระบี่น้อยแล้ว
แต่อย่างไรความห่างของทั้งสองก็ยังกว้างขวางอยู่ดี ราชันกระบี่น้อยมีพลังต่อสู้ห้าดาวในขณะที่หลิงฮันมีพลีงต่อสู้หนึ่งดาว
โชคดีที่ยังมีจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง แม้พลังต่อสู้ของทั้งสองจะยังห่างไกลจากระดับก้าวสู่เทวา แต่พวกเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะอยู่ดี ดังนั้นราชันกระบี่น้อยจึงไม่กล้าประมาทพวกเขาแม้แต่น้อย
หลิงฮันทำหน้าที่เป็นคนโจมตีหลัก เขาคุกคามราชันกระบี่น้อยด้วยคันศรตะวันยอแสง แม้ทักษะการยิงธนูจะไม่ค่อยมีประโยชน์เมื่อใช้ต่อสู้ระยะใกล้
แต่ร่างของหลิงฮันนั้นถูกปกคลุมไปด้วยประกายอัสนีของทักษะศักดิสิทธิ์โบราณ พลังที่ประกายสายฟ้าปลดปล่อยออกมาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่แค่ทำให้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเชื่องช้า แต่ยังทำให้ปราณก่อเกิดของอีกฝ่ายเฉื่อยชาลงอีกด้วย ซึ่งมันทำให้พลังต่อสู้ของราชันกระบี่น้อยจึงลดลงอย่างมาก
เพราะเหตุนี้ราชันกระบี่น้อยจึงยิ่งโหยหาทักษะอัสนีบาตรเก้าทิวามากขึ้นไปอีก ถ้าเขาได้ทักษะนี้มาล่ะก็ พลังต่อสู้ของเขาต้องเพิ่มขึ้นอีกห้าดาว… ไม่สิ ต้องเพิ่มขึ้นอีกสิบดาวเป็นแน่!
จิตสังหารของราชันกระบี่น้อยพลุ่งพลาน กระบี่ยาวในมือของเขาสั่นไหวและกระหน่ำแทงใส่หลิงฮันอย่างต่อเนื่อง
หลิงฮันใช้งานทักษะเคลื่อนที่ แม้เขาจะทำหน้าที่เป็นผู้โจมตีหลัก แต่เขาก็ไม่โงพอที่จะปะทะกับการโจมตีของราชันกระบี่น้อย ความแตกต่างระหว่างพวกเขายังคงกว้างนัก เขาไม่สามารถปะทะกับอีกฝ่ายซึ่งๆหน้าได้
ราชันกระบี่น้อยแสดงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดออกมาให้เห็น หนึ่งคนต้านทานสามอัจฉริยะ ไม่เพียงแค่เขาจะไม่เสียเปรียบ แต่ยังรุกได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ผู้คนนับหมื่นโดยรอบล้วนแต่ตกตะลึงในพลังต่อสู้ของทั้งสี่คน
แม้ราชันกระบี่น้อยจะแข็งแกร่ง แต่หลิงฮันก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย เพราอย่างไรระดับพลังและอายุของพวกเขาก็ต่างกัน ไม่เช่นนั้นหากต่อสู้ด้วยระดับพลังเดียวกัน คงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
‘ฟุบ’ ทันใดนั้นเอง ร่างอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวพร้อมกับดาบในมือที่แฝงไปด้วยจิตสังหาร
คราวนี้ใครกันอีก?
ดาบในมือของชายคนนั้นกวาดผ่านท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบยี่สิบเก้าเล่มออกมา!
ทุกคนตกตะลึง นี่มันอะไรกัน? แค่สร้างปราณดาบสิบอันได้ก็มีคุณสมบัติจะควบแน่นรัศมีและกลายเป็นราชันในหมู่ราชันได้แล้ว แม้จะมีบ้างที่บางคนอาจจะสร้างปราณได้สิบเอ็ดหรือสิบสองอัน แต่ตอนนี้กลับมีรุ่นเยาว์ที่สรร้างปราณดาบได้ยี่สิบเก้าเล่มปรากฏตัวขึ้นมาจนทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างอ่อนด้อย
ปราณดาบเหล่านั้นพุ่งโจมตีไปยังราชันกระบี่น้อย
“ย่าวหุยเยว่!” ราชันกระบี่น้อยคำราม ดาบของเขากวัดแกว่งและปะทะเข้ากับปราณดาบ ‘ตูม’ ปราณดาบเหล่านั้นสลายไปทันที แต่เขาก็เสียโอกาสที่จะโจมตีหลิงฮันไป
นักดาบอันดับสองของโลก ย่าวหุยเยว่!
ใครจะไปคิดว่าคนที่จู่ๆโผล่มาแบบนี้คือย่าวหุยเยว่?
แม้แต่หลิงฮันก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย เขาและย่าวหุยเยว่ไม่มีความเป็นมิตรอะไรต่อกัน แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ปรากฏตัวราวกับสหายเช่นนี้?
“ชายคนนี้คือศัตรูของข้า และต้องถูกสังหารโดยข้าเท่านั้น!” ย่าวหุยเยว่ยืนถือดาบอย่างองอาจ เสื้อเขาเขาพริ้วไหวไปตามสายลมราวกับเทพเซียน
ราชันกระบี่น้อยกลายเป็นเกรี้ยวกราด นี่น่ะรึเหตุผลของเจ้า? เขามองไปยังย่าวหุยเยว่และกล่าว “เจ้ายังอ่อนแอเกินไป แม้เจ้าจะมีสิบคนก็ไม่ใช่คู่มือของข้า”
ย่าวหุยเยว่ตอบกลับอย่างไม่แยแส “เจ้าบ่มเพาะพลังมาก่อนข้าหลายสิบปี ถ้าเจ้ามีพลังบ่มเพาะหรืออายุเท่าข้ามีรึที่ข้าจะแพ้เจ้า ข้าไม่เคยสนใจเจ้าแม้แต่น้อย มีเพียงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของนิกายนิกายกระบี่ไร้เทียมทานอย่างฉือเซียวเหลินเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
ราชันกระบี่น้อยมีแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาให้เห็น เขากำกระบี่แน่นและพูด “ย่าวหุยเยว่ เจ้าต้องการตาย?”
“เจี้มความสามารถเพียงพอ?” ย่าวหุยเยว่ยกดาบตั้งท่าและร่วมมือกับหลิงฮันตอบโต้ราชันกระบี่น้อย
เขาทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณสำเร็จแล้ว แม้จะเป็นเพียงตัวอ่อนวิญญาณขั้นสาม แต่พลังต่อสู้ของเขาก็น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ดาบในมือของเขาก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง
ย่าวหุยเยว่เองก็ควบแน่นกึ่งรัศมีขึ้นมาเช่นกัน เขายังไม่เลือกที่จะควบแน่นปราณดาบให้กลายเป็นรัศมีที่แท้จริงเพราะต้องการสร้างปราณดาบเล่มที่สามสิบ ไม่เช่นนั้นหากเขาควบแน่นรัศมีที่แท้จริงสำเร็จแล้ว ทักษะหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งของเขาจะต้องทรงพลังมากแน่นอน
หลิงฮันถอนหายใจ เขาเองก็ฝึกฝนสามดาบเร้นลับเช่นกัน แต่โชคร้ายที่ภูมิภาคกลางแห่งนี้เข้าไปอาจใช้มันออกมาได้ ไม่งั้นจะเป็นการนำภัยพิบัติเข้าตัว
“ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!” ราชันกระบี่น้อยคำราม แต่หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและลอยจากไป การรวมพลังกันของอัจฉริยะเช่นนี้ ถึงแม้เขาจะได้เปรียบในด้านของระดับพลังก็คงไม่อาจต้านไหว
เพราะงั้นเขาถึงได้จากไปทันที เขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะตัวติดกับเหล่าอัจฉริยะเช่นนี้ตลอดเวลา
บัดซบ น่าเสียดายยิ่งนักที่เขาไม่ได้พาหุ่นเชิดเพชรมาด้วย ไม่เช่นนั้นด้วยการช่วยเหลือจากหุ่นเชิดระดับก้าวสู่เทวา เขาก็คงจัดการสี่คนนี้ได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันเก็บดาบ เขามองไปยังย่าวหุยเยว่ด้วยรอยยิ้มและกล่าว “ย่าวหุยเยว่ ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะปรากฏตัว”
“เหอะ ข้าไม่ได้มาเพื่อช่วยเจ้า ข้าแค่ไม่ชอบหน้าราชันกระบี่น้อยเท่านั้น ข้าเคยกล่าวเอาไว้แล้วไม่ใช่รึว่าชีวิตของเจ้าต้องจบด้วยน้ำมือข้า!” ย่าวหุยเยว่กล่าวอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ ช่างพูดตรงจริงๆ!” หลิงฮันตบไหล่ย่าวหุยเยว่และคิดว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้น่าสนใจไม่น้อย
“อย่าทำตัวสนิทสนม ข้าไม่ใช่สหายของเจ้า!” ย่าวหุยเยว่พูดอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่สหายก็ไม่เป็นไร เอาล่ะ มาดื่มด้วยกันเถอะ” หลิงฮันยิ้มและลากย่าวหุยเยว่ลงมา
“เสวียนเอ๋อ…” ย่าวหุยเยว่ไม่ได้ปฏิเสธ ร่างของเขาลอยลงมาสู่พื้นและมองไปยังจูเสวียนเอ๋อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของนาง เขาก็อดแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาไม่ได้
สตรีผู้นี้คือใครกัน!
จูเสวียนเอ๋อยิ้มและเว้นระยะห่างกับอีกฝ่ายพอสมควร
ย่าวหุยเยว่ชะงัก สตรีตรงหน้าของเขาต้องเป็นจูเสวียนเอ๋อแน่นอน เพราะเมื่อถูกเรียกชื่อเมื่อครู่ อีกฝ่ายเป็นคนตอบรับเอง
นี่ใช่จูเสวียนเอ๋อจริงๆรึ? ไม่ว่าจะดูยังไงนี่ก็ไม่ใช่จูเสวียนเอ๋อของเขา!