หลิงฮันกวัดแกว่งดาบในมือจู่โจมไปรอบบริเวณ ‘ตูม’ เศษซากปรักหักพังก็ถูกทำลายจนกลายเป็นเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ปากเล็กๆของฮูหนิวโป่งพองและเป่าลมอันรุนแรงออกไปปัดเป่าเศษฝุ่นบนอากาศ
ภายในพริบตาทั่วทั้งซากปรักหักพังของตำหนักสันตินิรันดร์ก็เหลือเพียงก้อนหินขรุขระขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งอยู่บนพื้น
หลิงฮันยิ้ม ดูเหมือนความคิดเขาจะถูกต้อง ก้อนนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยจื่อเสวี่ยนเซียน
เขาจับไปที่หินก้อนนั้นและพยายามยกมันขึ้น แต่เขากลับพบว่าก้อนหินก้อนนี้หนักเป็นอย่างมากจนเขาต้องคำรามออกมา “จงขึ้นมา!”
เขาโคจรปราณก่อเกิดและระเบิดพลังอันมหาศาลออกมา
แต่ที่น่าอายก็คือก้อนหินก้อนนี้ก็ยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเป็นหินที่ถูกเชื่อมติดกับภูเขา
หลิงฮันรู้สึกไม่สบอารมณ์และคิดจะทำลายก้อนหินก้อนนี้ทิ้ง
หลิงฮันยกดาบกำเนิดมารในมือขึ้นและฟันใส่ก้อนหิน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็มีเพียงรอยขีดข่วนบางๆที่ปรากฏอยู่บนก้อนหิน
หากเป็นเช่นนี้ เขาต้องใช้วลากี่เดือนกี่ปีในการทำลายมัน?
หลิงฮันตัดสินใจใช้ทักษะหมื่นแปรผันเป็นหนึ่ง เพราะตอนนี้เขาควบแน่นกึ่งรัศมีด้วยปราณดาบยี่สิบเจ็ดเล่มได้แล้ว แถมหากใช้ออกทักษะด้วยดาบกำเนิดมารอันคมกริบ พลังทำลายล้างของทักษะจะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“หนิวจัดการเอง!” ฮูหนิวพรวดเข้ามาและตะโกน “เจ้าหินน่ารังเกียจ ถ้าหากเจ้าไม่แตกไปซะเดี๋ยวนี้ หนิวจะโกรธและกัดเจ้า!” ‘แกรก แกรก’ นางอ้าปากและกัดลงไปที่ก้อนหิน ทันใดนั้นสิ่งที่น่าตกตะลึงก็เกิดขึ้น ก้อนหินได้ถูกฟันของนางกัดจนแตกร้าว
“หนิวหนิว ฟันของเจ้าน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นอีกแล้ว!” หลิงฮันอุทานออกมา
“สายฟ้าที่หนิวดูดซับเข้ามา มันทำให้หนิวเปลี่ยนไปอย่างมาก!” ฮูหนิวรู้สึกภาคภูมิใจและลงมือกัดก้อนหินต่อ ผ่านไปไม่นานบนก้อนหินก็เกิดหลุมขนาดใหญ่เท่าใบหน้าของนาง
“ถึงว่าทำไมก้นของนายท่านกระต่ายถึงได้เจ็บขึ้นอยู่เรื่อยๆ!” เจ้ากระต่ายอดที่จะนำอุ้งเท้าไปลูบก้นที่บริเวณที่โดนฮูหนิวกัดไม่ได้
หลิงฮันชำเลืองมองและกล่าว “เจ้าเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เจ้าเป็นคนแรกเลยที่โดนฮูหนิวกัดเข้าไปขนาดนั้นแต่ยังไม่มีเนื้อหลุดออกมาจากร่างเลย”
“แน่นอน!” เจ้ากระต่ายรู้สึกภาคภูมิใจ “บรรพบุรุษของนายท่านกระต่ายถูกเรียกว่าจักรพรรดิเจ้าปีศาจ เขาคืออสูรผู้ไร้พ่ายแห่งยุคสมัย ด้วยสายเลือดของเขาที่ไหลเวียนอยู่ในตัวข้า จึงเป็นธรรมดาที่นายท่านกระต่ายจะมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม!”
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ฮูหนิวก็กัดก้อนหินเป็นหลุมใหญ่จนร่างของนางหลุดเข้าไปข้างใน
“หลิงฮัน หนิวร่วงลงมาด้านล่าง!” ฮูหนิวตะโกนส่งเสียงออกมา
ฮูหนิวกัดก้อนหินจนเป็นหลุมขนาดเท่าตัวของนาง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจะดัดกระดูกของตนเองไม่ได้รึ? หลิงฮันดัดกระดูกในร่างของตนเองอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงกระดูกเสียดสีกันราวกับเสียงกลอง
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นั่นเพราะเขาฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่ทำให้กระดูกทั่วทั้งร่างของเขาทนทานเทียบได้กับแร่เหล็กในระดับเดียวกัน ดังนั้นการดัดกระดูกจึงทำได้ยากมาก
หลิงฮันบีดร่างของตนเองและลอดผ่านช่องหินที่ฮูหินวกัดเอาไว้ เจ้ากระต่ายเองก็กระโดดตามเข้ามาเช่นกัน
ที่หลิงฮันประหลาดใจก็คือ ตอนแรกเขาคิดว่าที่นี่จะเป็นห้องลับที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งข้อความเอาไว้ แต่ที่ไหนได้มันกลับกลายเป็นทางเดินที่ด้านหน้ามืดมิดจนไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี
“ให้ตายสิ แค่ทิ้งจดหมายหรืออะไรไว้ก็ได้ไม่ใช่รึไง ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากเช่นนี้!” หลิงฮันกล่าวในขณะที่เดินตรงไปด้านหน้า
เขาสำรวจบริเวธรอบๆและพบกับกำแพงที่มีอักขระสลักเอาไว้ ซึ่งอักขระที่สลักเอาไว้นั้นเป็นอักขระระดับสูงที่เกินกว่าตัวเขาในชีวิตที่แล้วจะทำความเข้าใจได้
“นี่สมควรเป็นอักขระที่สลักโดยจื่อเสวี่ยนเซียนหลังจากที่นางบรรลุระดับทลายมิติแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมข้าถึงไม่สามารถทำลายก้อนหินได้ ที่แท้มันก็ถูกสลักเอาไว้ด้วยอักขระของจอมยุทธระดับทลายมิตินี่เอง”
“แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือฟันของฮูหนิวกลับค่อยๆทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ!”
หลิงฮันรู้สึกได้ว่าความสามารถของฮูหนิวค่อยๆเริ่มน่ากลัวยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ท้องเล็กๆของนางก็เป็นราวกับหลุมดำอันไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งตอนนั้นก็แค่สำหรับการกินอาหาร แต่ตอนนี้แม้แต่พลังสายฟ้าระดับก้าวสู่เทวาก็ยังถูกนางดูดกลืนได้อย่างง่ายดาย
แถมในอดีตฟันของนางที่ยังเป็นเพียงระดับแก่นแท้จิตวิญญาณก็ยังมีพลังทำลายล้างเทียบได้กับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยี่สิบดาว แต่ตอนนี้ฟันของนางสามารถกัดได้แม้กระทั้งก้อนหินที่ประทับพลังของตัวตนระดับทลายมิติเอาไว้
ที่หลิงฮันเป็นกังวลอยู่ก็คือเหตุผลที่ฮูหนิวค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นจะเป็นเพราะรากฐานวิญญาณรูปร่างมนุษย์ในตันเถียนของนางได้ตื่นขึ้นมาแล้วรึเปล่า? เขาไม่คิดว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นเพียงรากฐานวิญญาณ แต่สมควรเป็นวิญญาณที่มีความนึกคิด!
แค่คิดว่าถ้าหากจู่ๆวันหนึ่งฮูหนิวกลายเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก มันจะน่าทุกข์ใจขนาดไหน
จมูกเล็กๆของฮูหนิวสูดดมอะไรบางอย่างและตลบมือขึ้นมา “หลิงฮัน! หลิงฮัน! ตรงด้านหน้ามีกลิ่นอะไรหอมๆด้วย!”
หลิงฮันยิ้ม เขาเลิกคิดเรื่องน่าปวดหัวและเดินตรงไปด้านหน้าพร้อมกับกล่าว “จมูกของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ใช่แล้ว หนิวสุดยอดที่สุด!”
ทางเดินมาถึงจิ้นสิ้นสุดในที่สุด หลิงฮันมองเห็นกำแพงด้านหน้าซึ่งทั้งกว้างและสูง กำแพงถูกสร้างขึ้นจากแผ่นสี่เหลี้ยมเล็กๆนับไม่ถ้วน แผ่นสี่เหลี่ยมแต่ละแผ่นมีภาพวาดใบหน้าคนวาดอยู่ มีทั้งใบหน้าของบุรุษ สตรี คนชราและหนุ่มสาว ซึ่งมีทั้งหมดมากมายถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแผ่น
ในมุมหนึ่งของกำแพง เขามองเห็นแอ่งน้ำอัสนีเล็กๆแอ่งหนึ่ง ในแอ่งน้ำแห่งนั้นมีดอกบัวลอยอยู่ ดอกบัวดอกนี้ได้เบ่งบานเต็มที่แล้ว แต่สิ่งงอกออกมาจากดอกบัวนั้นกลับเป็นผลอะไรสักอย่างที่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือ แถมยังส่องประกายแสงระยิบระยับสีม่วง
กลิ่นหอมที่ฮูหนิวได้กลิ่นนั้นมาจากผลสีม่วงนี้
แอ่งน้ำอัสนีนั้นใกล้จะเหือดแห้งเต็มทีแล้ว ทำให้สามารถมองเห็นได้ชักว่าดอกบัวนั้นได้ถูกปลูกติดเอาไว้กับพื้นใต้แอ่งน้ำอัสนี รากของมันเองก็เป็นสีม่วงเช่นกัน
“อัสนีบาตเมฆาม่วง!” หลิงฮันอุทาน
แน่นอนว่าอัสนีบาตเมฆาม่วงนั้นได้พัฒนาตนเองมาเป็นเวลานานแล้ว ตราบใดที่ผลของดอกบัวสีม่วงต้นนี้สุกงอมเต็มที่ จิตวิญญาณสายฟ้าก็จะกำเนิดขึ้นมา กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงภายใต้สวรรค์และปฐพี
แต่ตอนนี้ จิตวิญญาณสายฟ้าได้อยู่ในรูปลักษณ์ของผลสมุนไพร ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มันมีการป้องกันตนเองต่ำที่สุด ถ้าหากเด็ดมันออกมาย่อมได้รับผลประโยชน์ที่มหาศาลอย่างไม่อาจจินตนาการได้
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังของสวรรค์และปฐพี แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ต้องจิตใจสั่นไหว
หลิงฮันตกตะลึงจนลืมภาพวาดมากมายบนกำแพงไปชั่วขณะ สายตาของเขาจดจ่อไปยังดอกบัวสายฟ้า
‘ตุบตุบตุบ’ แต่ทันใดนั้นเอง ด้านหลังของเขาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น