พริบตาเดียว อีกหนึ่งเดือนก็ผ่านไป
เหตุผลหลักคืออัสนีบาตรเมฆาม่วงทำการหลอมได้ยากเกินไป หลิงฮันต้องเวลาหลอมมันถึงสามเดือนเต็ม พลังงานส่วนใหญ่จากมันถูกหลิงฮันดูดซับไปสร้างกายาอัสนี ในขณะที่ส่วนเล็กๆที่เหลือหลิงฮันใช้มันเสริมแกร่งให้กับกายาเหล็กไหล
แต่ถึงแม้จะหลอมอัสบาตเมฆาม่วงทั้งหมดแล้ว หลิงฮันก็ยังไม่บรรลุกายาเพชรเสียที
เขานำหยดวิญญาณออกมาเทใส่ชามพลิกสวรรค์เพื่อทำให้มันบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
หยดวิญญาณคือสิ่งที่เขาได้มาจากเขตแดนลี้ลับสิบสองพระราชวัง มันเรียกได้ว่าเป็นหยดของพระเจ้า มันต้องทำให้เจือจางก่อนถึงจะดูดซับได้ แต่ตอนนี้เพื่อที่จะสร้างกายาเพชรให้สำเร็จ หลิงฮันจึงนำมันออกมาเจือจางความเข้มข้นลดเหลือหนึ่งในสิบส่วนและดื่มเข้าไป
ทันใดนั้นเอง พลังงานอันบ้าคลั่งก็ปะทุขึ้นในร่างของเขาราวกับคลื่นสึนามิจนร่างกายของเขากำลังจะแหลกสลาย
หลิงฮันรีบโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อดูดซับพลังงานทันที
ทั้งหนาวเหน็บและเจ็บปวด!
เขาไม่สามารถโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาได้ ไม่เช่นนั้นหากเขาเปลี่ยนกายหยาบให้กลายเป็นสายฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด เขาจะไม่สามารถสร้างกายาเพชรได้ เขาทำได้เพียงกัดฟันยอมรับความเจ็บปวด
หลิงฮันกัดฟันแน่และคร่ำครวญ ก่อนหน้านี้ก็เป็นอัสนีบาตเมฆาม่วงที่เข้ามาสร้างความเจ็บปวดในร่างของเขา และตอนนี้เขาเกือบจะถูกทำให้แหลกสลายโดยพลังงานอันเข้มข้น เส้นทางแห่งการฝึกยุทธช่างยากลำบากยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมถึงมีคนไม่กี่คนที่สามารถบรรลุถึงจุดสูงสุดได้
กายาเพชรกำลังถูกสร้างขึ้นอย่างช้าๆ
ถ้าการจะสร้างสำเร็จต้องก้าวเดินหนึ่งร้อยก้าว งั้นตอนนี้เขาก็เดินมาแล้วเก้าสิบเจ็ดก้าว เหลือเพียงอีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น
มาถึงจุดนี้แล้ว ถึงแม้หลิงฮันจะแขนหัก ขาหัก หรือกระดูกทั่วร่างแหลกสลาย เขาก็ต้องกัดฟันสู้ต่อไป
เก้าสิบแปดก้าว!
เก้าสิบเก้าก้าว!
หนึ่งร้อยก้าว!
‘ตูม’ ร่างของหลิงฮันระเบิดแสงสว่างสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา หลิงฮันราวกับกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม เทพเจ้าผู้มีพลังอยู่เหนือทุกสิ่ง
กายาเพชร!
ในขณะเดียวกัน นิ้วมือของเขาก็ราวกับกลายเป็นดาบที่มีปราณดาบสามสิบเล่มหมุนล้อมรอบ ปราณดาบเหล่านั้นได้ผสานรวมกันเป็นหนึ่ง
รัศมีดาบที่แท้จริง!
หลิงฮันตั้งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวและเริ่มทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณ
ถ้าให้พูดแล้ว การทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณคือสิ่งที่ง่ายที่สุดในทุกๆความสำเร็จที่เขาเพิ่งทำมา นั่นเพราะเขาเคยผ่านขั้นตอนนี้มาก่อนแล้วในชีวิตที่แล้ว แต่กายาเพชรและรัศมีดาบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยบรรลุได้ในชีวิตที่แล้ว
การทะลวงผ่านเป็นไปอย่างง่ายดาย ผ่านไปเพียงครึ่งวัน บุปผานิรันดร์ทั้งสิบต้นในตันเถียนของเขาก็เบ่งบานเต็มที่ ห้าต้นลอยขึ้นสูงราวกับจะทะลุผ่านท้องฟ้า ในขณะที่อีกห้าต้นร่วงหล่นลงมาราวกับน้ำตก
จากนั้นบุปผานิรันดร์ทั้งสิบต้นก็โอบล้อมเข้าด้วยกันและกลายเป็นผลวิญญาณขนาดใหญ่
ตัวอ่อนวิญญาณอยู่ในผลวิญญาณผลนี้
ผลวิญญาณสั่นไหวเล็กน้อย และเกิดคลื่นปันป่วนบางอย่างขึ้นภายใน ในตอนแรกเปลือกของมันเป็นสีทองอร่าม แต่ตอนนี้ผิวของมันเริ่มโปร่งใสขึ้นเรื่อยๆจนสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆบางอย่างภายในได้ สิ่งเล็กๆนั่นคือร่างมนุษย์ที่มีรูปลักณ์เหมือนกับหลิงฮันทุกระเบียบนิ้ว
ร่างนั่นคือตัวอ่อนวิญญาณ มันสามารถเรียกได้ว่าเป็นอีกชีวิตหนึ่งของจอมยุทธ
ตำนานกล่าวไว้ว่าหลังจากจอมยุทธกลายเป็นพระเจ้าแล้ว ตัวอ่อนวิญญาณจะถูกแบ่งออกออกมาจากวัฏจักรของสวรรค์และปฐพี ถ้าหากความทรงจำของจอมยุทธถูกทำลาย ตัวอ่อนวิญญาณจะมอบความทรงจำเดิมให้แก่จอมยุทธอีกครั้งราวกับเป็นชีวิตที่สอง
หลิงฮันอ้าปากกว้างเหมือนกับปลาวาฬ เขายัดสมุนไพรทุกอย่างเข้าปากเพื่อทำให้ตัวอ่อนวิญญาณมีพลังชีวิตขึ้นมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
สองวัน… สามวันผ่านไป หลิงฮันเคยคิดว่าเขาที่เคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้วจะทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือครั้งนี้ตัวอ่อนวิญญาณของเขาถูกสร้างขึ้นจากบุปผานิรันดร์สิบต้น พลังงานที่ต้องใช้หล่อเลี้ยงมันจึงมหาศาลจนน่าหวาดกลัว
แต่ถึงอย่างนั้น ตัวอ่อนวิญญาณที่เกิดขึ้นมาก็จะทรงพลังมากขึ้นไปด้วย
เขาสลักเจตจำนงลงไปบนผลวิญญาณ เพราะอย่างไรผลนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น การสลักเจตจำนงจริงง่ายราวกับเขียนหนังสือลงกระดาษ ผ่านไปไม่นานอักขระนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนผิวของผลวิญญาณ
หลิงฮันสลักความรู้ทั้งหมดของเขาลงไป เพราะอย่างไรนี่ก็คือชีวิตที่สองของเขา หากวันใดวันหนึ่งเขาสูญเสียความทรงจำไป เขาก็จะสามารถฟื้นฟูทักษะต่างๆได้อีกครั้งจากตัวอ่อนวิญญาณ
แน่นอนว่าสิ่งที่ฟื้นฟูกลับมาได้มีเพียงทักษะยุทธต่างๆเท่านั้น อย่างก็ก็ในตอนนี้เขาไม่สามารถสลักนิสัยหรือประสบการณ์ต่างๆลงไปได้
เจ็ดวันต่อมา ผลวิญญาณก็ถูกปกคลุมไปด้วยรูปแบบอักขระนับไม่ถ้วนซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมา โดยเฉพาะอักขระของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ซึ่งกลื่นกิ่นพื้นที่ไปถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ในทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อีกสามทักษะถูกสยบจนไม่อาจเฉิดฉาย
แค่นี้ก็สามารถเห็นได้แล้วว่าระดับของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นสูงขนาดไหน ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามไม่อาจเทียบได้แม้แต่หนึ่งส่วน
‘แกรก แกรก แกรก’ รอยร้าวปรากฏขึ้นบนผิวของผลวิญญาณ ตัวอ่อนวิญญาณกำลังจะถือกำเนิดแล้ว!
‘ตูม!’
หลิงฮันสัมผัสได้ถึงคลื่นสั่นสะเทือนพร้อมกับพลังปราณของเขาที่พุ่งขึ้นสูงอย่างกะทันหัน
ระดับตัวอ่อนวิญญาณ!
ภายในตันเถียน ตัวอ่อนวิญญาณได้ออกมาจากผลวิญญาณและลอยอยู่กึ่งกลางระหว่างห้วงจิตวิญญาณส่วนบนและส่วนล่าง ดวงตาของมันเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างสีทองที่ส่องสว่างราวกับเทพแห่งสงคราม
หลิงฮันชี้นิ้วไปด้านหน้า ตัวอ่อนวิญญาณเองก็ชี้นิ้วตามเช่นกัน ‘ฟุบ’ รัศมีดาบถูกปลดปล่อยออกมา พลังจากสวรรค์และปฐพีถูกนำมาเสริมให้กับเขาจนรัศมีดาบมีพลังทำลายล้างมากกว่าเดิมร้อยเท่า
หลังจากบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว สิ่งที่ชักนำพลังวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีมาเพิ่มพลังต่อสู้นั้นไม่ใช่บุปผานิรันดร์อีกต่อไป แต่กลายเป็นตัวอ่อนวิญญาณแทน
“ระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นหนึ่ง แต่ข้าสามารถสู้กับอัจฉริยะระดับก้าวสู่เทวาที่มีพลังต่อสู้เก้าดาวได้อย่างไม่ยากเย็น” หลิงฮันยิ้ม
ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นหนึ่งแต่มีพลังต่อสู้เกือบจะสามสิบดาวแล้ว
แต่แน่นอนว่านั่นคือตอนที่เขาใช้ทักษะทั้งหมดออกมา อย่างเช่น ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามและทักษะสามดาบลี้ลับ แต่ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ทักษะระดับพวกนั้น แค่รัศมีดาบของเขาอย่างเดียวและการฟันดาบธรรมดาของเขาก็สามารถต่อกรกับศัตรูระดับตัวอ่อนวิญญาณที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวได้อย่างไม่มีปัญหา
ศัตรูของหลิงฮันไม่ใช่อัจฉริยะที่มีระดับพลังเดียวกันอีกต่อไป แต่ต้องเป็นอัจฉริยะที่มีระดับพลังสูงกว่าเท่านั้นถึงมีค่าพอจะให้เขาออกแรง
‘ตูม’ หอคอยทมิฬเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทะเลสาปขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาบนอากาศที่ว่างเปล่าพร้อมกับน้ำตกที่ไหลลงมาจากฟากฟ้า เกิดเป็นภาพอันน่าอัศจรรย์
“เจ้าทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว หอคอยทมิฬชั้นสองจึงเปิดออก” หอคอยทมิฬน้อยปรากฏตัว