ราชันกระบี่น้อยเป็นตัวตนที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึง
เขาเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของโลกและเป็นผู้นำของรุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนนี้เขาบรรลุระดับก้าวสู่เทวาแล้ว!
ถึงทุกคนในที่นี้จะเป็นอัจฉริยะ แต่เมื่อเจอกับตัวตนระดับก้าวสู่เทวา พวกเขาก็ยังรู้สึกกดดันจนหวาดหวั่นไปถึงก้นบึ้งหัวใจอยู่ดี
แน่นอนว่าก็ยังมีข้อยกเว้นสำหรับคนอย่างหลิงฮัน ฮูหนิว เจ้ากระต่าย จักรพรรดิพิรุณ มู่หลงชิงและเหวินเหรินเชียนเชียน ไม่รู้ว่าหากพวกเขาสู้กับราชันกระบี่น้อยแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้
แววตาของราชันกระบี่น้อยคมกริบราวกับกระบี่ เมื่อเขากระพริบตา ปรพกายแสงบางอย่างก็พุ่งออกไปจนก้อนหินที่อยู่ห่างไกลเกินรอยบิ่น
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก นี่เป็นเพียงพลังที่มาจากการกระพริบตาของเขาเท่านั้น!
สิ่งนี้น่ากลัวมากกว่านั้นคือก้อนหินที่นี่ล้วนแต่ถูกปกคลุมไว้ด้วยค่ายอาคม ถึงแม้พวกเขาจะรุมกระหน่ำโจมตีใส่ก้อนหินในบริเวณนี้พวกมันก็คงไม่เกิดรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว แต่ราชันกระบี่น้อยกลับสามารถทำได้เพียงกระพริบตา ความแตกต่างของพวกเราและราชันกระบี่น้อยนั้นกว้างใหญ่ราวกับสวรรค์และปฐพี
“หลิงฮัน!” ราชันกระบี่น้อยเอ่ยปากพูดเบาๆ “ข้ารอคอยเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว”
‘พรึบ’ สายตาทุกคู่หันมามองที่หลิงฮัน
ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของหลิงฮันยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เพราะอย่างไรชื่อเสียงของเขาก็กำเนิดขึ้นที่ภูมิภาคเหนืออันห่างไกล มีเพียงไม่กี่คนที่รู้สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขา แถมสมาคมนักปรุงยายังไม่ได้ประกาศชื่อเสียงของหลิงฮันให้โลกรู้ด้วย พวกเขาบอกเพียงแค่ว่ามีนักปรุงยาระดับสวรรค์คนที่สามเกิดขึ้นแล้ว
แถมหลิงฮันยังอ่อนเยาว์เกินไปด้วย หากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับชายหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีที่บรรลุระดับสวรรค์แล้ว ไม่ใช่ว่าเรื่องเช่นนี้มันดูเกินจริงไปหน่อยรึไงกัน?
แต่หลังจากที่หลงไหเชวียนและราชันกระบี่น้อยประกาศชื่อของหลิงฮันออกมา ด้วยชื่อเสียงของทั้งสองคน ชื่อของหลิงฮันจึงประทับอยู่ในจิตใจของเหล่ารุ่นเยาว์ทันที
“รอข้า?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “มันก็สมควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่รึไง ข้าเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ที่ทรงเกียร์ติ บางคนแม้จะนั่งรอข้าเป็นเวลานานก็ไม่อาจพบข้าได้! นับว่าวันนี้เจ้าโชคดียิ่งนัก”
‘พรวด!’
ผู้คนมากมายสำลักออกมา หลิงฮันช่างปากกล้าจริงๆ เขากล้าพูดว่าการที่ราชันกระบี่น้อยเป็นฝ่ายรอคือเรื่องที่สมควรแล้ว… เจ้ารู้รึเปล่าว่าราชันกระบี่น้อยคือใคร? เขาคือผู้นำรุ่นเยาว์แห่งยุค!
แต่มันก็คงสมเหตุสมผลถ้าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์จริงๆ หากนั่นเป็นเรื่องจริงราชันกระบี่น้อยก็คงไม่มีคุณสมบัติที่จะพบหน้าหลิงฮันแม้จะคุกเข่าขอร้องก็ตามที
นักปรุงยาระดับสวรรค์ ใต้หล้านี้มีเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนหลิงฮันซึ่งเป็นคนที่สามนั้น ขอเท็จจริงนี้ผู้คนรอบข้างยังไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
ราชันกระบี่น้อยลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับกระบี่ที่แหลมคม เขาชักกระบี่เล่มหนึ่งออกมา ‘ฟุบ’ รูปแบบอักขระบรกระบี่ค่อยๆส่องสว่างขึ้นทีละตัวและปลดปล่อยพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
มันคืออาวุธวิญญาณระดับเก้าที่แม้แต่ราชันกระบี่น้อยในตอนนี้ก็ยังใช้พลังของมันได้ไม่เต็มที่
“เจ้าสังหารบิดาข้า ความเกลียดชังนี้ไม่อาจชำระล้างได้!” ราชันกระบี่น้อยกล่าวอย่างเย็นชาและสะบัดกระบี่ในมือ รัศมีกระบี่ถูกปลดปล่อยออกมาและสร้างรอยฟันลึกทิ้งไว้บนก้อนหิน
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง ถ้ากระบี่นี้ถูกฟันมาที่พวกเขา แม้พวกเขาจะเตรียมตัวป้องกันเอาไว้เต็มที่แล้ว พวกเขาก็คงถูกกระบี่นี้สังหารอยู่ดี
หลิงฮันหัวเราะและพูด “สำนักสวรรค์ในตอนนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับชำระความบาดหมางแล้ว?”
ราชันกระบี่น้อยที่ได้ยินเริ่มเกิดความรู้สึกลังเลและไม่กล้าตอบโต้อย่างผลีผลาม เขาเป็นเพียงผู้นำรุ่นเยาว์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน เขาไม่มีอำนาจถึงขนาดเป็นตัวแทนของทั้งนิกายกระบี่ไร้เทียมทานได้ เพราะอย่างไรนิกายกระบี่ไร้เทียมทานได้ก็เป็นถึงหนึ่งในห้านิกายโบราณ
เขาครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกมา “ถ้าเช่นนั้นข้าขอท้าประลองเจ้า”
หลิงฮันแสยะยิ้ม “ตรรกะนั่นมันอะไรกัน? ศิษย์ที่มีพลังบ่มเพาะระดับสูงกว่าคิดจะท้าประลองศิษย์ที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่า… แบบนั้นแล้วมันจะเรียกว่าการฝึกฝนได้อย่างไร?”
ทุกคนพยักหน้า
ระดับท้าประลองมีไว้เพื่อกระตุ้นให้ศิษย์ที่อ่อนแอของสำนักใต้เต้าขึ้นไปให้สูงขึ้น ถ้าหากศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่ามาท้าประลองศิษย์ที่อ่อนแอกว่า ไม่ใช่ว่านั่จะทำให้ศิษย์ทุกคนที่พลังบ่มเพาะยังไม่สูงตกอยู่ในอันตรายหรอกรึ?
ราชันกระบี่น้อยรู้สึกหดหู่ เขาภูมิใจในระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าคนอื่นของตนเองมาก แต่ทำไมตอนนี้มันกลับทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมากัน? “พวกเรามีอายุใกล้เคียงกัน เจ้าหวาดกลัวที่จะต่อสู้กับคนที่อายุเท่ากันรึไง?”
“ใกล้เคียงกันกับน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” หลิงฮันมีท่าทีรังเกียจ “เจ้าเป็นตาลุงที่มีอายุมากกว่าข้าถึงสองเท่า เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าอายุใกล้เคียงกับข้าอีกรึ? ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
‘พรูดด!’
ผู้คนมากมายหลุดหัวเราะออกมาทันที แต่พวกเขาก็รีบนำมือมาปิดปากตนเองอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นความโกรธของราชันกระบี่น้อย
ราชันกระบี่น้อยกลายเป็นโกรธเกรี้ยว ตามหลักแล้วเขากับหลิงฮันนั้นนับว่าอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ไม่ว่าใครในยุคนี้ที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีก็นับว่าเป็นรุ่นเยาว์ทั้งนั้น เพราะหากเทียบแล้วจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณอายุหนึ่งร้อยปีก็ไม่ต่างอะไรกับจอมยุทธทั่วไปที่มีอายุยี่สิบปี
ในโลกของการฝึกตน จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาที่อายุน้อยกว่าร้อยสี่สิบปีจะนับว่ายังเป็นรุ่นเยาว์ ส่วนจอมยุทธระดับสวรรค์นั้นต้องมีอายุน้อยกว่าร้อยแปดสิบปี ส่วนจอมยุทธระดับทลายมิติต้องมีอายุน้อยกว่าสองร้อยปี
ในอดีต หลิงฮันบรรลุระดับสวรรค์ในช่วงอายุขัยสองร้อยปี ดังนั้นเขาจึงเกินกว่าจะถูกเรียกว่ารุ่นเยาว์แล้ว แม้ในตอนนั้นเขาจะเป็นจอมยุทธคนแรกที่บรรลุระดับสวรรค์ด้วยอายุที่น้อยที่สุด แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี สถิติที่เขาทำเอาไว้ก็ถูกทำลายลง
หลังจากที่เขาตกตาย ศาสตร์แห่งวรยุทธก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนเป็นอย่างในวันนี้
หลิงฮันหันไปรอบๆและกล่าว “ราชันกระบี่น้อย ไม่ว่าอย่างไรความบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้าก็ต้องถูกชำระให้หมดสิ้น ข้ายอมรับการท้าประลองของเจ้า เพียงแต่มันต้องไม่ใช่การประลองธรรมดาทั่วไป… มันต้องเป็นการประลองเอาชีวิต!”
“เจ้ากล้างั้นรึ?”
ราชันกระบี่น้อยชื่นชมในจิตวิญญาณของหลิงฮัน เด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งจะก้าวผ่านมายังระดับตัวอ่อนวิญญาณ เขาจะมีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับเขา?
หรือว่า… จะใช้เม็ดยาช่วย?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แล้วอย่ามาหาว่าข้ารังแกเจ้าล่ะ แล้วก็ข้าจะไม่ใช้เม็ดยาด้วย!”
ราชันกระบี่น้อยตกตะลึงอีกครั้ง เจ้าจะสู้กับข้าได้อย่างไรหากไม่ใช้เม็ดยา? เจ้ากับข้ามีพลังต่างกันถึงหนึ่งระดับใหญ่ แถมข้ายังเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคที่มีพลังต่อสู้ถึงสิบดาว!
ถ้าหากเขาปฏิเสธการประลองเป็นตายกับหลิงฮัน ในใจของเขาจะมีเสี้ยนหนามหลงเหลืออยู่ หากปล่อยไว้นานๆ มันจะส่งผลกระทบต่อวิถีวรยุทธของเขาอย่างไม่อาจกลับไปแก้ไข
เพราะงั้นเขาจะต้องยอมรับการประลองครั้งนี้!
แต่จะให้พูดแล้ว ไม่ใช่เขารึไงที่เป็นคนเสนอการประลองก่อน?
“ตกลง ข้ายอมรับ!” ราชันกระบี่น้อยตอบอย่างหนักแน่น