ที่จริงหลิงฮันก็ไม่ได้อยากจะยุ่มย่ามกับราชันกระบี่น้อยเท่าไหร่
แต่อีกฝ่ายกลับไล่ล่าเขานับครั้งไม่ถ้วน แล้วจะยังให้เขาเก็บอารมณ์เอาไว้อีกรึ?
“มาสู้กันบนท้องฟ้า!” ร่างของหลิงฮันทะยานขึ้นฟ้า
“เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสชนะ!” ราชันกระบี่น้อยโลดแล่นขึ้นท้องฟ้าเช่นกัน
ทั้งสองคนคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัย พวกเขายืนแยกกันอยู่บนท้องฟ้า ต่างคนต่างระเบิดออร่าอันทรงพลังออกมาด้วยความมั่นใจ
หนึ่งคนเป็นดั่งดาบในขณะที่อีกคนเป็นดั่งกระบี่
นี่คือการประลองระหว่างสองสุดยอดอัจฉริยะ และเป็นการปะทะกันของวิถีแห่งดาบและวิถีกระบี่
ทุกคนต่างจ้องมองตาไม่กระพริบ คนมากมายที่อยู่ในที่พักต่างอออกมาและจ้องมองไปบนท้องฟ้า
ย่าวหุยเยว่ หลางหยาเทียน ตงหลิงเอ๋อ รุ่นเยาว์เกือบจะทุกคนล้วนปรากฏตัวออกมา ตัวตนของราชันกระบี่น้อยเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของสุดยอดอัจฉริยะ ใครกันที่จะกล้าดูถูกเขา?
ถ้าหลิงฮันโค่นล้มเขาได้ ชื่อเสียงรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยจะถูกตัดสินทันที
แน่นอนว่ายังคงมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดอยู่อีกไม่กี่คน ยกตัวอย่างเช่น อัจฉริยะแห่งวิถีดาบของนิกายดาบสวรรค์ เทียนเจี่ยนฉือ นิกายกระบี่ไร้เทียมทานก็ยังมีสุดยอดอัจฉริยะอย่างฉือชิ่วเหรินอยู่อีกคน เขามีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าราชันกระบี่น้อยแม้แต่นิดเดียว
นิกายพันศพเองก็มีสุดยอดฉริยะเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้ใครเห็น
ผู้อาวุโสรุ่นก่อนเองก็กำลังดูการประลองของทั้งสองอยู่เหมือนกัน แม้แต่พวกเขาเองก็เป็นกังวลกับผลการประลองครั้งนี้
“พวกเรา… ไม่สมควรเข้าไปแทรกแซงจริงๆรึ?”
“ราชันดาบมีคำสั่งมาว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น”
“ราชันกระบี่น้อยคือผู้นำแห่งศิษย์ของนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน ข้าเกรงว่าหากเกิดอะไรขึ้นนิกายกระบี่ไร้เทียมทานจะปะทุความโกรธขึ้นมา!”
“นี่เป็นคำสั่งของราชันดาบ เจ้าจะหวาดกลัวอะไร?”
“ที่ข้ากังวลอีกเรื่องคือเด็กหนุ่มชื่อหลิงฮันที่เป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ เขาเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยาที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น ถ้าหากเขาตกตายที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าสมาคมนักปรุงยาจะระเบิดโทสะออกมารึไง?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าสมาคมนักปรุงยาจะรับรู้ถึงตัวตนของหลิงฮันรึไง?”
เหล่าผู้อาวุโสไม่ถกเถียงอะไรกันอีก พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการประลองครั้งนี้ ในเมื่อทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าจะประลองเป็นตาย งั้นโชคชะตาก็กำหนดแล้วว่าหลังจบการประลองนี้ จะต้องมีอัจฉริยะตกตายไปหนึ่งคน
หลิงฮันนำดาบเกิดเนิดมารออกมาและยิ้ม “ข้าไม่อยากรังแกเจ้าเลยจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเจ้าแล้ว การรังแกเจ้าก็ดูเหมือนจะน่าสนุกไม่เลวเหมือนกัน”
‘พรึบ’ ดาบกำเนิดมารถูกกระตุ้นใช้งาน อักขระสี่ตัวบนใบดาบส่องสว่างขึ้นมาทันที!
เมื่อเขาทะลวงผ่านมายังระดับตัวอ่อนวิญญาณและสร้างรัศมีดาบได้สำเร็จ เขาก็สามารถใช้งานอำนาจของดาบกำเนิดมารได้มากขึ้น
“อาวุธวิญญาณระดับสิบแล้วอย่างไร!” ราชันกระบี่น้อยกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ายังห่างไกลจากระดับทลายมิติ แถมมันยังไม่ใช่อาวุธวิญญาณที่เจ้าบ่มเพาะมาด้วยตนเอง เจ้าไม่อาจใช้พลังของมันได้เต็มดี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางแพ้เจ้า”
“จะแพ้หรือชนะก็ไม่ต้องพล่ามเยอะ รีบๆเข้ามา!” หลิงฮันหัวเราะ เขายื่นมือซ้ายออกไปและกวัดนิ้วยั่วยุ “เข้ามาเลย ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด และใครกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะ!”
“ช่างเพ้อฝัน!” ราชันกระบี่น้อยลงมือ กระบี่ยาวในมือฟาดฟันรัศมีกระบี่เล่มยาวออกไป การโจมตีของเขาราวกับจะตัดแบ่งสวรรค์และปฐพีให้ออกเป็นสองส่วน
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและใช้รัศมีดาบปัดป้องการโจมตี
ตูม!
รัศมีของทั้งสองเข้าปะทะกันและแตกสลายไปทั้งคู่ การโจมตีทั้งสองแตกสลายกลายเป็นสะเก็ดแสงนับไม่ถ้วนที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า
กระบวนท่าแรกทั้งสองเสมอกัน
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ราชันกระบี่น้อยคือจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเชียวนะ! ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นอัจฉริยะที่สามารถสู้ข้ามระดับได้ด้วย ถึงอย่างนั้นเขากลับเสมอกับหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ เรื่องที่น่าเหลือเชื่อนี่มันอะไรกัน?
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!” ราชันกระบี่น้อยกัดฟัน พลังของรัศมีไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้ของจอมยุทธเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับจำนวนของปราณที่สร้างขึ้นและอาวุธที่ใช้ด้วย
จำนวนปราณของทั้งสองคนสมควรจะเท่ากันคือสามสิบเล่ม แต่ที่หลิงฮันสามารถทัดเทียมกับเขาได้ทั้งๆที่ระดับพลังต่ำกว่าก็เพราะดาบในมือ
อาวุธวิญญาณระดับสิบแม้ว่าจะไม่สามารถใช้พลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่คุณภาพของมันก็ยังเหนือกว่าอาวุธวิญญาณระดับเก้าอย่างไม่ต้องสงสัย
ราชันกระบี่น้อยหวัเสียเป็นอย่างยิ่ง เขาที่ค้นพบขุมสมบัติของราชวงศ์โบราณกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเรื่องอาวุธวิญญาณกับอีกฝ่าย… แต่ถึงอย่างไรอาวุธของหลิงฮันก็เป็นถึงอาวุธวิญญาณระดับสิบ ในทั่วโลกนี้จะมีอาวุธเช่นนี้ซักกี่ชิ้นกันเชียว?
“ก็แค่พึ่งพาพลังของอาวุธวิญญาณ!” ราชันกระบี่น้อยเค้นเสียงดูถูกและพุ่งเข้าใส่หลิงฮันโดยหวังสังหารหลิงฮันให้ตาย เขารู้ว่าหลิงฮันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงต้องต่อสู้ระยะประชิดเพื่อไม่ให้หลิงฮันได้มีโอกาสใช้ประโยชน์จากความเร็วของตนเอง
“สู้ระยะประชิด?” หลิงฮันเค้นเสียง “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เขาฝึกฝนทักษะกายภาพที่หลากหลาย และด้วยอำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ กายหยาบของเขาก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก การต่อสู้ระยะประชิดคือข้อได้เปรียบของเขา
‘ปัง ปัง ปัง’ ทั้งสองคนเข้าประชิดกัน ดาบแบะกระบี่ปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อนก่อให้เกิดเป็นคลื่นระเบิดอันไร้ที่สิ้นสุด
“อะไรกัน!” ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง พอพวกเขาเข้าปะทะกันในระยะประชิด หลิงฮันได้กำราบและเป็นฝ่ายอยู่เหนือเขาโดยสิ้นเชิง!
ร่างกายของหลิงฮันมันอะไรกัน ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เขาสามารถโจมตีออกไปได้แค่สิบครั้ง แค่หลิงฮันกลับสามารถปล่อยการโจมตีออกมาได้นับร้อยครั้งจนเขาไม่สามารถตอบโต้ได้
ราชันกระบี่น้อยต้องการเว้นระยะห่างออกมา แต่หลิงฮันได้ตามติดเขาชิดจนไม่อาจเว้นระยะห่างได้
“เข้ามาใกล้ข้าแล้วยังคิดจะล่าถอยกลับออกไปง่ายๆ?” ร่างของหลิงฮันกลายเป็นสายฟ้าและไล่ตามอีกฝ่าย เมื่อทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาถูกโคจรใช้งาน ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“บัดซบ! นั่นมันของข้า! มันสมควรเป็นของข้า!” ราชันกระบี่น้อยแสดงสีหน้าบ้าคลั่งออกมา ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาสมควรจะเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ของเขา ถ้าเขาได้เรียนรู้ทักษะนี้ล่ะก็ ความรวดเร็วของกระบี่ของเขาจะเพิ่มขึ้นกว่านี้หลายเท่าตัว ในหมู่จอมยุทธอายุเท่ากัน ใครกันจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้?
“เจ้าสมควรตาย อัสนีบาตของข้าข้าจะเผาเจ้าจนมอดไหม้!” หลิงฮันแสยะยิ้ม
“ไม่มีทาง ข้าจะแย่งชิงมันกลับมาให้ได้!” ราชันกระบี่น้อยตอบกลับด้วยความเคียดแค้น
ดาบของหลิงฮันสะบั้นออกไป ในขณะที่ดาบกำลังจะโดนตัวราชันกระบี่น้อย สัญชาตญาณของเขาก็ตื่นตัวและรีบเอื้อมมือออกไปคว้าอะไรบางอย่าง
‘ฉึบ!’
มือโปร่งใสปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า มือโปร่งใสนั่นคิดจะจู่โจมด้านหลังศีรษะของหลิงฮัน แต่มันก็ถูกหลิงฮันคว้าจับเอาไว้ก่อน จนไม่สามารถทำอะไรเขาได้
มันคือหุ่นเชิดเพชร!