เป็นแค่เด็กน้อยที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณกลับกล้าถามเขาว่ากล้าที่จะรับดาบหรือไม่อย่างนั้นรึ?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?
หู่เจียนอี่หยุดเคลื่อนไหวหลังจากที่เดินไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว และด้วยะยะห่างเท่านี้เขามั่นใจว่าสามารถจัดการหลิงฮันได้ เขายืนตัวตรงและพูดว่า “รับดาบของเจ้า? ฮ่าฮ่าฮ่า แม้เจ้าจะโจมตีด้วยดาบใส่ข้าหนึ่งหมื่นกระบวนท่า ข้าจะไม่สามารถรับดาบของเจ้าได้ยังไงกัน?”
“ไม่ใช่การโจมตีด้วยดาบหนึ่งหมื่นครั้ง เพียงแค่ดาบเดียวเท่านั้น” หลิงฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตราบใดที่เจ้าสามารถรับดาบของข้าได้ ข้าจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้าคิดว่าไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นข้าอยากจะเห็นซะแล้วสิ” หู่เจียนอี่พูดแผ่วเบา แม้เขาจะมีพลังปราณมากกว่าหลิงฮัน แต่อีกฝ่ายนั้นรวดเร็วเกินไป และดูเหมือนการไล่ตามจะไร้ความหมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีหลิงฮันโดน นี่ถือเป็นโอกาส
เขาแค่ต้องรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แม้เขาจะเผลอลงมือฆ่าหลิงฮันมันก็ไม่ได้สำคัญ เขาสามารถอ่านความทรงจำของอีกฝ่ายได้จากดวงวิญญาณ ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตหรือไม่
—— หลิงฮันสามารถทำให้จอมยุทธระดับสวรรค์ต้องลงแรงมากขนาดนี้ เขาควรจะภาคภูมิใจในตัวเองทั้งที่เขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเท่านั้น!
หลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมาและหลังจากที่สูดลมหายใจ เขาก็สะบั้นดาบออกไป
นี่คือการโจมตีของเขา?
หู่เจียนอี่รู้สึกละอายใจแทนหลิงฮัน การโจมตีที่อ่อนแอแบบนั้น แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั่วไปยังฆ่าไม่ตายเลย!
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายวิ่งหนีมาทั้งวัน พลังปราณน่าจะเหือดแห้งหมดแล้ว แล้วอีกฝ่ายจะปลดปล่อยการโจมตีออกมาได้น่าสะพรึงกลัวแค่ไหนกันเชียว?
สงสัยข้าจะระวังตัวเกินไป
หู่เจียนอี่เค้นเสียงดูถูกและโคจรพลังไปที่มือขวาเพื่อรับดาบของหลิงฮัน พลังปราณกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ เขาเมินเฉยการโจมตีขอหลิงฮันอย่างสมบูรณ์ หลิงฮันและดาบของเขาควรจะถูกบีบและระเบิดไปพร้อมกัน
แต่ทันใดนั้น ดาบของหลิงฮันส่องแสงเปล่งประกาย มันส่องแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้าและดูน่าสะพรึงกลัว
“เป็นไปได้ยังไง!” หู่เจียนอี่อุทานออกมา เขารู้สึกได้ถึงเต๋าแห่งสวรรค์บนดาบเล่มนี้ ราวกับว่าสวรรค์และปฐพีได้กลายเป็นดาบเล่มนี้และกำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวใส่เขา
แก่นแท้แห่งดาบ!
รุ่นเยาว์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเป็นไปได้ยังไงกันที่จะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ?
มันไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่ระดับพลังของเขายังต่ำเกินไป
หู่เจียนอี่อุทาน แต่หัวใจของเขายังคงสงบนิ่ง เขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะเป็นภัยคุกคามต่อเขาได้ แต่ยังไงเขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท และปลดปล่อยเจตจำนงเข้าไปในฝ่ามือยักษ์ ทำให้ฝ่ามือยักษ์ของเขาดูเหมือนกลายเป็นฝ่ามือของพระเจ้า
ฉึก!
แสงของดาบกำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า
หู่เจียนอีตะโกนออกมาอย่างกะทันหันและล่าถอยทันที
เขาเห็นฝ่ามือยักษ์ถูกผ่าเป็นสองส่วน ทั้งยังได้รับบาดแผลบนฝ่ามือขวา ทำให้โลหิตหลั่งไหลออกมา และมีท่าทีว่าจะไม่หยุดไหล
เห็นได้ชัดว่าเป็นแก่นแท้แห่งดาบ นี่คือระดับสูงสุดของวิถีแห่งดาบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในโลก เมื่อถูกดาบแบบนั้นทำให้ได้รับบาดแผล แล้วจะฟื้นฟูได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหู่จะไม่สามารถรับดาบของข้าได้”
สีหน้าของหู่เจียนอีดูประหลาดใจ ในอีกด้านหนึ่ง เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ในทางกลับกันคือเขาดูถูกหลิงฮันและได้รับบาดแผล
“ไม่ นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของเจ้าอย่างแน่นอน!” เขาสงบสติอารมณ์ลงและพูดว่า “ปรากฏตัวออกมาซะ เจ้าไม่มีทางหลบพ้นสายตาของข้า!”
หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ จอมยุทธระดับสวรรค์ยังไงก็คือจอมยุทธระดับสวรรค์ มันไม่ง่ายเลยที่ตบตาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ไม่มีใครเห็นว่าเขาปรากฏตัวมาจากไหน และไม่มีใครรู้สึกถึงความแปลกประหลาด ราวกับว่าเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว
“จอมยุทธระดับทลายมิติ!” หู่เจียนอี่ตัวสั่นเทา อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่เป็นระดับพลังที่สูงที่สุดบนโลก!
ชายร่างสูงพร้อมกับขวดน้ำเต้าที่อยู่ในมือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าต้องการฆ่าน้องสองของข้าอย่างนั้นรึ?”
เขาคือเฟิงโป๋วหยุน!
หู่เจียนอี่อยากจะร้องไห้ เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าแท้จริงแล้วหลิงฮันเป็นน้องชายของจอมยุทธระดับทลายมิติ? มิฉะนั้น ต่อให้เขามีความกล้ามากกว่านี้ร้อยเท่าเขาก็คงไม่กล้าที่จะโจมตีหลิงฮัน หรือว่านี่จะคือจุดจบของเขา?
“ไม่ ไม่ ข้ามิกล้า นี่เป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด” เขารีบโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจผิด?” เฟิงโป๋วหยุนยิ้มและหัวเราะ “เจ้าไล่ล่าน้องสองเกือบทั้งวันแต่ยังพูดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด?”
หู่เจียนอี่พึมพัมอยู่ในใจ อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่จงใจซ่อนตัวเพื่อจับตาดู และตอนนี้อีกฝ่ายได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว แล้วเขาจะต่อกรด้วยได้อย่างไร?
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง!” เขายิ้ม “ข้ายินดีที่จะชดใช้ให้กับน้องชายของท่านสำหรับเรื่องเข้าใจผิดในครั้งนี้”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ผู้อาวุโสหู่ ก่อนหน้านี้ข้าพูดว่า ข้าสังหารลูกชายของเจ้าเพื่อกำจัดปัญหาให้กับเจ้า ในไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะต้องขอบคุณค่า ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะเข้าใจแล้วสินะ”
“เข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว!” หู่เจียนอี่รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วและโยนแหวนมิติหลายวงให้กับหลิงฮันเพื่อให้ไว้ชีวิตของเขา
หลิงฮันสำรวจแหวนมิติอย่างรวดเร็วและช่วยไม่ได้ที่เขาจะพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสหู่ช่างมั่งคั่งยิ่งนัก!”
เฟิงโป๋วหยุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ชีวิตน้องสองของข้ามีค่าแค่แหวนมิติไม่กี่วงอย่างนั้นรึ?”
นี่หมายความว่าแค่นั้นยังไม่เพียงพอ
หู่เจียนอี่กัดฟันแน่นและโยนแหวนมิติที่เหลืออยู่ให้กับหลิงฮัน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่มยามกับหลิงฮันอีกเป็นอันขาด ตอนนี้เขายอมสละสมบัติทั้งหมด เพราะยังไงมันก็เป็นแค่ของนอกกาย ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาสามารถจะทวงมันกลับมาได้หรอกหรือ?
เฟิงโป๋วหยุนเพียงแค่โบกมือและพูดว่า “ไปได้แล้ว ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าชั่วคราว แต่เมื่อใดที่น้องสองของข้าแข็งแกร่งเพียงพอ เขาจะไปเยี่ยมเยียนนิกายวายุจันทราของเจ้าและสะสางความเข้าใจผิดนี้ซะ”
ว่าไงนะ สมบัติมากมายขนาดนั้นสามารถซื้อชีวิตได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น?
หู่เจียนอี่ดุด่าอยู่ในใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาโค้งคำนับเฟิงโป๋วหยุนอย่างสุภาพและหันหลังจากไป หลังจากที่วิ่งหนีไปไกล เขาพบว่าแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่ออันหนาวเย็น
จอมยุทธระดับทลายมิติแข็งแกร่งเกินไป!
“พี่ใหญ่ ท่านมาถึงตอนไหน?” หลิงฮันยิ้มและถามเฟิงโป๋วหยุน
“ข้ามาถึงเมืองเหมียนหยังไม่กี่วันก่อน” เฟิงโป๋วหยุนยิ้ม “เจ้าจะไม่โทษข้าหรือที่ปรากฏตัวออกมาช้า?”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ถ้าพี่ใหญ่เคลื่อนไหวเร็วเกินไป ข้าคงไม่ได้ออกแรงกันพอดี”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ารู้อยู่แล้วสินะ” เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า “ข้าเจอเรื่องลึกลับในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว”