ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกหนาวเย็น แม้แต่หนังศรีษะยังด้านชา
ด้วยสายตาที่แหลมคมของเขา เขาสามารถรับประกันได้ว่าโลงศพหยกนั่นมีความเก่าแก่อย่างแน่นอน เขาไม่รู้ว่ามันถูกฝังอยู่ใต้ดินมาเป็นเวลากี่ปี แม้ว่าเขาจะเห็นเศษดินอยู่บนโลงศพหยก แต่อย่างน้อยมันจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปี
โลงศพจะถูกปิดผนึกไว้จนกว่าของเหลวลึกลับจะไหลออกมาก่อนที่จะถูกเปิดออก กล่าวได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในโลงศพถูกฝังไปพร้อมกับโลงศพหยก
และตอนนี้นางได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจได้อย่างไร?
“มันเป็นของเหลวบางอย่างที่สามารถปิดผนึกพลังภายในร่างกายมนุษย์ได้โดยไม่หลงเหลือร่อยลอยให้เห็นแม้แต่น้อย” เฟิงโป๋วหยุนกล่าว ดวงตาของเขากำลังลุกโชน
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง ไม่แปลกใจเลยที่คนที่ถูกฝังนับหมื่นปีจะคงสภาพได้แบบนั้น
“ผิดแล้ว” อี้ชวงชวงส่ายหัว “นั่นเรียกว่าหยดวารีกาลเวลา มันสามารถใช้ปิดผนึกสิ่งมีชีวิต เวลาของสิ่งมีชีวิตที่ถูกปิดผนึกจะผ่านไปช้ามาก อย่างไรก็ตาม มันแค่ทำให้เวลาผ่านไปช้าลงเท่านั้นไม่ได้หยุดเวลา ซึ่งมันสามารถทำให้เวลาเดินช้าลงได้ถึงหนึ่งร้อยเท่าหรืออาจมากกว่านั้น”
พวกของหลิงฮันทั้งสี่คนรู้สึกตกตะลึง ถ้าพวกเขาทำให้เวลาเดินช้าลงได้ร้อยเท่า ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะมี “ชีวิต” อยู่ได้นับแสนปีเลยหรือ?
“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง หรือว่าเจ้าจะเป็นยัยแก่?” หลิงฮันถาม
“ย..ยัยแก่?” อารมณ์ของอี้ชวงชวงเหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง นางกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ ตาของเจ้ามีปัญหาหรือไง ข้าดูแก่ตรงไหนอย่างนั้นรึ? ดูผิวของข้าสิ ดูซะว่ามันขาวเนียนและละเอียบอ่อนแค่ไหน ดูหน้าอกนี่ซะ เจ้าเห็นมันหย่อนยานหรือไม่? และดูสะโพกของข้า ไม่ใช่ว่าเจ้าเห็นแล้วเกิดอารมณ์หรอกรึ!”
ฮูหนิวใช้มือปิดตาของตัวเองและส่ายหัวไปมาไม่หยุด แล้วพูดว่า “น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ เจ้าทำให้จิตใจของเด็กสาวบริสุทธิ์อย่างฮูหนิวต้องแปดเปื้อน”
หลิงฮันคิดว่าอี้ชวงชวงน่าจะพูดถูก ดังนั้นเขาเลยรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาจากคนที่อยู่ในโลงศพ มันไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายจงใจลบกลิ่นอาย แต่เป็นเพราะกระแสเวลาของอีกฝ่ายนั้นไหลผ่านไปเชื่องช้ามาก ดังนั้นนานๆทีจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของนาง
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนาพูดคุยกัน พวกเขาก็เห็นหญิงสาวในโลงศพหยกยกร่างกายส่วนบนขึ้นมาก่อนที่จะบิดขี้เกียจ และเผยให้เห็นส่วนเว้นส่วนโค้งได้อย่างชัดเจนทั้งยังเต็มไปด้วยความเย้ายวน ทำให้เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“อ้ายชิง!” หม่าตั๋วเป้าหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
หญิงสาวในโลงศพจ้องมองไปที่หม่าตั๋วเป้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ และพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจว่า “จักรพรรดิของข้า?”
“ใช่แล้ว” หม่าตั๋วเป้าพยักหน้า
หญิงสาวในโลงศพรู้สึกตกตะลึง ทันใดนั้นนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับน้ำตา และตบขอบโลงศพไม่หยุด “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าขำจะตายอยู่แล้ว! ฝ่าบาท เจ้ากลายเป็นคนอ้วนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หม่าตั๋วเป้าส่งเสียงกระแอมและพูดว่า “ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เลยหรือไง?”
หญิงสาวในโลงศพยังคงหัวเราะพร้อมกับน้ำตา ดูเหมือนว่านางจะหยุดขำไม่ได้ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดว่า “ราชาดวงดารา ราชาแห่งปฐพี พวกเขาเห็นเจ้าแล้วหรือยัง?”
“ราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่ อ้ายชิงโปรดไว้หน้าข้าต่อหน้าคนนอกด้วย!” หม่าตั๋วเป้ากล่าว
หญิงสาวในโลงศพ ราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่กระโดดออกมาจากโลงศพและเหลือบมองไปที่กลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคน ก่อนที่จะหันไปมองหม่าตั๋วเป้าและพูดพึมพัมว่า “ฝ่าบาทกลายเป็นคนอ้วนเสียแล้วยังจะมีหน้าให้ไว้อีกหรือ?”
นางยื่นมือออกไปข้างหน้าและปลดปล่อยพลังปราณอันหนาวเย็นออกมา พลังปราณของนางก่อตัวเป็นกระจกน้ำแข็งอยู่ด้านหน้าของนาง
“หืม!” นางกรีดร้องออกมาทันทีแล้วกลายเป็นโกรธเกรี้ยวและเงยหน้าตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าว่า “ฝ่าบาท เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่ายังไง?”
“สัญญาอะไร?” หม่าตั๋วเป้าพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา
“เจ้าพูดว่าเมื่อข้าปรากฏตัวอีกครั้ง รูปลักษณ์ของข้าจะไม่เปลี่ยนแปลง! เจ้าเห็นหรือไม่ ข้าแก่ขึ้นตั้งสองปี! ตั้งสองปี!” นางรู้สึกโกรธมากจนอยากจะฆ่าหม่าตั๋วเป๋าให้ตาย
“นี่มัน—” หม่าตั๋วเป้าโบกมือและพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าข้าจะหลับไหลนานไปหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหวทำให้ข้าตื่นขึ้นมา บางทีข้าคงอาจหลับต่อไปอีกหมื่นๆปี”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เมื่อข้าตื่นขึ้นมาไม่ใช่ว่าข้าจะเป็นยายแก่ไปแล้วหรอกรึ?” นางแทบจะบ้าคลั่ง “เจ้าหมูอ้วน ข้าอยากจะสังหารเจ้าให้ตายคามือยิ่งนักที่ทำให้ข้าต้องมีอายุมากขึ้นตั้งสองปี!”
นางรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากและอยากจะฆ่าให้หม่าตั๋วเป้าให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้
ตู้ม นางปลดปล่อยพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้เมืองหลวงของจักรวรรดิทั้งเมืองเริ่มหนาวเย็น และมีหิมะตกลงมาจากท้องฟ้า หากจ้องมองให้ดีจะเห็นว่าหิมะพวกนั้นแฝงมาพร้อมกับเจตจำนงของนาง!
“ราชินีหยิน เจ้าบ้าไปแล้ว!” หม่าตั๋วเป้ารีบกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้า และทำให้หิมะย้อนกลับไป มิฉะนั้นถ้าหิมะตกลงมาสู่พื้นดินเบื้องล่างอาจทำให้ทุกคนต้องตาย
“เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้หญิงโกรธแล้วจะเป็นยังไง?” ราชินีหยินคำราม “คืนความเยาว์วัยให้ข้า!”
“จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า!” เฟิงโป๋วหยุนจ้องมองนางด้วยความระมัดระวัง
นี่คือระดับพลังสูงสุดของจอมยุทธในทวีปฮงเทียน
หม่าตั๋วเป้าทำแค่ป้องกัน แต่ไม่โจมตี ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูงดงามแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของจักรพรรดิ
“ก็ได้ ก็ได้ ราชินีหยินพอแค่นี้ก่อน พวกเรามีแขก!” หม่าตั๋วเป้ากล่าว
ราชินีหยินปฏิเสธที่จะหยุดและพูดว่า “ถ้าข้าไม่ได้วางเท้าบนใบหน้าที่อ้วนท้วมของเจ้า ข้าก็ไม่มีทางที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้”
หม่าตั๋วเป้าแสยะยิ้มและพูดว่า “อ้ายชิง เจ้าดูไม่เหมือนแก่ขึ้นสองปีเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เจ้าดูงดงามขึ้นกว่าแต่ก่อนเสียอีก”
ราชินีหยินหยุดเคลื่อนไหวทันที และพูดว่า “ข้าดูงดงามขึ้น?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” หม่าตั๋วเป้าหันไปด้านหลังและถามเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนว่า “พวกเจ้าคิดว่าอ้ายชิงงดงามขึ้นหรือไม่?”
“ขอรับ!” เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนพยักหน้าไม่หยุด
ราชินีหยินนำกระจกน้ำแข็งออกมาอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็รู้สึกว่าตัวเองงดงามขึ้นเหมือนกัน”
หม่าตั๋วเป้าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาหันไปมองหลิงฮันและโบกมือพูดว่า “น้องชายตัวดำ หากเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมเจ้าไม่มากับข้าล่ะ?”
หลิงฮันหันไปมองเฟิงโป๋วหยุนและเห็นเขาพยักหน้า พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปหาหม่าตั๋วเป้า
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนกระโดดลงมา ขณะเดียวกันอี้ชวงชวงก็กระโดดลงมาด้วยและเดินไปพร้อมกับพวกเขา
“อ้วนหม่า– ไม่ใช่สิ ฝ่าบาท!” หลิงฮันโค้งคำนับ
“ตามสบาย ตามสบาย เจ้าไม่ใช่คนของข้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี” หม่าตั๋วเป้ายิ้มและจ้องมองไปที่เฟิงโป๋วหยุน ก่อนที่จะจ้องเขม็งไปที่อี้ชวงชวง