“น้องเขยเจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก ฉือชิ่วเหรินเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เจ้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าเจ้าไม่ไปไหนสักสองสามวัน” หลี่เฟิงหยู่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮัน และปากพล่อยของเขาทำให้น้องสาวของเขา และฮูหนิวกับจูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกไม่พอใจ
หลิงฮันโบกมือปัดและพูดว่า “อย่างแรกเลยข้าไม่ใช่น้องเขยของเจ้า อย่างที่สอง ทำไมข้าต้องกลัวฉือชิ่วเหรินด้วย? เจ้าไม่มีเชื่อมั่นในตัวข้าเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อมั่นในตัวเจ้า แต่ถ้าเสือสองตัวต่อสู้ต่อจะต้องมีตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ข้าก็เลยเป็นห่วงน้องเขยของข้าก็แค่นั้น” หลี่เฟิงหยู่กล่าว
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “หรือว่าเจ้ากลัวตายว่าจะโดนหางเลขไปด้วย?”
“น้องเขยนี่เจ้าจะหาว่าข้าเกรงกลัวต่อความตายอย่างนั้นรึ?” หลี่เฟิงหยู่รีบพูดออกมาว่า “เมื่อข้าเผชิญหน้ากับหยวนเฉินเหอไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนแรกหรอกหรือที่กระโจนออกไป?”
“ก็ได้ ก็ได้ แต่ลูกผู้ชายจะไม่พูดโอ้อวดความสำเร็จในอดีต ยังไงเจ้าก็มีความกล้าหาญอยู่บ้าง” หลิงฮันยิ้ม “ข้าอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของฉือชิ่วเหรินซะแล้วสิ” เขาไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน และหวังว่าฉือชิ่วเหรินจะสามารถทำให้เขารู้สึกท้าทายได้
ช่วยไม่ได้ที่หลี่เฟิงหยู่จะรู้สึกหดหู่ ตอนนี้เขาไม่อยากให้หลิงฮันมีความบาดหมางกับฉือชิ่วเหริน แต่มันกลับกลายเป็นการเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟได้อย่างไร?
“ตงหลินเอ๋อและย่าวหุยเยว่เองก็ไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าว “ข้าไตร่ถามมาหลายวันแล้ว ตงหลินเอ๋อเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในรุ่น แต่นางเป็นคนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนักจึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก และมีครั้งหนึ่งนางสังหารจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทุกคนที่ขัดขวางการฝึกฝนของนาง”
“ฆ่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ?” หลิงฮันกล่าวราวกับว่าไม่มีอะไรแปลก
“ใช่แล้ว ในตอนนั้นนางเป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเท่านั้น” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าว
นอกจากนี้นางยังเป็นอัจฉริยะที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้เช่นเดียวกัน
“แล้วย่าวหุยเย่วดูเหมือนไม่มีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงแบบนั้นเลยหรือ?” หลิงฮันถาม
“ไม่เชิง แต่อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของนิกายดาบสวรรค์นั้นไม่ใช่ย่าวหุยเยว่ แต่เป็นคนที่แข็งแกร่งเหมือนกับฉือชิ่วเหริน และเขาแทบไม่ย่างก้าวออกมาจากนิกาย” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าว
แม้นางจะไม่ได้มีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวแบบฮูหนิว แต่นางก็เป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างมากคนหนึ่งและคอยสอดส่องหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนหลิงฮัน
หลิงฮันรู้สึกสนใจและพูดว่า “เขาชื่ออะไร?”
“จางโม๋หรือที่เรียกกันว่าจักรพรรดิดาบน้อย” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าว
จักรพรรดิดาบน้อย?
หลิงฮันรู้สึกตกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายถูกเรียกว่าจักรพรรดิดาบน้อยถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เมื่อหมื่นปีก่อนมีจักรพรรดิดาบ เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น และสามารถสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้ขณะที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ ตามคำพูดของเฟิงโป๋วหยุน แก่นแท้แห่งดาบนั้นมีเพียงแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นได้
แน่นอนว่ามีบางคนที่ได้รับการยกเว้นอย่างเช่นหลิงฮัน และเห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิดาบก็ได้รับการยกเว้น เขาสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ นี่แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเขานั้นน่าทึ่งขนาดไหน
ศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์แต่ละล้วนแต่มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ย่าวหุยเยว่เป็นที่รู้จักในนามนักดาบอันดับสองของโลก และจางโม๋เป็นจักรพรรดิดาบน้อย แม้เขาจะไม่เคยเห็นจางโม๋ แต่แค่พรสวรรค์ของย่าวหุยเยว่นั้นก็น่าทึ่งแล้ว ถ้าจางโม๋มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นกว่าย่าวหุยเยว่ เขาจะต้องเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม
“นิกายดาบสวรรค์ นิกายกระบี่ไร้เทียมทาน และนิกายนกอมตะเมฆา ล้วนแต่มีสุดยอดอัจฉริยะที่น่าทึ่ง และข้าเชื่อว่านิกายมังกรปฐพีและนิกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องมีเหมือนกัน การเก็บเกี่ยวทุกหนึ่งหมื่นปีใกล้จะมาถึงแล้ว และจะมีอัจฉริยะอีกหลายคนที่จะปรากฏตัวออกมา” หลิงฮันคิด
“นิกายมังกรปฐพี อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดคือเจี่ยหมิง ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่กระหายเลือดมาก” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเคยได้ยินชื่อของคนคนนี้มาแล้ว” ในตอนที่ผู้คนได้ยินข่าวของเขา ทุกคนต่างก็พูดถึงมัน และรู้สึกหวาดกลัวเขามาก
“นิกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์มีอัจฉริยะอยู่คนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าบุตรแห่งสายฟ้า ชื่อที่แท้จริงของเขายังไม่มีใครรู้ แต่มีการกล่าวกันว่าพรสวรรค์ของเขาน่าทึ่งกว่าหลางหยาเทียนเสียอีก” จูเสวี่ยนเอ๋อกล่าวอีกครั้ง
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เมื่อเทียบกับรากฐานของห้านิกายโบราณแล้ว นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย!” ในสมัยที่สภาพแวดล้อมของจอมยุทธยังเสื่อมโสม ห้านิกายโบราณยังคงสร้างจอมยุทธระดับทลายมิติขึ้นมาได้เลย
รากฐานที่ฝังลึกมายาวนานบวกกับวารีกาลเวลา เบื้องลึกของห้านิกายโบราณเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
“หนิวไม่กลัวหรอก หนิวสามารถโค่นล้มคนพวกนั้นได้ทุกคน!” ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะออกมา แต่หลิงฮันนั้นพยักหน้าเมื่อฮูหนิวบรรลุระดับทลายมิติ มีความเป็นไปได้ว่าด้วยพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวของนางจะกวาดล้างจอมยุทธได้ทั้งหมด
สิบวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงเมืองเพียวเหมี่ยวที่จักรวรรดิจันทราม่วงเผชิญหน้ากับห้านิกายโบราณ และทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันหลายต่อหลายครั้งอยู่ด้านนอกเมือง แต่ทว่ากองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทำให้กองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่อย่างไรก็ตามทุกวันนี้เมืองเพียวเหมี่ยวยังคงเป็นของห้านิกายโบราณ ในขณะที่กองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงประจำการอยู่ด้านนอกเมือง กองทัพนี้เป็นของราชาแห่งเปลวเพลิง แต่ทว่าราชาแห่งเปลวเพลิงและนายพลระดับสูงอีกหลายคนนั้นได้เข้าไปในโบราณสถานแล้ว ซึ่งห้านิกายโบราณเองก็ส่งจอมยุทธหลายคนเข้าไปเช่นกัน
หลิงฮันกำลังยืนอยู่บนหัวเมืองและเห็นว่าโบราณสถานอยู่ในทะเลสาบขนาดใหญ่ หรือครั้งหนึ่งมันอาจเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่แล้วก็เป็นได้ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นหลุมลึกที่ไม่อาจมองเห็นก้นหลุด
กองทัพของจักรวรรดิจันทราม่วงประจำการอยู่ห่างจากโบราณสถานสิบไมล์ แม้ว่าราชาแห่งเปลวเพลิงจะเข้าไปแล้ว แต่กองทัพของเขาก็ยังคงเรียบร้อยและเป็นระเบียบไม่ดูยุ่งเหยิงเลยแม้แต่น้อย
ภายในเมืองนั้นมีจอมยุทธอยู่มากมายหลายคนและตอนนี้พวกเขากำลังรวบกลุ่มกันเพื่อค้นหาคนที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันเพื่อเข้าไปในโบราณสถานพร้อมกัน
แต่หลิงฮันนั้นไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกลุ่ม เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงโบราณสถาน พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มอื่นเพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่
“พี่ชายหลิง!” เหวินเหรินเชียนเชียนเข้าไปทักทายหลิงฮัน
“ธิดาเซียนเซียน ข้าคือหลี่เฟิงหยู่เอง ในตอนที่อยู่ในสำนักสวรรค์ข้าพูดคุยกับเจ้าสามสิบเจ็ดประโยค แต่เจ้ากลับตอบกลับข้าเพียงแค่สามประโยค” หลี่เฟิงหยู่รีบเดินเข้ามาและพูดแทรกทันที
นางไม่สนใจสิ่งที่หลี่เฟิงหยู่พูดเลยแม้แต่น้อย แล้วพูดว่า “พี่ชายหลิง พวกเราจะเข้าไปสำรวจโบราณสถานด้วยกันไหม?”
“ตกลง ตกลง!” หลี่เฟิงหยู่รีบพูดทันทีแล้วหันไปมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ความน่าสงสาร และอ้อนวอน