หลิงฮันอยากจะส่ายหัวเมื่อเห็นความกระตือรือร้นของหลี่เฟิงหยู่ แต่เขาก็พยักหน้าและยิ้มว่า “ก็ดีเหมือนกัน” อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นไร
ช่วยไม่ได้ที่เหวินเหรินเชียนเชียนจะยิ้ม นางเองก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน และดูเหมือนว่านางไม่ได้ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากหลิงฮัน หรืออยากอยู่กับหลิงฮํน แต่นางแค่ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นและเชื่อว่าถ้าพวกเขาร่วมมือกัน อย่างน้อยก็ไม่มีใครในหมู่รุ่นเยาว์สามารถต่อต้านพวกเขาได้
กลุ่มของพวกเขาทั้งสองกำลังจะบินลงไปในหลุม แต่หลิงฮันรู้สึกได้ถึงบางอย่างและจ้องมองไปในระยะไกล
มีชายคนหนึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็วอย่างกับสัตว์อสูรโบราณ เมื่อใดที่เท้าของมันเหยียบย่ำกับพื้นจะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุม
ใบหน้าของน่าหลงใหลของเหวินเหรินเชียนเชียนเริ่มมืดมนขึ้นมาทันที และผู้คนที่อยู่รอบตัวนางสีหน้ากลายเป็นซีดขาวและเผลอตัวสั่นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
“จ…เจี่ยหมิง!” ใครบางคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
ปัง!
เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบ เจี่ยหมิงก็กระโจนพุ่งเข้ามาแล้วและปล่อยหมัดใส่ชายคนนั้น มันเกิดขึ้นเร็วมากแม้แต่หลิงฮันกับเหวินเหรินเชียนเชียนยังหยุดไม่ทัน ทำให้ชายคนนั้นถูกซัดปลิวพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมาและเขาก็ตายในที่สุด
ในระยะไกลมีชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบเอ็ดหรือยี่สิบสอง เขาเป็นคนตัวสูงและเปื่อยท่อนบน ส่วนท่อนล่างถูกปิดด้วยขนสัตว์บางอย่าง และเท้าไม่ได้สวมใส่อะไร และมีผมดำยาว
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อราวกับหิน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดูกระหายเลือดเหมือนกับสัตว์อสูร ถ้าบวกกับร่างกายที่สูงกว่าคนทั่วไปเข้าไปด้วยจะทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงแรงกดขี่
“เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดชื่อของข้า!” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหาร
เขาคือเจี่ยหมิงเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของนิกายมังกรปฐพี
“เจี่ยหมิง เจ้าทำเกินไปแล้ว!” เหวินเหรินเชียนเชียนด่าตำหนิ คนของนางถูกฆ่า นางต้องร้องขอความยุติธรรมไม่เช่นนั้นนางจะมีคุณสมบัติเป็นผู้นำได้อย่างไร?
เจี่ยหมิงหันไปมองเหวินเหรินเชียนเชียน และแสยะยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับสัตว์อสูรและพูดว่า “หรือพวกเจ้าอยากจะเป็นเหมือนมันด้วย?” เขาหันไปมองคนอื่นและใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าที่กระหายเลือดออกมาอีกครั้ง “เศษขยะอย่างพวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่? ออกไปให้พ้นที่นี่ซะ!”
“เจี่ยหมิง เจ้าฆ่าคนของข้า!” เหวินเหรินเชียนเชียนพูดเสียงดังขึ้น
“ก็แค่ขยะ ข้าฆ่าไปแล้วใครจะทำไม? และตอนนี้ถ้าข้ายังเห็นพวกเจ้าอีกข้าจะสังหารพวกเจ้า” เจี่ยหมิงยิ้ม แต่เขาเกิดมาพร้อมกับหน้าตาขึงขัง ทำให้ฟังดูเหมือนไม่ได้เป็นเรื่องตลก
เมื่อเห็นคนอื่นยังคงยื่นนิ่ง ใบหน้าของเจี่ยหมิงดูกระหายเลือดขึ้นมาอีกครั้งและพูดว่า “ถ้าภายในสามลมหายใจยังมีใครปรากฏอยู่ในสายตาของข้า ข้าจะฆ่าคนคนนั้นซะ!”
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกว่าเจี่ยหมิงเป็นคนที่เอาแต่ใจ แต่สิ่งที่น่าหดหู่คือความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก และเขายังเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของนิกายมังกรปฐพี แม้ว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่คนผู้นั้นจะกล้าที่จะฆ่าเขาหรือไม่? เขาไม่กลัวว่าจะถูกนิกายมังกรปฐพีตามล้างแค้นเลยหรือ?
เจี่ยหมิงสามารถฆ่าคนอื่นได้โดยที่ไม่ต้องรับโทษ แต่พวกเขาไม่อาจทำแบบนั้นได้ ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาก็เป็นฝ่ายสูญเสียแล้ว ไม่ต้องพูดถึงพลังต่อสู้ที่ห่างชั้นเลย
พวกเขาเริ่มล่าถอยและตัดสินใจที่จะถอยห่างออกไปจากเหวินเหรินเชียนเชียน
แม้พวกเขาจะเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน แต่ตอนนี้เจี่ยหมิงกำลังยืนอยู่ด้านหน้าพวกเขา ซึ่งเขาทำให้หัวใจของพวกเขาต้องสั่นคลอน และไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
แม้สาวงามจะเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ แต่ก็ไม่อาจเทียบกับชีวิตของตัวเองได้ นอกจากนี้ เหวินเหรินเชียนเชียนไม่ได้เป็นอะไรกับพวกเขา มันคงจะโง่เขลาเกินไปถ้าจะตายแบบนั้น
“เจี่ยหมิง!” เหวินเหรินเชียนเชียนโกรธจนมือสั่นและไม่รู้สึกหวาดกลัว
มีเพียงแค่กลุ่มของหลิงฮันไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ขยับไปไหน
จูเสวี่ยนเอ๋อและคนอื่นถือว่าหลิงฮันเป็นผู้นำ ถ้าหลิงฮันไม่ถอย พวกเขาก็จะไม่ถอย – แม้ว่าหลี่เฟิงหยู่อยากจะหนี แต่เขาถูกสัตว์อสูรของเจี่ยหมิงจ้องมองอยู่ ทำให้แผ่นหลังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเหงื่ออันหนาวเย็นไปเรียบร้อยแล้ว และไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
ดวงตาของเจี่ยหมิงกวาดไปมองที่หลิงฮัน เมื่อเขาเห็นจูเสวี่ยนเอ๋อ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหันไปมองหลิงฮันอีกครั้ง เขาชี้นิ้วใส่และพูดว่า “ทุกคนออกไปให้หมด ยกเว้นนางผู้นี้!”
เขาจ้องมองไปที่จูเสวี่ยนเอ๋อและไม่ปกปิดความกระหายที่อยากจะได้นางมาครอบครอง
เขาเป็นเหมือนสิงโตบนทุ่งหญ้า สิงโตเพศเมียทุกตัวคือสมบัติส่วนตัวของเขา
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ไปให้พ้น ข้าชักจะตัดสินใจลำบากซะแล้วสิ ฮูหนิวเจ้าจะทำตามที่เขาพูดหรือไม่?”
“ไม่” ฮูหนิวโบกมือเล็กๆของนาง
หลิงฮันมองไปที่เจี่ยหมิงอีกครั้งและพูดว่า “เจ้าเห็นหรือยังว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเชื่อฟังเจ้า ทำไมเจ้าไม่แสดงความแข็งแกร่งออกมาล่ะ?”
เจี่ยหมิงหยุดมองจูเสวี่ยนเอ๋อและหันไปมองหลิงฮัน หลังจากนั้นชั่วครู่ “เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก!”
“นี่ข้าควรที่จะดีใจหรือไม่?” หลิงฮันหัวเราะ
“ยังไงก็ตาม ไม่มีใครที่อายุเทียบเท่าข้าสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับข้าได้!” เจี่ยหมิงกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ เขามั่นใจตัวเองมาก “ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นผู้ติดตามของข้าก็ได้ และจะพาเจ้าเห็นโลกที่กว้างขึ้น”
หลิงฮันแคะหูและพูดว่า “ข้าคิดว่าข้าบ้าแล้ว แต่ยังมีคนที่บ้ากว่าข้าอีก มันทำให้ข้ารู้สึกโกรธมาก ฮูหนิว มีคนทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ ข้าควรทำยังไงดี?”
“ทุบตีมัน และทรมานมันเลย!” ฮูหนิวแสดงสีหน้าดุเดือดเหมือนเสือน้อย
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าพูด!”
ใบหน้าของเจี่ยหมิงเริ่มเย็นชาและน่ากลัว เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าปฏิเสธความเมตตาของข้ามันเทียบได้กับการฆ่าตัวตาย”
“น้อยเขย ข้าขอหลบไปอยู่ด้านข้างก่อนได้ไหม? ดูเหมือนข้าจะมีเรื่องเก่าให้สะสางอยู่และที่นี่มันหายใจยากลำบากเหลือเกิน” หลี่เฟิงหยู่พูดกระซิบ
“ไปเลย!” ฮูหนิวเตะหลี่เฟิงหยู่กระเด็นออกไป
ต่อมาหลิงฮันพูดแหนบคำพูดของเจี่ยหมิงว่า “คนอายุใกล้เคียงกับข้าไม่มีใครอยู่ในสายตาข้าเลยแม้แต่คนเดียวเหมือนกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เจี่ยหมิงหัวเราะ และกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูก มันดังคล้ายกับเสียงฟ้าฝ่า ซึ่งทำให้จูเสวี่ยนเอ๋อและหลี่จื่อเซียนใบหน้ากลายเป็นซีดขาว
เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ