จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามองไปยังหลิงฮันด้วยความสะใจ นั่นเป็นสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว เป็นเพียงระดับตัวอ่อนวิญญาณแต่กลับกล้าขัดขืนเขางั้นรึ?
“เหอะ สมน้ำหน้า!” รุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างๆจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวามองไปยังหลิงฮันอย่างเหยียดหยาม
แน่นอนว่ารุ่นเยาว์ในที่นี้ล้วนแต่มีอายุใกล้เคียงกัน แม้เขาจะดูมีอายุเยอะกว่าหลิงฮันห้าถึงหกปี เขาก็ยังเพิ่งจะทะลวงผ่านมาได้เพียงระดับบุปผาผลิบาน แต่ทางด้านหลิงฮันกลับบรรลุระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว พลังบ่มเพาะของหลิงฮันสูงกว่าเขาถึงหนึ่งระดับใหญ่ ถ้าจะให้เทียบแล้วพัฒนาการของเขาถือว่าช้ากว่าหลิงฮันอย่างน้อยสิบปี!
หลิงฮันชำเลืองไปยังอีกฝ่ายและจำใบหน้าของทั้งสองคนเอาไว้
แค่ข้าไม่ตอบโต้ เจ้าก็คิดว่าข้าเป็นลูกแมวแสนเชื่อง?
“มองอะไรของเจ้า? ควักลูกตาเจ้าออกมาซะ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นดวงตาเปิดกว้างและจ้องมองหลิงฮันด้วยอย่างโหดเหี้ยม
ชื่อของเขาคือโจวหยู่เฉิง ครั้งนี้เขาเข้าเขตแดนลี้ลับมาพร้อมกับผู้อาวุโสที่สามของตระกูล โจวเต่อหยวน และเพราะเขาชื่อรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดของตระกูลโจวในรุ่นนี้ เขาจึงสามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้ในตอนที่อายุยี่สิบสี่ปี ความสำเร็จในอนาคตของเขานั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นระดับก้าวสู่เทวาเป็นอย่างน้อย
ตระกูลโจวคือตระกูลของตัวตนระดับก้าวสู่เทวา ในตระกูลมีผู้อาวุโสระดับก้าวสู่เทวาอยู่สี่คน และผู้อาวุโสโจวคือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุด ระดับพลังบ่มเพาะของเขารู้ก้าวสู่เทวาขั้นสูงสุด
ในตระกูลโจวนั้น โจวหยู่เฉิงคืออัจฉริยะไร้ที่เปรียบอย่างแท้จริง ในอาณาเขตพันไมล์ของตระกูลโจว มีอัจฉริยะเพียงหยิบมือที่สามารถต่อกรกับเขาได้
แต่เมื่อเขามายังภูมิภาคกลาง เขากลับเป็นได้เพียงอัจฉริยะทั่วไป เขายังห่างไกลกับรุ่นเยาว์ของภูมิภาคกลางที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ยกตัวอย่างเช่น การที่เขาไม่สามารถเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ได้
เพราะงั้นหลังจากที่ไม่ผ่านการทดสอบของสำนักสวรรค์ เขาจึงรู้สึกรังเกียจเหล่าคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าตัวเขาเอง เมื่อใดที่เขาเห็นอัจฉริยะเช่นนั้น เขาก็อดที่จะรู้สึกอยากทำลายให้สิ้นซากไม่ได้
หลิงฮันละสายตาออกจากทั้งสองคนและเพ่งเล็งไปยังลูกบอลแสงอีกครั้ง
ผนึกพลิกปฐพี… ทักษะศักดิ์สิทธิ์!
.
สำหรับหลิงฮันแล้ว คำพูดของมดปลวกเหล่านั้นไม่นับเป็นอันใดแม้แต่น้อย การที่เขาจะพลาดโอกาสครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
โจวหยู่เฉิงอดไม่ได้ทมี่จะทำท่าทีหยิงยโส เจ้าเป็นอัจฉริยะแล้วอย่างไร? เจ้าเทียบกับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้รึไม่?
โจวหยู่เฉิงเลิกสนใจหลิงฮันและหันมาหาวิธีคว้าลูกบอลแสง ถ้าเขาสามารถครอบครองทักษะบ่มเพาะชั้นยอดได้ บางทีเขาอาจจะค้นพบกุญแจที่จะก้าวขึ้นไปเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ได้ก็เป็นได้
จูเสวียนเอ๋อและเจ้ากระได้เองก็เกี่ยวเกี่ยวผลประโยชน์ของตนเองได้สำเร็จ หลังจากได้รับลูกบอลแสงแล้วพวกนางก็ถูกส่งตัวออกไป
หนึ่งวันหนึ่งคืนเกือบจะผ่านพ้นไป ในที่สุดลูกบอลแสงที่หลิงฮันจ้องเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นทันที
แต่ในตอนนั้นเอง มืออีกมือหนึ่งก็เอื้อมขึ้นไปจนเกือบจะคว้าลูกบอลแสงเอาไว้ได้
คนคนนั้นเพียงแค่เดินไปรอบๆโดยที่ไม่รู้ถึงเส้นโคจรที่บอลแสงลูกนั้นจะตก และในตอนที่ลูกบอลแสงตกเขาก็บังเอิญยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ราวกับว่าบอลแสงลูกนี้คือของขวัญที่ฟ้าประทานให้เขา
ชายคนนั้นเอื้อมมือขึ้นสูงเพื่อหวังจะคว้าบอลแสงเอาไว้ แต่หลิงฮันก็พุ่งเข้าไปคว้าบอลแสงแทบจะในเวลาเดียวกัน
ชายคนนั้นคือซวนหยวนจือกวง!
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าชายคนนี้มีดวงชะตาที่แสนโชคดีแต่ไม่นึกว่าจะโชคดีขนาดนี้
“หลิงฮัน!” ซวนหยวนจือกวงเองก็จำหลิงฮันได้และคำรามออกมา เขารังเกียจหลิงฮันเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่หลิงฮันจะโค่นล้มเขาได้หลายต่อหลายครา แต่ทำให้เป็นที่ทำให้ความมั่นใจของเขาพังทลายอีกด้วย
แล้วตอนนี้หลิงฮันยังคิดจะมาแย่งชิงทักษะลับของเขาไปอีก?
ร่างของเขาส่องประกายแสงเจิดจ้าราวกับบุตรแห่งพระเจ้า มันคืออำนาจที่เกิดขึ้นจากเกราะเบาที่เขาสวมใส่อยู่ บนเกราะมีอักขระนับร้อยที่กำลังส่องแสง
มันคืออาวุธวิญญาณระดับสูง บางทีอาจจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับแปด
ซวนหยวนจือกวงไม่เคยใช้สมบัติชิ้นนี้มาก่อน กลิ่นอายของเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก
หลิงฮันไม่เกรงกลัว กายหยาบของเขาก็แข็งแกร่งเทียบได้กับสมบัติระดับสูงเช่นกัน
เจ้าที่พึ่งพาอำนาจของอาวุธวิญญาณกับข้าที่พึ่งพาพลังของตนเอง ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
‘ตูมมม’ ประกายแสงจากเกราะสมบัติจู่โจมใส่ร่างของหลิงฮันอย่างต่อเนื่อง เสื้อผ้าของเขาถูกตัดขาดจนมีสภาพพะรุงพะรัง
แต่การโจมตีของอาวุธวิญญาณก็ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
‘ปัง!’
หลิงฮันชกหมัดออกไป ซวนหยวนจือกวงนั้นไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย ร่างของเขาก้าวถอยหลังไปเจ็ดก้าว สีหน้าของเขาซีดขาวและเกือบหมดสติ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียด เขาคุ้นเคยกับการถูกหลิงฮันชกต่อยแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังยอมรับไม่ได้อยู่ดี ขนาดว่าใช้อาวุธวิญญาณเข้าช่วยแล้ว ทำไมความห่างของเขากับหลิงฮันถึงยังกว้างขึ้นเรื่อยๆ?
เขาคือลูกรักของสวรรค์และปฐพีไม่ใช่รึไงกัน!
หลิงฮันยิ้ม ในที่สุดเขาก็ได้บอลแสงมาครอบครอง ‘เปรี๊ยะ’ เขาบดขยี้บอลแสงในมือแหลกละเอียด อีกขระบนลูกบอลหายไปทันทีก่อนที่จะปรากฏหยกขนาดเท่าลูกปัดที่อยู่ภายใน
การสืบทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่การสืบทอดผ่านคำพูดหรือภาษา
“ผนึกพลิกปฐพี ทักษะศักดิ์สิทธิ์!” ซวยหยวนจือกวงตะโกนออกมาและชี้นิ้วไปยังหลิงฮัน “คืนทักษะนั่นมาให้ข้า!”
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเอง ดวงตาเกือบจะสองในสามส่วนของคนที่อยู่ในห้องก็จ้องมองมายังหลิงฮันด้วยความโลภ
ทักษะศักดิ์สิทธิ์… ถึงแม้จะไม่รูว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์นั้นมีกี่ระดับ แต่จากที่กล่าวไว้มันต้องเป็ฯทักษะที่เหนือกว่าทักษะระดับสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย มันคือทักษะลับของพระเจ้าที่ร่วงหล่นมายังโลกมนุษย์
ใครกันจะไม่ต้องการ?
‘ฟุบ’ ร่างของหลิงฮันเปล่งประกายและหายออกไปจากห้องตำรา เขาได้รับทักษะลับมาแล้วเพราะงั้นจึงถูกห้องตำราส่งกลับไปด้านนอก
“หลิงฮัน!” ฮูหนิวและคนอื่นๆเข้ามาทักเขา
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“พวกเราจะออกเดินทางกันอีกแล้ว?” ฮูหนิวยิ้วและลูบมือเล็กของนาง “งั้นมาแข่งกันเถอะว่าใครเร็วที่สุด!”
“เหอะ เจ้าคิดจะไปไหนกัน?” ผู้คนจำนวนมากไล่ตามออกมาจากห้องตำรา พวกเขาไม่ได้ถูกส่งออกมาแต่ออกมาด้วยตัวเอง
โจวเต่อหยวนมองไปยังหลิงฮันและกล่าวอย่างเย็นชา “มอบทักษะศักดิ์สิทธิ์มาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
จิตสังหารแวบผ่านแววตาหลิงฮัน ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายขัดขวางการคว้าทักษะผนึกพลิกปฐพีของเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายริเริ่มมายั่วยุเขาอีกครั้งเอง หลิงฮันตอบกลับไปอย่างเย็นชา “โอ้ ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย?”
เมื่อเห็นแบบนั้นโจวเต่อหยวนก็เกิดความยิ่งยโสและพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลัง “ปัญญาของเจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องทิ้งทักษะศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ที่นี่ นั่นคือหาทางเดียวที่เจ้าจะรอดชีวิตกลับไป”