ด้วยการที่มีราชันเพลิงไพศาลคอยขัดขวางให้ หลิงฮันจึงสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย เขาหลบหนีมาถึงตำแหน่งบริเวณของสวนสมุนอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าเขาไม่คิดจะเสียเวลาสำรวจมันและข้ามผ่านไปเลย
ในขณะที่เขาหลบหนีอยู่ เขาก็ว่าในอนาคตเขาควรจะทำอย่างไรดี
การที่เขาสังหารหมาจุนและฉีหลีกั่วนั้นเขายังจะสามารถกลับไปยังสำนักสวรรค์ได้อยู่ดีรึ?
ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาทั่วๆไป พวกเขามีสถานเป็นถึงอาจารย์ของสำนักสวรรค์
แต่ที่ไม่น่าพอใจคือการกระทำที่คลุมเครือของสมาคมนักปรุงยา พวกเขาไม่ได้ประกาศออกมาว่าหลิงคือนักปรุงยาระดับสวรรค์คนที่สาม ไม่เช่นนั้นกับแค่สังหารจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาสองคน จะมีใครกล้ามากล่าวโทษเขา?
ที่สำคัญที่สุดก็คือการที่เขาครอบครองทักษะผนึกพลิกปฐพี เหล่าห้านิกายโบราณนั้นมีเหล่าปรมาจารย์อยู่มากมาย ใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ลงมือลอบโจมตีเขาแบบกระทันหันและช่วงชิงทักษะไป
หลิงฮันย้อนกลับมาคิดว่าเหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ก็เพราะต้องการหาแนวร่วม แต่ตอนนี้จักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงเป็นคนทำหน้าที่นี้แทนแล้ว
ดังนั้นคงจะดีเสียกว่าถ้าหากเขาปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ชายทั้งสองของเขา
“งั้นข้าจะแสดงเป็นลูกศิษย์ที่ถูกขับไล่จากสำนักเอง” หลิงฮันยิ้ม อีกไม่นานเขาก็จะบรรลุระดับก้าวสู่เทวาแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะมีพลังต่อสู่ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสวรรค์และภายใต้ท้องฟ้านี้จะมีเพียงคนไม่กี่หยิบมือที่สามารถต่อต้านเขาได้
เขาตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพกับราชันเพลิงไพศาลเพื่อที่จะกำจัดห้านิกายโบราณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าอีกกี่สิบปีหรือร้อยปีอันใกล้นี้ทวีปฮงเทียนจะถูกหลอมกลายเป็นเม็ดยา
ต้องรีบกำจัดห้านิกายโบราณทิ้งให้เร็วเพื่อไม่ให้มีใครเป็นตัวขัดขวางการเปิดสวรรค์
เมื่อตัดสินใจได้แล้วหลิงฮันก็ไม่ลังเล
แน่นอนว่าจูเสวียนเอ๋อ ฮูหนิวและเจ้ากระต่ายนั้นไม่มีปัญหา แต่สำหรับเหยียนเฮิงเหอหลี่เฟิงหยู่นั้น หลิงฮันไม่คิดจะพาพวกเขาไปด้วยและให้พวกเขากลับไปยังสำนักสวรรค์ เมื่อเขาไต่เต้าทะยานไปถึงจุดสูงสุดได้เขาถึงจะพาพวกเขากลับมา
เขานำจูเสวียนเอ๋อและเจ้ากระต่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬ เขาโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาออกเดินทางอย่างรวดเร็วโดยมีฮูหนิวที่กลายร่างเป็นสายฟ้าตามมาติดๆ
นอกจากนั้นหนูทองคำก็ยังถูกหลิงฮันพาไปไหนมาไหนด้วย บางครั้งมันก็ค้นพบตำแหน่งของแร่สมบัติ แม้จะเสียเวลาเล็กน้อยแต่หลิงฮันก็ไปสำเร็จและเก็บแร่เหล็กเหล่านั้นมา
เจ็ดมันต่อมาในที่สุดเขาก็ออกจากเขตแดนลี้ลับ เขาหยุดพักอยู่ใกล้ๆกองทัพของราชันเพลิงไพศาล เพื่อรอให้ราชันเพลิงไพศาลปรากฏตัว
แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รอเปล่าๆให้เสียเวลา เขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและเริ่มฝึกฝนผนึกพลิกปฐพี
จากที่ราชันเพลิงไพศาลกล่าว ดูเหมือนแปดราชันจะครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์กันทุกคน แถมพวกเขายังฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นที่สามารถถ่ายทอดทักษะศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อื่นได้แล้ว ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาก็เป็นหนึ่งในทักษะที่พวกเขาทิ้งตกทอดเอาไว้
แต่ที่หลิงฮันประหลาดใจก็คือทำไมแปดราชันถึงได้เรียนรู้ทักษะจากแต่ละคนไปเลยล่ะ ถ้าราชันแต่ละคนเชี่ยวชาญทักษะศักดิ์สิทธิ์ถึงแปดทักษะล่ะก็ พวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?
หลิงฮันพึมพำ เขาไม่เคยเห็นแปดราชันใช้พลังเต็มที่มาก่อน แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าแปดราชันจะครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์เพียงทักษะเดียว?
“แปดทักษะศักดิ์สิทธิ์งั้นเรอะ แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว!” หลิงฮันยิ้ม แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้วบางทีทักษะศักดิ์สิทธิ์อาจจะไม่สามารถใช้ออกได้พร้อมกัน อย่างเช่นเขาที่ฝึกฝนทักษะศักดิ์สิทธิ์หลายทักษะแต่เขาก็ไม่สามารถใช้พวกมันออกมาได้พร้อมกัน แต่ต้องแบ่งพลังปราณออกเป็นสองส่วนซึ่งทำให้เสียอย่างมาก
“เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ข้าจะเรียนรู้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ทักษะใหม่นี่ก่อนแล้วค่อยมาดูว่ามันเหมาะกับข้าหรือไม่”
หลิงฮันนำหยกลูกปัดสัมผัสกับหน้าผาก เมื่อทักษะศักดิ์สิทธิ์ผ่านเข้าไปในจิตสำนึกของเขา ร่างๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ร่างของเขาเป็นเพียงเงาเบลอๆ ที่มือของเขาปรากฏผนึกบางอย่างเห็นได้ชัดว่าเขากำลังโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีอยู่
มือของชายคนนั้นถูกประดับเอาไว้ด้วยเส้นอักขระมากมาย มันเป็นภาพที่เห็นแล้วงดงามเป็นอย่างยิ่ง
‘ตูม ตูม ตูม’ เมื่อฝ่ามือของเขาทาบออกไป ผืนปฐพีก็ถูกบดขยี้ทันที
ผนึกพลิกปฐพี… หากฝึกฝนได้สำเร็จ ผู้ใช้ทำสามารถทำลายปฐพีให้สิ้นซากได้
หลังจากร่างเงานั่นวาดทาวงท่าเสร็จ ข้อความบางอย่างก็ยังหลงเหลือเอาไว้ มันคือข้อความที่สื่อว่าทักษะผนึกพลิกปฐพีนั้นยังไม่สมบูรณ์ ท่วงท่าของทักษะมีเพียงครึ่งเดียว ทักษะที่สมบูรณ์จะถูกเรียกว่าทักษะผนึกพลิกสวรรค์และปฐพี หากใช้ออกพร้อมกันสองฝ่ามือ พลังทำลายล้างของมันจะกว้างล้างได้แม้แต่สวรรค์และปฐพี
หลิงฮันอดตกตะลึงไม่ได้เลยว่าทักษะผนึกพลิกปฐพีช่างทรงพลังยิ่งนัก หากใช้ออกด้วยมือทั้งสองถ้า พลังทำลายล้างของมันย่อมไม่มีใครเทียบเคียง
เขาเริ่มบ่มเพาะมันทันที
แม้จะด้วยความสามารถในการเรียนรู้ของเขา การฝึกฝนก็ยังเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะอย่างไรมันก็เป็นถึงทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงไปด้วยกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพี โชคดีที่พรสวรรค์ของเขานั้นเข้าขั้นสัตว์ประหลาด แม้จะไม่มีใครคอยชี้น้ำเขาก็เริ่มเข้าใจถึงหลักการของทักษะมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาพึมพำ ‘โอ้’ ‘อืม’ ‘อ่า’ ออกมาไม่หยุด
เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งเดือน ในที่เขาสุดก็ประสบความสำเร็จเล็กน้อยและสามารถโคจรทักษะบนฝ่ามือได้
เขาใช้เจ้ากระต่ายเป็นคู่ประลอง เมื่อโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพี ฝ่ามือของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยอักขระที่ส่องสว่าง เจ้ากระต่ายอยากจะหนีจากหลิงฮันไปให้พ้นๆแต่ฮูหนิวก็จ้องมันเอาไว้เขม็ง
เมื่อเทียบหลิงฮันกับฮูหนิว มันเลือกที่จะปะทะกับหลิงฮันดีกว่า นี่แสดงให้เห็นว่ามันกลัวฟันของฮูหนิวขนาดไหน
หลังจากปะทะกับหลิงฮัน เจ้ากระต่ายกรีดร้องออกมาและรีบขอยอมแพ้ มันขอปฏิเสธที่จะต่อสู้อีกครั้ง
หลิงฮันไม่บังคับมันและลองคำนวณพลังอำนาจของทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างคร่าวๆ
ทรงพลัง!
มันน่าจะเป็นทักษะที่ทรงพลังกว่าศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเสียอีก เพราะศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นเป็นทักษะโจมตีระยะไกล แต่ทักษะผนึกพลิกปฐพีนั้นสามารถใช้โจมตีได้ไม่ว่าจะระยะไหน และถ้าหากใช้ทักษะนี้ผสานกับกายหยาบที่แข็งแกร่งของเขา อำนาจของมันจะต้องน่าสะพรึงกลัวแน่นอน
“ถ้าข้าใช้ทักษะดาบในมือขวาแล้วใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพีในมือซ้าย ไม่ใช่ว่ามันจะทรงพลังสุดๆไปเลยรึ?”
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวหลิงฮัน การจะทำแบบนั้นใช่ว่าจะเป็นไม่ได้ เพราะแต่เดิมทักษะผนึกพลิกสวรรค์และปฐพีก็เป็นทักษะที่ต้องใช้มือสองมือ หนึ่งมือชูขึ้นฟ้าและอีกมือหนึ่งคว่ำลงใส่ผืนปฐพี ซึ่งตอนนี้เขาฝึกฝนได้เพียงทักษะผนึกพลิกปฐพี ถ้าเช่นนั้นทำไมเขาไม่ใช้อีกมือที่ต้องชูขึ้นฟ้าไปใช้กับทักษะอื่นล่ะ?
หลิงฮันพึมพำ “ถึงแม้การใช้ทักษะนี้หนึ่งมือจะไม่ทรงพลังเท่ากับใช้สองมือ แต่มันก็สามารถทดแทนด้วยการใช้มือที่ว่างออกกระบวนท่าดาบ หมัด หรือไม่ก็ฝ่ามือ”
“แต่การจะทำแบบนั้นข้าจำเป็นต้องแบ่งหนึ่งจิตให้เป็นสองส่วน”