ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้ไปพบจักรพรรดิพิรุณ และบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำและได้รับการอนุมัติจากจักรพรรดิพิรุณแล้ว เขาได้เขียนจดหมายถึงฉีฉางเย่และให้อีกฝ่ายร่วมมือกับหลิงฮัน
เมื่อพูดถึงการเปิดสวรรค์ หลิงฮันจะไม่สนใจความรู้สึกของฉีฉางเย่ และอีกฝ่ายจะต้องสละราชบัลลังก์หากเขาต้องการ
หลิงฮันเดินอยู่บนถนนเพียงลำพัง ในขณะที่คนอื่นเริ่มเก็บข้าวของ พวกเขาจะย้ายที่อยู่อีกครั้ง ในอนาคตหลิงฮันจะขึ้นครองบัลลังก์และแน่นอนว่าครอบครัวของเขาจะต้องอาศัยอยู่ในวัง
ความกว้างใหญ่ของดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวในปัจจุบันในสายตาของหลิงฮันกลายเป็นเล็กไปแล้ว ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งของเขา เพียงแค่ครึ่งวันเขาก็เดินทางมาถึงแคว้นพิรุณ และไม่แวะพักที่ไหนมุ่งตรงไปที่พระราชวังทันที
“เจ้ากล้ามากที่บุกเข้ามาในพระราชวัง ตายซะ!” หลิงฮันไม่คิดที่แอบลอบเข้าไป เขาเดินเข้าไปอย่างโจ่งแจ้งทำให้ดึงดูดสายตาของทหารยามและเริ่มโจมตีเขาทันที
ตู้ม แต่ทว่าในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะชักดาบออกมาพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นทีละคนทีละคน ใบหน้าของแต่ละคนกลายเป็นซีดขาวและกระตุกไปมา
หลิงฮันเพียงแค่ปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณออกมาเท่านั้น มันจะไม่เพียงพอได้อย่างไร?
เขาเดินตรงไปข้างหน้าไม่หยุดและทุกคนต่างล้มลงกับพื้น พวกเขาไม่สามารถต้านแรงกดดันของหลิงฮันได้เลยแม้แต่น้อย
“หยุดอยู่ตรงนั้น ที่นี่คือพระราชวังแห่งแคว้นพิรุณ!” ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมา เขาเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ ซึ่งสามารถต้านทานแรงกดดันของหลิงฮันได้
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อเข้าพบฉีฉางเย่”
“สามห้าว!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากและพูดว่า “เจ้ากล้ามากที่พูดชื่อของฝ่าบาท ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
หลิงฮันพูดว่า “เจ้ากำลังยื้อเวลารอให้อดีตจักรพรรดิพิรุณปรากฏตัวอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันรู้สึกได้ “ข้าเกรงว่าข้าคงจะต้องทำให้เจ้าผิดหวัง อย่าว่าแต่จะต่อสู้เลย เขาจะมีชีวิตอยู่ถึงสามวันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“เหลวไหล!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณตะโกน “อดีตจักรพรรดิพิรุณสามารถใช้พลังแห่งจักรภพได้ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะเชื่อคำหลอกลวงไม่กี่คำจากปากของเจ้า!”
“อย่างนั้นหรือ?” หลิงฮันยิ้ม เขารวบรวมพลังปราณเป็นมือขนาดใหญ่และคว้าไปยังสถานที่หนึ่งของพระราชวัง ตู้ม เกิดเสียงอึกทึกดังไปทั่วและตามมาด้วยเสียงของผู้คน
“ไม่ดีแล้ว พาฝ่าบาทหนีไป!”
“อดีตจักรพรรดิ! รีบไปแจ้งให้อดีตจักรพรรดิพิรุณทราบ!”
เกิดความโกลาหลขึ้นในพระราชวัง ทหารและหญิงสาวรับใช้ต่างส่งเสียงกรีดร้อง
ตู้ม พระราชวังที่อยู่บนหัวของหลิงฮันพังทลายลง และเขาก็ดึงมือกลับมา ในมือของเขามีชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมอยู่ในกำมือ ไม่ใช่ว่านั่นคือองค์ชายลำดับเจ็ดฉีฉางเย่ ซึ่งเป็นจักรพรรดิพิรุณคนปัจจุบันหรอกหรือ?
จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนนั้นรู้สึกหวาดกลัวมาก นี่เป็นความสามารถอะไรกัน? ผู้คนที่อยู่ที่นี่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเลย แต่เขาก็จับตัวฝ่าบาทได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องต่อสู้!
คนผู้นี้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
“ปรมาจารย์หลิง?” เมื่อฉีฉางเย่เห็นหลิงฮัน เขารู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นที่ได้เห็น
หลิงฮันวางฉีฉางเย่ลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพบเจ้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ปรมาจารย์หลิงช่างเป็นคนตลกยิ่งนัก” ฉีฉางเย่หัวเราะ เขาได้นั่งอยู่บนบัลลังก์มาสองสามปีแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องมีนิสัยของผู้สูงส่ง อย่างน้อยบนผิวเผินเขาก็รักษาภาพลักษณ์และความเยือกเย็นได้ดี แต่หากมองไปที่ขาของเขาจะเห็นว่าสั่นเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่จริงๆ
“หยุดพูดเรื่องพวกนั้นก่อนเถอะ ดูเหมือนว่าท่าทีของอดีตจักรพรรดิพิรุณจะไม่ดี” หลิงฮันพูด
ฉีฉางเย่รู้สึกตกตะลึง แต่ก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน เพราะเขาถูกจับมาชั่วครู่แล้ว แต่อดีตจักรพรรดิพิรุณยังนิ่งเฉย ซึ่งมันไม่ควรเป็นเช่นนั้น
ร่างของหลิงฮันกำลังลอยขึ้นไป พรึบ และหายตัวไป แต่เมื่อประกายแสงสายฟ้าปรากฏ เขาก็ปรากฏตัวทันทีพร้อมกับชายชรารูปร่างผอมแห้งเหมือนกับคนตาย น้ำหนักของเขาในตอนนี้คงไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัม
“ท่านบรรพบุรุษ!” ฉีฉางเย่เดินไปข้างหน้าทันที
“อดีตจักรพรรดิ!” จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเองก็อุทานออกมา
“หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน!” หลิงฮันส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม และนำโสมต้นหนึ่งออกมา ต้นโสมถูกปกคลุมด้วยเส้นสายสีม่วงและเต็มไปด้วยพลังแห่งเต๋า
นี่คือโสมโลหิตราชามังกรทรราช มันเพิ่งจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวและใช้เวลานานมากกว่าจะโต โดยที่ไม่คาดคิดคนที่ได้ลิ้มรสมันคนแรกคืออดีตจักรพรรดิพิรุณ
พลังชีวิตของอีกฝ่ายเหือดแห้งไปแล้ว ทำให้เขาต้องกินเม็ดยาหรือยาบำรุงมากขึ้น แม้แต่โสมพันปียังหมดหนทางที่จะช่วยเขา ดังนั้นถ้าต้องการให้เขากลับมามาชีวิตใหม่อีกครั้ง จึงมีเพียงแค่หนทางเดียวนั้นคือยกระดับพลังของเขาและอายุขัยของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
ภายใต้การสนับสนุนของพลังจักรภพ อดีตจักรพรรดิพิรุณมีความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่ทว่านั่นไม่ใช่ระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริง หากบรรลุอายุขัยจะเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี ถ้าเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน เขาก็จะมีอายุขัยเพิ่มขึ้น และการที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันรีบนำมันไปหลอมป็นเม็ดยาทันที แม้ว่าโสมโลหิตราชามังกรทรราชจะสามารถกินได้โดยตรง แต่อดีตจักรพรรดิพิรุณนั้นยังอ่อนแอเกินไป ถ้าเขากินมันโดยตรง อย่าพูดว่าจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานเลย เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ดังนั้น หลิงฮันจะนำไปหลอมเป็นเม็ดยาก่อนเพื่อทำให้อดีตจักรพรรดิพิรุณสามารถกินมันได้ง่ายขึ้น
หลังจากผ่านไปแค่ครึ่งวัน หลิงฮันก็หลอมเม็ดยาเสร็จและใส่เข้าไปในปากของอดีตจักรพรรดิพิรุณ แล้วใช้พลังปราณก่อเกิดเพื่อให้เม็ดยาไหลลงท้องของเขา
ประสิทธิภาพของมัน….เกือบจะแสดงออกมาให้เห็นทันที
นี่คือโสมโลหิตราชามังกรทรราช แม้ว่ามันจะไม่ใช่รุ่นแรง แต่มันก็ยังอาบด้วยโลหิตของมังกรที่แท้จริง และถือว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่าของจอมยุทธระดับสวรรค์ หรือแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติ!
แล้วการที่จะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานจะไม่ง่ายได้อย่างไร?
อดีตจักรพรรดิพิรุณลืมตาขึ้นมาทันที แต่หลังจากที่เห็นหลิงฮัน เขารีบกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในพระราชวัง
การที่เขาสามารถบินได้เหมือนกับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนั้นเป็นเพราะพลังแห่งจักรภพ
ในขณะนั้น ภายใต้พลังของเม็ดยาโสมโลหิตราชามังกรทรราช เม็ดบุปผานิรันดร์ภายในตันเถียนของเขาเติบโตขึ้นและผลิบานอย่างรวดเร็ว
ระดับบุปผาผลิบาน!
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” อดีตจักรพรรดิพิรุณหัวเราะอย่างมีความสุข และดูเหมือนร่างกายของเขาจะมีกล้ามเนื้อและพละกำลังมากขึ้น ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กล้ามเนื้อของเขาใหญ่ขึ้นและเส้นผมที่ขาวเริ่มที่จะกลับมาดำวาวอีกครั้ง
เขาทะยานลงมาและเดินไปหาหลิงฮัน “ขอบคุณที่ช่วยเหลือข้า!” เขาจะไม่รู้สึกมีความสุขได้อย่างไร? ตอนนี้เขากลายเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริงแล้ว ยิ่งบวกกับพลังแห่งจักรภพบางทีพลังต่อสู้ของเขาอาจอยู่บนจุดสูงสุดของระดับบุปผลิบาน
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “สิ่งที่ข้าอยากจะพูดต่อไปนี้คืออย่าคิดที่จะแทงข้างหลังข้า”