เป้าหมายในการมุ่งหน้าไปภูมิภาคเหนือนั้นไม่ใช่เพียงแค่ขยายอาณาเขตเพื่อเสริมอำนาจให้กับพลังแห่งจักรภพ แต่ยังไปเพื่อสะสางความแค้นกับนิกายจันทราเหมันต์อีกด้วย
ตอนนี้หลิงตงซิงบ่มเพาะพลังมาถึงระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นปลายแล้ว ตามหลักแล้วอาจจะต้องใช้เวลาถึงสิบหรือยี่สิบปีในการทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน แต่หลิงตงซิงและหลิงฮันไม่อาจรอนานเช่นนั้นได้
สำหรับหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิปรุงแล้ว อะไรคือสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด?
การหลอมเม็ดยา!
จำนวนของโสมโลหิตราชามังกรทรราชนั้นมีเกินร้อยต้นแล้ว นอกจากต้นที่เหลือเอาไว้ใช้เพาะพันธ์ต่อ ต้นอื่นๆสามารถนำมาใช้หลอมเป็นเม็ดยาได้
หลิงฮันตงซิงฝืนใช้เม็ดยาจนทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้สำเร็จ และหลังจากที่หลิงฮันสร้างแคว้นและขยายอาณาเขตได้แล้ว เขาก็แต่งตั้งหลิงตงซิงเป็นจักรพรรดิ ด้วยอาณาเขตที่ขยายกว้างกว่าเดิม แน่นอนว่าพลังแห่งจักรภพย่อมแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย
เช่นนั้นแล้วหลิงตงซิงจะจัดการอ้าวเฟิงไม่ได้?
ก่อนจะออกเดินทาง หลิงฮันได้มุ่งหน้าไปยังเหมืองโบราณที่แคว้นเพลิง ที่นั่นมีปรมาจารย์มากมายถูกฝังเอาไว้ มีความเป็นไปได้สูงมากกว่าในอนาคตเส้นทางสู่โลกบาลาจะเปิดออก และหายนะก็จะขึ้นกับทวีปฮงเทียน
ตอนนี้หลิงฮันต้องแข่งกับเวลา ไม่เพียงแค่ต้องเปิดสวรรค์ก่อนที่ห้านิกายโบราณจะลงมือ แต่ก็ต้องลงมือให้รวดเร็วกว่าการรุกรานของโลกใต้พิภพด้วย
เมื่อเขามาถึง แมงมุมเงินยักษ์ก็ปรากฏตัว ร่างของมันใหญ่ราวกับยักษ์ที่ปกคลุมท้องฟ้าและกำลังอาบแสงจันทร์
ยิ่งเขามีระดับพลังสูงขึ้น เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ชัดขึ้นว่าแมงมุมยักษ์ตนนี้น่ากลัวขนาดไหน
พลังของมันเทียบได้กับราชันซากศพยักษ์สิบห้าตา!
หลิงฮันประเมินพลังต่อสู้ของตนเอง
ยิ่งระดับพลังสูงก็ยิ่งสู้ข้ามระดับให้ยากลำบาก แม้แต่หลิงฮันก็ไม่มีข้อยกเว้น หลังจากทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาแล้ว พลังต่อสู้ของหลิงฮันสามารถเทียบได้กับจอมยุทธระดับสวรรค์หนึ่งดาว แต่เมื่อตอนที่เขาอยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณ พลังต่อสู้ของสามารถเทียบได้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเก้าดาว
เพียงแต่เขายังสามารถใช้พลังจักรภพของจักรวรรดิต้าหลิงฮันได้อีก ตราบใดที่เขาอยู่ในอาณาเขตของตนเอง เขาจะเขาจะเรียกใช้พลังแห่งจักรภพได้
ด้วยพลังแห่งจักรภพพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว ซึ่งนี่เป็นเพียงพลังแห่งจักรภพที่เกิดขึ้นจากการรวมอาณาเขตของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวเท่านั้น
ถ้าเขาปกครองภูมิภาคเหนือได้ พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าดาว และถ้าหากปกครองภูมิภาคอื่นได้ด้วย พลังต่อสู้ของเขาจะทรงพลังขึ้นไปอีก แม้แต่สิบดาวก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่เพื่อการนั้นร่างกายของหลิงฮันก็ต้องสามารถรองรับพลังแห่งจักรภพที่ทรงพลังเช่นนั้นได้ด้วย
เมื่อรวมเข้ากับพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬ พลังต่อสู้ของเขาจะต้องเทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติแน่นอน เพยีงปัญหาก็คือพลังต่อสู้ของเขาจะเทียบได้กับระดับทลายมิติกี่ดาว?
ดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวนั้นมีอาณาเขตเล็กเกินไป แม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์ที่สามารถสู้ข้ามระดับกับจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ด้วยพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นแค่หนึ่งดาว เขาคงไม่อาจโค้นล้มแมงมุมยักษ์ตัวนี้ได้
หลิงฮันครุ่นคิดในใจและส่ายหัว การทำเช่นนั้นมีแต่จะเป็นการใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬอย่างเสียเปล่า
หลิงฮันกำลังจะกลับแต่ก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง
ถึงแม้เหมืองโบราณจะเป็นอาณาเขตที่มืดมิดและน่ากลัว แต่ดูเหมือนเหมืองโบราณในตอนนี้จะมีกลิ่นอายที่น่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม ปราณสีดำบริเวณรอบๆหนาเหมืองหนาแน่นมากขึ้นจนดูราวกับเป็นหมึกสีดำ
รึว่าเหล่าผู้รุกรานจากใต้พิภพ… ใกล้จะปรากฏตัวแล้ว?
หลิงฮันล่าถอยกลับออกจากเหมือง สถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดเกินไป ตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นาน
หลิงฮันส่งกองทัพผ่านหุบเขาจันทราร่วงหล่นไปยังภูมิภาคเหนือ
ด้วยสถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ของหลิงฮัน สมาคมนักปรุงยาของภูมิภาคเหนือเป็นขุมอำนาจแรกที่ยอมจำนน ล้อเล่นรึเปล่า? นี่คือนักปรุงยาระดับสวรรค์เชียวนะ อีกฝ่ายเป็นคนออกปากยอมให้พวกเขาติดตามทำไมพวกเขาต้องปฏิเสธด้วย?
การยอมจำนนของสมาคมนักปรุงยาส่งผลกระทบเป็นวงกว้างให้เมืองหลายเมืองยอมจำนนเช่นกัน
เจ็ดวันต่อมาพวกเขาก็มุ่งหน้ามาถึงหน้าประตูนิกายจันทราเหมันต์
ครั้งล่าสุดที่เขามานิกายจันทราเหมันต์ เขาจำเป็นต้องใช้พลังของหอคอยทมิฬในการต่อกรกับจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่ตอนนี้แต่พลังต่อสู้ของเขาอย่างเดียวโดยไม่พึ่งอำนาจจากอาวุธก็สามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับสวรรค์ได้แล้ว พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้เกือบจะเทียบกับในชีวิตที่แล้วได้แล้ว และด้วยพรศักดิ์สิทธิ์จากหอคอยทมิฬ เขาจะมีพลังต่อสู้เทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติและสามารถทำลายนิกายจัทราเหมันต์ด้วยนิ้วมือเดียว
“องค์จักรพรรดิ พวกเราจะบุกโจมตีทันทีเลยรึไม่?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถาม เขาคือจินหวู่จื้อนั้นเอง เขารู้จักหลิงฮันตั้งแต่ตอนหลิงฮันอยู่เมืองต้าหยวน เขาเป็นคนที่เคยมีความบาดหมางกับหลิงฮันเพราะน้องชายของเขา
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมกับนิกายจันทราเหมันต์ แต่เขาก็ได้แต่งงานกับสาวงามที่เมืองจักรพรรดิและใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุข ตอนนี้หลิงฮันกลับมาแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมต้องเสนอตัวมาช่วยเหลือหลิงฮัน
เขาเพิ่งจะบรรลุระดับห้วงจิตวิญญาณ จอมยุทธที่มีพลังแค่นี้ย่อมไม่อยู่ในสายตาของหลิงฮัน แต่หลิงฮันต้องการคนที่เขาไว้ใจได้ดังนั้นเขาจึงยอมพึงพาจิงหวู่จื้อ
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ศิลาน้อย โจมตีได้!”
อสูรศิลาคำรามและบุกโจมตีนิกายจันทราเหมันต์
ตอนนี้มันมีพลังระดับก้าวสู่เทวาแล้ว และด้วยการที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตห้าธาตุ พลังต่อสู้ของมันจึงเทียบได้กับระดับก้าวสู่เทวาขั้นปลาย หนึ่งการโจมตีของมันทำให้ข่ายอาคมป้องกันของนิกายจันทราเหมันต์พลังทลายทันที
หลิงฮันเรียกหลิงตงออกมา หนี้แค้นกับอ้าวเฟิงต้องให้บิดาเขาเป็นคนชำระด้วยตัวเอง เพราะมันคือคว้ามเคียดแค้นที่ฝังอยู่ในใจของหลิงตงซิงมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี
ด้วยการอาละวาดของอสูรศิลา นิกายจันทราเหมันต์แทบจะยอมจำนนในทันที
โลกแห่งวรยุทธคือโลกที่ผู้อ่อนแอต้องยอมจำนนต่อผู้แข็งแกร่ง ในเมื่ออสูรศิลาทรงพลังเช่นนี้ นิกายจันทราเหมันต์จึงหมดไฟที่จะต่อต้านทันที
อ้าวเฟิงถูกนำตัวมา เขาถูกทำให้พิการโดยหลิงฮันดังนั้นระดับพลังจึงหยุดอยู่ที่บุปผาผลิบาน หลังจากเห็นหน้าหลิงฮัน เขาก็อดกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้นไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงคนนั้นขอร้องข้าจนข้ายอมใจอ่อน ฆ่าคงสังหารเจ้าไปตั้งแต่เป็นทารกแล้ว!”
“โอหัง!” เหยียนเฮิงเหอตบหัวอ้าวเฟิงจนร่วงลงไปที่พื้น
หลิงฮันพยักหน้าไปทางตระกูลเยว่และทักทายเย่วไค่หยู่เล็กน้อย ตอนนี้เขาไม่มีเวลาจะไปพูดคุยกับญาติพี่น้องของเขา
หลิงตงซิงยืนตัวตรงและกล่าว “อ้าวเฟิง! มาสู้กับข้า ถ้าเจ้าชนะข้าจะยอมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อ!”
อ้าวเฟิงแสยะยิ้ม “ยี่สิบปีก่อนเจ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ข้า ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตมันก็จะยังเป็นเช่นนั้น!”
“งั้นก็มาสู้กัน!” จิตวิญญาณต่อสู้ของหลิงตงซิงลุกโชนและถือดาบเอาไว้แน่น