ภูมิภาคเหนือมีสถานที่อันตรายมากมาย แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็สามารถตกตายได้ อย่างเช่นหุบเขาไม้ดำที่เคยมีปราณอสูรอบอวลไปทั่ว ใครที่ได้รับผลกระทบจากมันจะถูกครอบงำจิตใจกลายเป็นอสูรที่รู้จักแต่การสังหาร
ถึงอย่างนั้นเหล่าจอมยุทธก็ยินยอมรับความเสี่ยงนั้นถ้าหากจะได้รับผลประโยชน์
หลิงฮันหยุดอยู่ด้านนอกหุบเขา จากด้านนอกนี้เขาสามารถมองเห็นว่าหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยก้อนหิวราวกับแท่งหนาม ชั้นบรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีม่วงอันหนาแน่นที่ลดระยะการมองเห็นของสายตา แม้แต่ด้วยเนตรแห่งสัจธรรมของหลิงฮันก็มสามารถมองเข้าไปได้ลึก
“หุบเขาไม้ดำเป็นสถานที่ที่มีหินต้นกำเนิดความวุ่นวาย ถ้าเช่นนั้นแล้วสถานที่แห่งนี้จะมีอะไรอยู่กันแน่?” หลิงฮันพึมพำ เขามองไปยังจูเสวียนเอ๋อและกล่าว “ทำไมอาจารย์ของเจ้าถึงมาที่นี่?”
จูเสวียนเอ๋อครุ่นคิดและกล่าวตอบ “อาจารย์ชื่นชอบการท่องเที่ยวรอบโลกและสำรวจสถานที่อันตรายต่างๆ มีคำกล่าวว่าสถานที่อันตรายแต่ละที่จะแฝงไว้ด้วยอันตราย แต่ในอันตรายก็ยังมีสมบัติซ่อนอยู่เช่นกัน”
หลิงฮันยิ้ม “ข้าไม่คิดเลยว่าอาจารย์ของเจ้าจะเป็นพวกชื่นชอบสมบัติ!”
จูเสวียนเอ๋อถลึงตาใส่หลิงฮันและกล่าว “อาจารย์บอกข้าว่าปราณหมอกที่นี่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปร่างได้หลายแบบและมีความเป็นไปได้ที่สถานที่แห่งนี้จะมีสมบัติลับซ่อนอยู่! ”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “และเป็นเพราะอาจารย์ของเขาถลำลึกเข้าไปในหุบเขา นางจึงได้รับบาดเจ็บเช่นนั้น!”
“คงเป็นเช่นนั้น” จูเสวียนเอ๋อถอนหายใจ เพื่อที่จะรักษาอาการบาดของอาจารย์ นางต้องลำบากลำบนเป็นเวลาหลายปี เพราะในช่วงที่อาจารย์ของนางไม่มีแรงจะช่วยเหลือนาง นางต้องถูกคนจากนิกายมากมายหวังจะข่มเหงเพื่อครอบครองตัวนาง
“งั้นก็ไปดูกันเถอะ” หลิงฮันคว้าร่างของหนูทองคำและกล่าว “เจ้าอ้วน ไปสำรวจข้างหน้าสิว่ามีอะไรล้ำค่ารึไม่!”
หนูทองเขาตะเกียกตะกายวิ่งหนีขึ้นไปบนไหล่ของเขาและกรีดร้องออกมา มันต้องการจะสื่อว่าสถานที่ด้านหน้านี้แค่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าอันตราย เป็นไปได้ว่าอาจจะมีผีโผล่มาดด้วยก็ได้!
หลิงฮันส่ายหัว “เห้อ เวลาที่เจ้าหิวเจ้ามีความกล้าจะสู้เพื่อแย่งอาหาร แต่พอเวลาเช่นนี้เจ้ากลับกลายเป็นหนูตาขาว!”
หนูทองคำกรอกตาเมินเฉย ข้าเป็นหนูค้นหาแร่เหล็กนะ ไม่ใช่หนูล่าสมบัติหรือหนูต่อสู้ ข้าไม่ต้องการจะไปในที่ที่อันตรายแบบนั้น
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” หลิงฮันนำจูเสวียนเอ๋อเข้าไปในหอคอยทมิฬ แม้แต่อาจารย์ของนางที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณยังได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางเองก็คงเป็นอันตรายได้เช่นกัน
หลิงฮัน ฮูหนิวและเจ้ากระต่ายเดินเข้าไปยังหุบเขาด้วยกัน
“หืม ที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างอยู่!” จู่ๆเจ้ากระต่ายก็พูดขึ้น
หลิงฮันสัมผัสได้ว่าหมอกสีม่วงนั้นไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลย ราวกับว่ามันเป็นอะไรบางอย่างไม่ใช่ของบนโลกนี้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร แต่ต้องเป็นสิ่งมีระดับสูงมากแน่นอน
“ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์ของเสวียนเอ๋อมาที่นี่” หลิงฮันพยักหน้า ภูมิภาคเหนือนั้นไม่มีทักษ่ะมเพาะที่เหนือกว่าระดับเจ็ด ดังนั้นถ้าอาจารย์ของจูเสวียนเอ๋อต้องการทะลวงผ่านไปยังระดับก้าวสู่เทวา นางจำเป็นต้องหาทางช่วยอื่นเท่านั้น
หมอกสีม่วงส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและสัมผัสสวรรค์ ทั้งสามคนสามารถรับรู้ได้เพียงแค่บริเวณที่ห่างออกไปสองฟุตเท่านั้น ถ้าพวกเขาถูกลอบโจมตี พวกเขาคงไม่อาจเตรียมตัวได้ทันเป็นแน่
ตูม!
เมื่อพวกเขาคิดถึงการถูกลอบโจมตี พวกเขาก็ถูกลอบโจมตีจริงๆ พวกเขามองเห็นหมอกสีม่วงรวมตัวกันเป็นเสือดาว ความเร็วของมันที่พุ่งเข้าใส่พวกเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์เลย
หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและเขาเกร็งมือและกระแทกใส่เสือดาวม่วง
ทักษะผนึกพลิกปฐพี !
มือของเขาปกคลุมไปด้วยอักขระสีทอง แสงที่ส่องสว่างได้ทำให้หมอกสีม่วงรอบๆด้านสลายหายไป
เสือดาวม่วงไร้ความเกรงกลัว มันอ้าปากและพุ่งมาที่เขา
แม้มันจะเป็นเสือดาวที่เกิดจากหมอกม่วง แต่ฟันของมันกลับมีสีขาวและลิ้นสีแดง ช่างขัดแย้งกันจริงๆ
ตูม!
ทักษะผนึกพลิกปฐพีปะทะเข้ากับเสือดาวม่วง ประกายแสงสีทองจากอักขระระเบิดออกทำให้เสือดาวสลายกลายเป็นหมอกกลับคืนสู่หุบเขา
ถึงแม้ศัตรูจะอ่อนแอ แต่ใบหน้าของหลิงฮันกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เสือดาวนั่นมีพลังระดับก้าวสู่เทวาหนึ่งดาว… แต่มันกลับสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้!” เขายกมือขึ้นดูและเห็นว่าบนฝ่ามือของเขามีบาดแผลที่เกิดขึ้นจากเต๋า แม้บาดแผลที่เกิดขึ้นจะเป็นแค่รอยขีดข่วน
พลังต่อสู้ของระดับก้าวสู่เทวาหนึ่งดาวแต่กลับมีความสามารถที่ฉีกผ่านกายหยาบของเขาได้ แม้บาดแผลจะเล็กน้อยแต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก
กายหยาบของเขาในตอนนี้สามารถเทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้า ซึ่งหมายความว่าแม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ยังยากที่จะทำให้เขาบาดเจ็บ นอกเสียจากว่าจะมีจอมยุทธระดับสวรรค์หลายคนจะรวมพลังกันโจมตีเขา
แต่ว่าสัตว์อสูรที่เกิดจากปราณหมอกกับสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้!
เรื่องนี้ทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ
“ไม่แปลกที่อาจารย์ของเสวียนเอ๋อได้รับบาดเจ็บที่เต๋าในตันเถียน สถานที่แห่งนี้ไม่ง่ายเลย มันอัตรายไม่น้อยไม่กว่าป่าไม้ดำแม้แต่น้อย!” หลิงฮันถอนหายใจ
“พวกเราถอยกันดีกว่า นอกหุบเขานี้มีทั้งเนื้อและแครอทให้กิน ทำไมเราต้องมาเสี่ยงอันตรายในที่แบบนี้ด้วย?” ถึงแม้เจ้ากระต่ายจะสงสัย แต่เห็นได้ชัดมันกลัวตายมากกว่า
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ยังไม่ถึงเวลาถอย ข้ามียันต์เคลื่อนย้ายมิติอยู่ พวกเราต้องมองภาพรวมให้กว้าง ในทวีปให้นี้มีเขตแดนลี้ลับและสถานที่อันตรายมากมายที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติ พวกเราต้องกำจัดมันหรือไม่ก็ต้องรับรู้ให้ได้ว่ามันมีความอันตรายอย่างไร!”
อย่างเช่นเหมืองโบราณที่แคว้นเพลิง ที่แห่งนั้นมีซากศพมีชีวิตของตัวตนระดับทลายมิติไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตื่นขึ้นมา การเปิดสวรรค์คงทำได้ไม่ง่ายแน่
พวกเขาเดินหน้าต่อไป ปราณหมอกโดยรอบเริ่มหนาแน่นขึ้นและจำนวนครั้งที่ถูกสัตว์อสูรหมอกโจมตีก็มากขึ้น นอกจากนั้นสัมผัสการรับรู้ของพวกเขาก็ถูกปิดกั้นมากกว่าเดิม
โชคดีที่สัตว์อสูรหมอกม่วงเหล่านี้มีพลังต่อสู้แต่ระดับก้าวสู่เทวา ซึ่งหลิงฮันสามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่มือของเขาก็ถูกทิ้งบาดแผลเอาไว้ไม่น้อยเช่นกัน ด้วยผลกระทบจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ กายาเพชรของเขาจึงฟื้นฟูบาดแผลได้ช้าลง เขาต้องเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อขจัดอำนาจเหล่านั้นให้ออกไปจากร่างกาย
ในไม่ช้าเบื้องหน้าของพวกเขาก็ปรากฏแม่น้ำสายหนึ่ง เพียงแต่สิ่งที่ไหลเชี่ยวอยู่ในแม่น้ำนั้นไม่ใช่น้ำแต่เป็นสายฟ้า
แม่น้ำอัสนี!