ศพที่สองขมวดคิ้วและกล่าว “เมื่อครู่ที่ร่างของเจ้าแวบหายไป เจตจำนงของข้าที่ฝังเอาไว้ในตัวเจ้าก็หายไปด้วย นั่นแสดงว่าเจ้าคลายพิษของข้าแล้ว”
หลิงฮันพยักหน้า “คาดเดาได้ไม่เลว”
“เจ้าใช้วิธีอันใด?” ศพที่สองถามอย่างสงสัย
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เพื่อตอบแทนที่เจ้าอธิบายหลายๆอย่างให้ข้าฟัง ข้าจะตอบคำถามของเจ้า ที่จริงข้ามีสมบัติที่สามารถขจัดพิษปราณซากศพได้ และนั่นคือวิธีที่ข้าใช้”
‘ไร้สาระ!’ ซากศพที่สองคิดในใจ เขารู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันไม่มีทางรักษาได้ด้วยพลังของตนเอง เพราะว่าต่อให้เป็นเม็ดยาถอนพิษที่ล้ำค่าที่สุดในโลกก็คงไม่สามารถถอนพิษของเขาได้! นั่นเพราะพิษของเขาคือปราณซากศพที่ควบแน่นมานานสามแสนปี
แต่ตอนนี้พิษของเขากลับถูกขจัดทิ้งง่ายๆ ซึ่งเขาทำใจยอมรับไม่ได้
เป็นไปได้อย่างไร?
สมบัติเช่นใดกันที่สามารถขจัดปราณซากศพที่ควบแน่นมาสามแสนปีได้?
หลิงฮันส่ายมือ “เจ้าไม่บอกข้าถึงความลับของนิกายพันศพ ข้าก็ไม่บอกความลับของข้าเช่นกัน”
ซากศพที่สองยิ้มและกล่าว “เมื่อข้าสังหารเจ้าและเปลี่ยนเจ้าเป็นทหารซากศพ ข้าจะทำให้เจ้าคาบความลับออกมาเอง เจ้ารู้รึไม่ว่าเมื่อเจ้ากลายเป็นทหารซากศพ ความทรงจำจะคงอยู่ไว้ชั่วขณะก่อนจะหายไป?”
นิสัยท่าทางของเขาดูสงบนิ่งไม่เหมือนกับทหารซากศพที่มีนิสัยป่าเถื่อนแม้แต่น้อย
หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น!”
เขามีไพ่ลับมากมายในมือ แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีได้ แต่หอคอยทมิฬก็ยังสามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์เพิ่มระดับพลังบ่มเพาะของให้เป็นระดับสวรรค์ได้ เมื่อทำเช่นนั้นพลังต่อสู้ของเขาจะเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับทลายมิติ เพียงแต่ว่าเขาไม่ต้องการจะใช้พรศักดิ์สิทธิ์อย่างเสียเปล่าในตอนนี้ เขาจะใช้ก็ต้องเมื่อตกอยู่ในวิกฤตเท่านั้น
ศพที่สองกำหมัดและกล่าว “งั้นก็เจอกันอีกทีในภพหน้า!”
เมื่อสนทนากันเสร็จ หลิงฮันก็คำรามและเปิดโจมตีก่อน
ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายลอบโจมตีเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหอคอยทมิฬเขาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันโกรธเป็นอย่างมากและไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้
ซากศพที่สองไม่เกรงกลัวและเข้าปะทะ
พวกเขาต่อสู้กันอย่างระมัดระวัง ไม่มีฝ่ายใดกล้าผลีผบามลงมืออย่างบ้าระห่ำก่อนที่จะรู้พลังต่อสู้ที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย ในขณะที่พวกเขาเข้าปะทะกัน ทั้งคู่ก็ค่อยๆเผยพลังต่อสู้ของตนเองออกมาเรื่อยๆ
หลิงฮันแบมือ ทันใดนั้นอักขระสีทองก็ปรากฏขึ้นและรวมตัวกันกลายเป็นทักษะผนึกพลิกปฐพี ด้วย ทักษะผนึกพลิกปฐพีและปราณก่อเกิดของเขาในตอนนี้ พลังต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นจนเทียบเท่าได้กันจอมยุทธระดับสวรรค์
“ทั้งๆที่เจ้ามีพลังบ่มเพาะเพียงระดับก้าวสู่เทวา แต่กลับมีพลังต่อสู้ที่สู้ข้ามระดับได้ถึงหนึ่งระดับใหญ่ ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มหัศจรรย์!” ถึงแม้การโจมตีของซากศพที่สองจะรุนแรงราวกับขุนเขา แต่สีหน้าของเขากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขายังไม่รู้วิธีการแสดงออกทางสีหน้าเพราะเพิ่งเกิดใหม่
“เจ้าอยากจะตายแบบใด?” หลิงฮันยิ้ม
“ข้าต้องการตายแบบใด?” ซากศพที่สองหัวเราะ “เจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน? ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงพลังต่อสู้ที่แท้จริงให้เจ้าเห็น!” เขากล่าวก่อนที่หมัดของเขาจะมีข้อกระดูกจำนวนหนึ่งทิ่มออกมา
จิตใจของหลิงฮันหวั่นไหวเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ต้องเป็นเพราะข้อกระดูกเหล่านี้แน่ๆที่ทำให้เขาบาดเจ็บและได้รับปราณพาซากศพ
ประมาทไม่ได้!
เขาห่อหุ้มปราณก่อเกิดไว้รอบมือและโคจรทักษะผนึกพลิกปฐพีก่อให้เกิดประกายแสงสีทองส่องสว่างไปทั่ว ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรใช้งานเนตรแห่งสัจธรรม ตอนนี้พลังต่อสู้ของเขากลายเป็นระดับสวรรค์สองดาวแล้ว การเพิ่มพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะของตัวเองเป็นสิ่งที่ยากลำบากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาได้แค่หนึ่งดาวเท่านั้น
ซากศพที่สองเมินเฉยต่อพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นของหลิงฮันและกระหน่ำหมัดเข้าใส่ราวกับห่าฝน
ซากศพที่สองมั่นใจในพลังของตนเองเป็นอย่างมาก
นั่นเพราะกระดูกของเขาแม้จะถูกแสงอาทิตย์กัดกร่อนมาสามแสนปีก็ยังไม่เสื่อมสลาย ร่างกายของเขาจึงทนทานเป็นอย่างมาก
เมื่อหลิงฮันและอีกฝ่ายเข้าปะทะกันเป็นเวลานานพอสมควร ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจหลิงฮัน ดูเหมือนว่าพลังกายของอีกฝ่ายจะเหนือกว่าเขา
กายหยาบที่เทียบได้กับระดับทลายมิติ!
ซากศพที่สองขี้โกงกว่าหลิงฮันเสียอีก เขาบ่มเพาะร่างกายมาเป็นเวลานานหลายแสนปีในที่สุดก็เกิดสติปัญญาขึ้น แต่แน่นอนว่าการพัฒนาของเขาก็ต้องถูกจำกัดอยู่เท่านี้เช่นกัน
หลิงฮันค่อยๆควบแน่นอักขระในมือ ร่างของเจ้าทนทานนักรึ? งั้นข้าจะทำให้รู้เองว่ารสชาติของความเจ็บปวดมันเป็นยังไง
ตูม! ตูม! ตูม!
ทักษะผนึกพลิกปฐพีกระแทกเข้ากับหมัดของซากศพที่สองจนข้อกระดูกของอีกฝ่ายแตกหัก… แม้จะแค่ท่อนเดียวก็ตาม
“อะไรกัน?” ซากศพที่สองอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ข้อกระดูกของเขานั้นแข็งแกร่งและทนทานต่อการกัดกร่อน แต่ข้อกระดูกเขากลับถูกทำให้หักด้วยการโจมตีครั้งเดียว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้
เขามองไปยังมือซ้ายของหลิงฮันก่อนที่จะขมวดคิ้วและกล่าว “อำนาจแห่งกฎเกณฑ์? เป็นไปได้อย่างไร เจ้าเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวา เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะเข้าถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้?”
“เจ้ารู้เกี่ยวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์?” หลิงฮันชะงักด้วยคำพูดของอีกฝ่าย หอคอยทมิฬจอมอวดดีเคยกล่าวถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มาก่อน แต่มันกลับไม่อธิบายให้หลิงฮันฟัง
ซากศพที่สองเค้นเสียงกล่าว “หลังจากบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้า เจ้าถึงจะสามารถสัมผัสถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์! หรือเจ้าจะเป็นร่างเกิดใหม่ของตัวตนระดับทลายมิติ?”
แม้จะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็ไม่ถือว่าผิด!
หลิงฮันกล่าวในใจก่อนที่จะยิ้มและกล่าว “เจ้าที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เกิดแต่กลับใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ไม่ได้?”
ซากศพที่สองรู้สึกตกต่ำ สิ่งเดียวที่เขาได้รับมาหลังเกิดใหม่คือพลังของร่างกายนี้เท่านั้น เขาไม่ได้รับเจตจำนงใดมาด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปแล้ว!
เขายังต้องบ่มเพาะพลังทีละขั้นเหมือนจอมยุทธทั่วไป และการที่เขาบรรลุระดับสวรรค์ภายในเวลายี่สิบปีนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องติดคอขวดในการบ่มเพาะเหมือนคนอื่น
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์… เขาต้องบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าเสียก่อนถึงจะสามารถฝึกฝนได้ ร่างกายที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเกฎแห่งสวรรค์และปฐพี
ดังนั้นเขาจึงคาดเขาว่าหลิงฮันคือร่างเกิดใหม่ของตัวตนระดับทลายมิติ ไม่เช่นนั้นแล้วหลิงฮันจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร?
“ที่แท้เจ้าก็ใช้ไม่ได้สินะ!” หลิงฮันหัวเราะลั่นก่อนจะลงมือโจมตี ที่แท้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็เป็นพลังที่มีแต่จอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าที่ใช้ได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองนั้นทรงพลังขนาดไหน