ศพที่สองล่าถอยหายไป
หลิงฮันไม่ได้รั้งอีกฝ่ายไว้ นั่นเพราะกายหยาบของอีกฝ่ายเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ และเขาได้ใช้ดาบสังหารโจมตีอีกฝ่ายมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายร่างกายของอีกฝ่ายได้
เขารู้สึกว่าต้องเร่งรวมขุมอำนาจต่างๆให้เร็วที่สุดแล้ว ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดจักรวรรดิจันทราม่วง ห้านิกายโบราณ และนิกายพันศพคงกำลังก่อสงครามขึ้นที่ภูมิภาคกลาง พวกเขาไม่มีทางสนใจสถานที่เล็กๆอย่างภูมิภาคทั้งสี่ แต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือนิกายพันศพจะส่งคนมาลอบสังหารเขา
โชคดีที่พวกนั้นส่งมาแค่จอมยุทธระดับสวรรค์
หลังจากมาถึงหุบเขาโลหิตจรัสแสง เขาก็ต้องลงมือสังหารพวกดื้อรั้นทิ้ง ด้วยการที่ต้องรีบลงมือเปิดสวรรค์ให้เร็วที่สุด หลิงฮันไม่สนใจการต่อต้านของคนกลุ่มน้อย
ตอนนี้เขายึดครองภูมิภาคเหนือเสร็จสิ้นแล้ว ขุมอำนาจทั้งหมดยอมยกธงขาวต่อเขา
นักปรุงยาระดับสวรรค์และพลังต่อสู้ระดับสวรรค์ ด้วยสองสิ่งนี้ไม่ว่าใครในภูมิภาคเหนือก็ต้องยอมศิโรราบ!
หลิงฮันเดินทางกลับ หลังจากพักผ่อนเล็กน้อยเขาคิดจะมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันตกต่อ จากนั้นค่อยไปภูมิภาคใต้และภูมิภาคตะวันออก เมื่อครอบครองภูมิภาคเหล่านี้ได้สำเร็จ พลังแห่งจักรภพของภูมิภาครอบนอกก็จะสมบูรณ์ การต่อสู้ในสงครามของภูมิภาคกลางเขาต้องพึ่งพลังอำนาจของจักรวรรดิจันทราม่วงและหม่าตั้วเปา
แม้แปดราชันจะแข็งแกร่ง แต่ห้านิกายโบราณในยุคสมัยนี้ก็ทรงพลังเช่นกัน ด้วยจำนวนแปดราชันอาจจะไม่ชนะก็เป็นได้ ราชีนีหยินผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าราชันแปดคนของจักรวรรดิจันทราม่วงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหม่าตั้วเปาคนเดียว แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเจ้าอ้วนนั่นแข็งแกร่งขนาดไหน
ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้เดินทางไปยังเมืองเมืองวายุเหมันต์ในภูมิภาคเหนือเพื่อตั้งหลักปักฐาน เหตุผลที่เลือกที่นี่เป็นเพราะเมืองนี้มีภูมิประเทศที่หนาวเย็น เมืองนี้ตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางของภูมิภาคเหนือและเป็นเมืองจักรพรรดิ
หลิงฮันเดินทางไปยังเมืองวายุเหมันต์
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก่อตั้งแคว้นขึ้นที่เมืองนี้ ผู้คนในเมืองต่างกำลังพูดคุยกันถึงจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิงด้วยความสรรเสริญ
ถ้าจักรพรรดิมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้ เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะมอบความจริงใจเป็นการตอบแทน
หลิงฮันที่มีฐานะจักรพรรดิ ไม่ใช่แค่เขาเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่ยังเป็นจอมยุทธที่ทรงอำนาจ ความแข็งแกร่งของเขาฝังรากลึกเข้าไปในหัวใจของทุกคน
“เหอะ กล้าปล้นชิงสตรีของข้าเช่นนี้ เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าคือใคร?” ในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในเมือง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความยิ่งยโสดังขึ้นในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
“หืม ทำไมเสียงถึงฟังดูคุ้นหูนัก?” หลิงฮันอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้
น้ำเสียงที่ยิ่งยโสเป็นเสียงของรุ่นเยาว์ แต่ทำไมหลิงฮันถึงรู้สึกคุ้นหู? นี่เขารู้จักคนที่นิสัยแบบด้วยหรือ?
ใบหน้าของจูเสวียนเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะกล่าว “นั่นเสียงน้องชายข้า!”
ใช่แล้ว จูหลงชิง!
“เข้าไปดูกันเถอะ” หลิงฮันยิ้มและส่ายหัว
โรงเตี๊ยมฤดูใบไม้ผลิเบ่งบาน ที่นี่คือสถานที่ที่เหล่าบุรุษจะมาผ่อนคลาย
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน…” หนึ่งในพนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาสามารถมองออกทันทีว่ากลุ่มของหลิงฮันนั้นไม่ธรรมดา กลุ่มของพวกเขาประกอบไปด้วยชายหนุ่มที่ดูทรงพลัง สาวงามล่มเมือง เด็กสาวที่น่ารัก และกระต่ายตัวหนึ่ง
การร่วมกลุ่มนี่มันอะไรกัน?
หนูทองคำกระโจนออกมาและคิดจะใช้ขาหน้าฟาดไปที่ใบหน้าของพนักงานต้อนรับ เจ้าบังอาจเมินเฉยนายท่านหนู!
หลิงฮันคว้าหนูทองคำกลับมาและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
พนักงานต้อนรับตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “ขอตอบคำถามนายท่าน ตอนนี้มีแขกสองคนกำลังขัดแย้งกันอยู่”
หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือมีบุรุษสองคนกำลังแย่งโสเภณีคนเดียวกันอยู่
“ตัวข้า นายน้อยผู้นี้คือจูหลงชิง! เจ้ารู้ถึงความน่ากลัวของชื่อข้ารึไม่?” จูหลงชิงคำราม “พี่สาวของข้าคือสตรีที่งดงามที่สุดในภูมิภาคเหนือจูเสวียนเอ๋อ ส่วนพี่เขยของข้านั้นทรงอำนาจยิ่งกว่านั้น เขาคือจักรพรรดิของจักรวรรดิต้าหลิง นักปรุงยาระดับสวรรค์ หลิงฮัน!”
“ฮ่าๆๆ เจ้าจะกล่าวอะไรก็ได้ งั้นถ้าหากข้าบอกว่าข้าคือหลิงฮันล่ะ? เรียกข้าว่าพี่เขยเสียสิ!” รุ่นเยาว์อีกคนกล่าว
จูเสวียนเอ๋ออดที่จะรู้สึกโมโหไม่ได้
‘ตูม ตูม ตูม ปัง ปัง ปัง!’
จูหลงชิงและรุ่นเยาว์อีกคนเริ่มปะทะกัน จูหลงชิงคำรามออกมา “เจ้าคนบัดซบ เจ้าไม่มีคุณสมบัติเป็นพี่เขยของข้า! อย่าเผลอไปส่องกระจกหลังถูกข้าทุบตีเสียล่ะ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจำไม่ได้แม้แต่ใบหน้าตนเอง”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้น!”
ทั้งสองคนปะทะกันรุนแรงจนร่างกระเด็นออกมาจากโรงเตี๊ยม
พวกหลิงฮันเห็นจูหลงชิงและรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งต่อสู้กันตามเส้นถนนอย่างไม่มีใครยอมกัน พวกเขาซัดหมัดออกไปใส่ใบหน้าของแค่ละฝ่ายจนเกิดรอยฟกช้ำและบาดแผลบนใบหน้า
เมื่อมีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ถนน องค์รักษ์ของเมืองจึงรีบเข้ามาจับตัวทั้งสองคน
“บังอาจเจ้ากุมข้า เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?” รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งก็ยิ่งสโยไม่แพ้กัน หลังจากถูกจับกุมแล้วไม่เพียงแค่เขาจะไม่หวาดกลัว แต่ยังแสดงท่าทีอวดดีออกมาอีกด้วย
“ข้าคือเฉียนเฟิง พี่ชายของข้าคือเฉียนหวูย่ง! พวกเจ้ารู้จึกหรือไม่? พี่ชายข้าคือสหายขององค์จักรพรรดิ!” รุ่นเยาว์คนนั้นตะโกนออกมา
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน ชื่อที่รุ่นเยาว์ผู้นั้นกล่าวออกมาคือสหายเก่าของเขาที่สำนักฮูหยาง และตอนนี้เขาได้เข้าร่วมกองทัพของหลิงฮันแล้ว ถึงแม้พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะไม่สูงมาก แต่เขาก็เป็นคนที่หลิงฮันสามารถเชื่อใจได้
แต่นั่นแหละที่ทำให้เกิดปัญหา
ผู้คนที่มีภูมิหลังแข็งแกร่งจะมองว่าตนนั้นสูงส่ง นิสัยเช่นนี้เป็นอะไรที่แก้ไขได้ยากมาก ในขณะเดียวกัน พวกคนที่มาจากดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวที่มีสถานะสูงขึ้นก็เริ่มลำพองใจและไร้ความเกรงกลัว
สงสัยคงต้องรักษาเสียหน่อยแล้ว