กำแพงกั้นระหว่างภูมิภาคไม่สามารถมองเห็นได้ ถ้าไม่สัมผัสมันจะรู้สึกเหมือนอากาศ ดังนั้น วิสัยทัศน์ของหลิงฮันจึงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ฉือชิ่วเหริน ตงหลิงเอ๋อ เจี่ยหมิง พวกเขาคืออัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งห้านิกายโบราณ ซึ่งแต่ละคนมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และอีกฝ่ายมีทั้งหมดห้าคนกำลังยืนเผชิญหน้ากับพวกเขา นี่หมายความว่ายังไง?
ส่วนสองคนที่เหลือน่าจะเป็นราชันดาบน้อยจางโม๋และบุตรแห่งสายฟ้า
ทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันดี ราชันดาบน้อยจะพกดาบที่แปลกตา และบุตรแห่งสายฟ้าจะห้อมล้อมไปด้วยอัสนีสีคราม
ถึงแม้ว่าบุตรแห่งสายฟ้าจะแข็งแกร่งกว่า แต่หลิงฮันรู้สึกกังวลราชันดาบน้อยมากกว่า ว่ากันว่าอีกฝ่ายสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้แล้ว แม้ว่าจะถูกกำแพงขวางกั้น หลิงฮันก็สามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เจตจำนงแห่งดาบของเขาดูเหมือนจะฉีกกระชากได้แม้กระทั่งกำแพงกั้นภูมิภาค
หลิงฮันไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ภูมิภาคตะวันตกจะรวมตัวกันได้รวดเร็วขนาดนี้ ที่แท้เป็นฝีมือของห้านิกายโบราณนี่เอง
“หลิงฮัน เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนักถึงคิดก่อตั้งจักรวรรดิ!” ฉือชิ่วเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะจับกระบี่ไร้เทียมทานอยู่ในมือ และจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่แหลมคมเหมือนกระบี่ และดูเหมือนพลังปราณของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
หลิงฮันพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าข้าไม่ก่อตั้งจักรวรรดิ แล้วข้าจะหลบหนีเอื้อมมือของห้านิกายโบราณของเจ้าได้อย่างไร?” ตอนนี้เขาแสดงจุดยืนต่อต้านห้านิกายโบราณอย่างเปิดเผย
“ไร้สาระ!” ตงหลิงเอ๋อกล่าว ความงามของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ นางสวมกระโปรงยาวสีขาว ผิวของนางขาวเหมือนกับหิมะ และมีคิ้วที่โค้งสวยงาม
“ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!” หลิงฮันพูด
เจี่ยหมิงเดินไปข้างหน้าและพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะเลือกโจมตีภูมิภาคตะวันตกที่อ่อนแอที่สุดก่อน ดังนั้นพวกข้าทั้งห้าคนเลยนั่งรอเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะบอกอะไรให้ว่าภูมิภาคตะวันออกกำลังส่งกองทัพไปที่ภูมิภาคเหนือและโจมตีบ้านเกิดของเจ้า!”
เหล่าผู้คนของภูมิภาคตะวันตกที่ได้ยินช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะเผยสีหน้าไม่พอใจหลังจากที่ถูกเรียกว่าภูมิภาคที่อ่อนแอ! แต่พวกเขาก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมา ห้านิกายโบราณนั้นแข็งแกร่งเกินไป และรุ่นเยาว์ทั้งห้าคนนี้เป็นตัวแทนของห้านิกายโบราณทั้งห้า และความแข็งแกร่งของรุ่นเยาว์ทั้งห้าคนพวกเขาทำได้แค่ก้มหน้าเคารพเท่านั้น
หลิงฮันไม่กระวนกระวานแต่อย่างใด ที่เมืองจักรพรรดิยังมีอี้ชวงชวงคอยปกป้องอยู่
เขาพูดว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงมากันแค่ห้าคนล่ะ หรือว่าผู้นำของห้านิกายโบราณของพวกเจ้าตายไปแล้ว?”
เจี่ยหมิงอดที่จะโกรธเคืองไม่ได้และพูดว่า “พวกข้าห้าคนรวมมือกันก็เพียงพอที่จะฆ่าเจ้าแล้ว ทำไมจะต้องถึงมือจอมยุทธระดับทลายมิติด้วย?”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าเกรงว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจากห้านิกายโบราณคงไม่ว่าง ข้าคิดว่าราชันทั้งแปดคนแห่งจักรวรรดิจันทราม่วงคงจะถูกปลุกให้ตื่นหมดแล้ว และนั่นทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติของพวกเจ้าถูกตรึงไว้ที่นั่น”
ใบหน้าของพวกเขาทั้งห้าคนเปลี่ยนสี อย่างที่หลิงฮันพูด จักรวรรดิจันทราม่วงในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแปดคน แต่พวกเขาทุกคนต่างเป็นตัวตนระดับทลายมิติขั้นเก้า ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้
ตอนนี้อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ขึ้นมากเท่าไหร่และมีประชากรเพิ่มขึ้นมากเท่าใดก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ราชันทั้งแปดมีพลังมากจนไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว
ไม่เช่นนั้น แค่ส่งจอมยุทธระดับทลายมิติไม่กี่คนมาการจะปราบจักวรรดิต้าหลิงก็เป็นเรื่องง่าย
“หึ่ม เจ้ายังมีหน้าห่วงคนอื่นอีกเรอะ?” บุตรแห่งสายฟ้ากล่าวขณะปลดปล่อยสายฟ้าสวรรค์ มันกลายเป็นก้อนเมฆสีดำที่มีสายฟ้าสีครามแลบอยู่ภายใน
หลิงฮันนำดาบสังหารออกมาและพูดว่า “เอาล่ะ หากพูดคุยกันจบแล้วจะได้เริ่มสู้กันสักที!”
หลิงฮันเปิดกำแพงกั้นภูมิภาค
“ตาย!” กองทัพชั้นยอดของจักรวรรดิต้าหลิงแห่กันเข้ามาและส่งเสียงคำราม
โฮก อสูรศิลาพุ่งออกไปคนแรกและฮูหนิวกำลังขี่อยู่บนไหล่ของมันด้วยความตื่นเต้น การฆ่าฟันและโลหิตเป็นอะไรที่นางชื่นชอบที่สุด
ร่างของเด็กสาวตัวน้อยกระพริบและกลายเป็นสายฟ้า ปัง มีทหารจำนวนมากของกองทัพตะวันออกเริ่มล้มตายอย่างรวดเร็ว
พลังต่อสู้ของนางบรรลุถึงระดับสวรรค์แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวตนไร้พ่ายในภูมิภาคตะวันตกที่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาคือระดับสูงสุด ร่างของเด็กสาวตัวน้อยถูกอาบไปด้วยโลหิต และปลดปล่อยสายฟ้าออกมาทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่และผู้คนที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นขี้เถ้าทันที
บุตรแห่งสายฟ้าไม่สนใจและพูดว่า “ข้าจะจัดการนางเอง!” เขาเองก็กลายเป็นสายฟ้าและกระโจนออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับฮูหนิว และมีดาบสองเล่มพุ่งตรงใส่ฮูหนิว
“เอาหมัดวายุอัคคีของหนิวไปกิน!” ฮูหนิวคำรามและเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดกับบุตรแห่งสายฟ้า
หลิงฮันจับดาบสังหารและพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสี่คนเข้ามาพร้อมกันได้เลย!” เขากำลังเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งสี่คนด้วยตัวเอง
ในความเป็นจริงไม่มีใครนอกจากเขาที่สามารถปะมือกับทั้งสี่คนได้
ฉือชิ่วเหรินแสยะยิ้มและพูดว่า “เพื่อที่จะฆ่าเจ้า ข้าจำเป็นต้องร่วมมือกันสี่คนเพื่อฆ่าเจ้าด้วย?”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้ามั่นใจและไม่ได้พูดไร้สาระ เข้ามาทั้งสี่คนเลย!”
ฉือชิ่วเหรินโจมตีออกไปด้วยกระบี่ แม้กระบี่ไร้เทียมทานยังฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่ แต่ยังไงมันก็เป็นกระบี่ที่ทรงพลังอยู่ดี เมื่อกระบี่โจมตีโดนหลิงฮัน กายหยาบของหลิงฮันไม่มีทางต้านทานได้ กระบี่นี่เป็นอาวุธวิญญาณเหนือกว่าระดับสิบในแง่ของความแหลมคม
ความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ปกคลุมหลิงฮันทำให้เขารู้สึกว่าไม่สามารถฟาดฟันดาบออกไปได้
แก่นแท้แห่งกระบี่!
หลิงฮันและฉือชิ่วเหรินต่อสู้กันสองครั้ง ครั้งแรกคือการต่อสู้ของความแข็งแกร่ง แต่ในเวลานั้นความเข้าใจในแก่นแท้แห่งกระบี่ของอีกฝ่ายยังไม่แกร่งกล้า อย่างน้องก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้ ส่วนครั้งที่สองนั้นแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้ระหว่างกระบี่ไร้เทียมทานกับดาบสังหาร แต่แก่นแท้แห่งกระบี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด
แต่ครั้งนี้ความเข้าใจในแก่นแท้แห่งกระบี่ของอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นมา ซึ่งทำให้เขาได้รับผลกระทบ
หลิงฮันเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจและโจมตีออกฝ่ายด้วยดาบสังหารที่อยู่ในมือขวา
ปัง ปัง ปัง ทั้งสองคนปะทะกันไม่หยุดและทำให้เกิดแสงสว่างไม่รู้จบ
ฉือชิ่วเหรินแข็งแกร่งขึ้นมากไม่เพียงแค่ความเข้าในใจแก่นแท้แห่งกระบี่เท่านั้น แต่ยังพัฒนาในทุกด้าน นี่จะต้องเป็นพลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงอย่างแน่นอน!
หลิงฮันไร้ความหวั่นเกรง มือขวาฟาดฟันดาบสังหารด้วยทักษะดาบสกัดแปดลมหายใจ ส่วนมือซ้ายใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพีและแสงสีทองแผ่กระจายออกไปทั่ว ทำให้ฉือชิ่วเหรินรู้สึกถูกคุกคามเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ฝึกฝนบ่มเพาะกายา
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันก็ยังไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ ฉือชิ่วเหรินก้าวเข้าสู่ระดับสวรรค์แล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่จอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นแรก แต่พลังต่อสู้ของเขานั้นมากถึงระดับสวรรค์สิบดาว มันเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมากที่มีพลังต่อสู้มากกว่าเก้าดาว
เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ร่างกายของหลิงฮันก็มีบาดแผลมากมาย แต่ด้วยความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของร่างกาย นี่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด
ในขณะนั้นเอง ความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วร่างของหลิงฮัน และเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่