หลังจากได้ฟัง หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ในโลกนี้เขาที่เป็นอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดที่จะสามารถสู้ข้ามระดับใหญ่ได้ แต่เมื่อเขาขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ขั้นพลังเล็กๆก็ยังเป็นเรื่องยาก?
“แทงใจดำงั้นรึ?” อี้ชวงชวงแสยะยิ้ม “จากการพิจารณาของข้า เจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถพอจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้ แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้อัจฉริยะระดับเจ้าจะมีไม่เยอะ แต่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน”
จริงรึ? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเป็นโลกที่แตกต่างอะไรเช่นนี้!
แต่เมื่อคิดให้ดี ทรัพยากรของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากกว่าโลกนี้หลายร้อยเท่า บางทีอาจจะแม้กระทั่งสมบัติฝืนสวรรค์บางอย่างที่สามารถทำให้พลังต่อสู้ของจอมยุทธเพิ่มขึ้นได้ อย่างเช่นโลกนี้เองก็มีหินชะตะสวรรค์ที่หลิงฮันเคยครอบครอง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีสมบัติที่ยอดเยี่ยมกว่าหลายเท่าแน่นอน
ในโลกเล็กๆแห่งนี้ที่ถูกดูแคลนว่าเป็นดินแห่งแมงเม่า หลิงฮันยังสามารถเป็นอัจฉริยะที่ทัดเทียมกับอัจฉริยะบางส่วนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าหากเขาขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะเหนือกว่าอัจฉริยะเหล่านั้นหรอกรึ?
อัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ ข้าจะเหนือกว่าให้ดู!
ความมั่นใจของหลิงฮันฟื้นฟูกลับมา มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุ่งมั่น
“เจ้าตัวร้าย!” อี้ชวงชวงเค้นเสียงเย็นชา “จู่ๆทำไมแววตาเจ้าถึงดูส่องประกายแบบนั้น? หรือว่าเจ้าเกิดสนใจในตัวข้าผู้นี้?”
“เจ้าน่ะรึ? ฮ่าๆๆ!” ปรบมือหัวเราะ
“หมายความว่าอย่างไร? รึเจ้าจะบอกว่าข้าไม่งดงามพอ?” อี้ชวงชวงรู้สึกไม่สบอารมณ์
หลิงฮันเมินเฉยสิ่งที่นางพูดและถามต่อ “แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีพลังบ่มเพาะและพลังต่อสู้อยู่ที่ระดับใด?”
อี้ชวงชวงท้าวเอวอย่างภาคภูมิใจและกล่าว “ข้าคือปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนต้น! แต่การที่ข้าต้องถูกผนึกมาเป็นเวลากว่าแสนปีทำให้พลังบ่มเพาะของข้าตกมาอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นส่วนต้นเท่านั้น และพลังต่อสู้ของข้าก็ตกมาอยู่เพียงระดับภูผาวารีขั้นต้น”
ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถจัดการศพที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้พลังบ่มเพาะของนางจะถูกโลกนี้จำกัดเอาไว้ แต่นางก็ยังสามารถใช้งานพลังต่อสู้ของระดับทลายมิติขั้นเก้าออกมาได้
“ข้านั้นเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนต้น ข้าสามารถต่อสู้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลางส่วนปลายได้อย่างทัดเทียม ข้านับว่าเป็นอัจฉริยะสองดาว! ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หากสู้ข้ามขั้นพลังเล็กๆได้จะถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาว”
“นอกจากนั้นระดับของอัจฉริยะก็ยังมี อัจฉริยะสองดาว อัจฉริยะสามดาวและอัจฉริยะสี่ดาว เท่าที่ข้ารู้ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีอัจฉริยะสี่ดาวอยู่น้อยมาก ส่วนอัจฉริยะห้าดาวนั้นมีเพียงในหน้าประวัติศาสตร์ของบันทึกโบราณเท่านั้น” อี้ชวงชวงกล่าว
หลิงฮันมั่นใจในตัวเอง ตอนนี้แค่เขาบ่มเพาะส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เขาก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นหินจัดอันดับวรยุทธ์แล้ว ถ้าเขาเรียนรู้ส่วนที่สองได้ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?
เขาจ้องเขม็งไปยังอี้ชวงชวงและกล่าว “ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า”
“อะไร? เจ้าคิดจะช่วงชิงสมบัติสุดรักของข้างั้นรึ??” อี้ชวงชวงกล่าวและจับผลึกกระดูกมือเอาไว้แน่น
“ข้าดูเป็นคนเช่นนั้นรึ?”
หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูดก่อนจะกล่าว “แม้ข้าจะอยากได้มัน ข้าก็คงแย่งมันมาจากเจ้าไม่ได้”
อี้ชวงชวงแสร้งถอนหายใจโล่งอกและเอ่ยถาม “อะไรกันที่เจ้าอยากจะขอข้า?”
“ข้าไม่มีทักษะบ่มเพาะระดับสิบ(ระดับทลายมิติ) ข้าจึงอยากจะขอยืมทักษะจากเจ้าก่อน” หลิงฮันกล่าว ทักษะบ่มเพาะระดับสูงสุดที่เขาครอบครองคือระดับเก้า(ระดับสวรรค์) ดังนั้นหากเขาไม่หาทักษะบ่มเพาะระดับสิบในชีวิตนี้เขาก็จะบรรลุได้เพียงระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้น
ตามจริงแล้วเขาสามารถสร้างทักษะบ่มเพาะระดับสิบขึ้นมาแล้วค่อยทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้ แต่นั่นจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน? แม้จะเป็นเขาก็ต้องใช้เวลาถึงร้อยปี
เขาไม่อาจรอนานขนาดนั้นได้
“ว่าไงนะ?” อี้ชวงชวงหัวเราะทันทีและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีปัญหา แต่เจ้ามีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ? ถึงแม้จะเป็นแค่การ‘ยืม’ แต่ข้าก็คงให้เจ้าไปแบบเปล่าๆไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
“เห้อ เจ้าต้องการอะไร?” หลิงฮันเองก็เตรียมใจให้อะไรตอบแทนนางอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าเสียเวลาร้อยปีไปอย่างเสียเปล่า
“เจ้ามาจากแคว้นเล็กๆของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียว บอกข้ามาว่าเจ้าครอบครองสมบัติลับอันใดอยู่?” อี้ชวงชวงถามด้วยความสงสัย
หลิงฮันกล่าว “ที่จริงข้าคือร่างเกิดใหม่ของจอมยุทธระดับทลายมิติ ดังนั้นข้าจึงบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็ว”
อี้ชวงชวงเค้นเสียงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “การเกิดใหม่โดยคงวิญญาณเอาไว้นั้นแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีโอกาศแทบจะเป็นศูนย์ แล้วจะให้ข้ายอมเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่งั้นรึ? ยิ่งกว่านั้นถ้าเจ้าเป็นร่างเกดใหม่ของจอมยุทธระดับทลายมิติ เจ้าจะต้องการทักษะบ่มเพาะระดับสิบไปเพื่ออะไร?”
สตรีผู้นี้ไม่โง่เลยจริงๆ
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าการเกิดใหม่โดยยังมีวิญญาณเดิมอยู่นั้นเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเช่นนั้นแล้วหอคอยทมิฬจะเป็นสมบัติระดับใดกันแน่ ไม่เพียงแค่มันจะทำให้วิญญาณของเขาเกิดในร่างใหม่ แต่มันยังคงสภาพวิญญาณของเขาเอาไว้เป็นเวลาหมื่นปีเพื่อให้เขาเรียนรู้ส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
เขาดูถูกหอคอยทมิฬเกินไป
“เห้อ ข้าบอกความจริงกับเจ้าไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้” หลิงฮันยักไหล่ จะอย่างไรเขาก็ไม่สามารถบอกความลับของหอคอยทมิฬให้ผู้อื่นรู้ได้
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็คงไม่จำเป็นต้องยืมทักษะบ่มเพาะระดับสิบจากข้า!” อี้ชวงชวงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“งั้นก็กลับอาณาจักรกันเถอะ!”
โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เขาก็แค่ค่อยๆใช้เวลาหาทักษะบ่มเพาะต่อไป เพราะอย่างไรเขาก็ยังมีเวลาอีกซักพักก่อนจะบรรลุระดับสวรรค์ขั้นปลาย
เขาเรียกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมาพูดคุยปัญหาเกี่ยวกับภูมิภาคตะวันออก