ใครจะคาดเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้?
จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาสามารถมอบความพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธระดับทลายมิติได้ แม้ว่าหลิงฮันจะใช้พลังของรูปแบบอาคม ซึ่งไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถของหลิงฮันมิใช่หรือ?
ช่วยไม่ได้ที่เฮ่อเหลียนหลงจะแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาโบกมือและพูดว่า “เซียนซู เจ้าจงไปปลอบหยูเจี่ยนเชิน นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนวรยุทธกันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ขอรับ!” จอมยุทธระดับทลายมิติที่ดูเหมือนชายวัยกลางคนพยักหน้าและร่างของเขาก็หายไป
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงไม่เคลื่อนไหวอะไร เฮ่อเหลียนหลงได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว และดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนวรยุทธกัน และ “จะไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความพ่ายแพ้ของหยูเจี่ยนเชินต่อหลิงฮัน ห้ามทุกคนพูดถึงเด็ดขาด
เฮ่อเหลียนหลงยิ้มและมองไปที่หลิงฮันราวกับมองสมบัติ เขาพูดว่า “ไม่เลว เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งและกล้าหาญยิ่งนัก ตอนแรกข้าคิดว่าจะใช้อำนาจข่มเจ้า แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้”
หลิงฮันเก็บของที่ได้มาทั้งหมดและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อตาพูดกับข้าสุภาพแบบนั้นคงไม่คิดจะให้ข้าแบ่งสมบัติให้หรอกใช่ไหม?”
พรวด รุ่นเยาว์หลายคนแทบสำลัก
เผ่ามนุษย์นี่คิดว่าเฮ่อเหลียนหลงจะใช้ประโยชน์จากเขาอย่างนั้นรึ? พวกเขาเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของมหาสมุทรเหนือ ความมั่งคั่งของตระกูลเฮ่อเหลียนไม่จำเป็นต้องพูดถึง ซึ่งมากกว่าตระกูลเซียนหยู่ไม่รู้กี่เท่า
เฮ่อเหลียนหลงพูดว่า “ทำไมจะไม่ ข้าแค่จะเก็บสินสอดจากเจ้า”
“มันคงไม่ดีถ้าพ่อตาพูดแบบนั้น ทั้งที่ท่านเป็นถึงหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรเหนือ หรือว่าท่านกำลังขาดแคลนสมบัติ?” หลิงฮันถาม
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลข้าไม่ได้มีทรัพย์สมบัติเหลือมากนัก ในเมื่อมีโอกาสใครจะไม่คว้า?” เฮ่อเหลียนหลงไม่ยอมแพ้
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ก็ได้ เพื่อประโยชน์ของสวินเสวี่ยน ลูกเขยอย่างข้ายินดีที่จะพูดอย่างเปิดเผยและจริงใจ”
เฮ่อเหลียนหลงจ้องมองหลิงฮันอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “นอกเหนือจากจอมยุทธระดับทลายมิติ ทุกคนออกไปให้หมด!”
ทุกคนรู้สึกงงงวย พวกเขาคุยกันจบแล้ว? เผ่ามนุษย์ทำตัวอวดดีขนาดนั้นแต่กลับไม่ถูกลงโทษ? แต่ในเมื่อราชาได้ออกคำสั่งแล้วใครจะไม่กล้าปฏิบัติตาม? ทันใดนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ทุกคนเดินออกมากห้องโถงด้วยความรวดเร็ว และเหลือแค่จอมยุทธระดับทลายมิติสิบเจ็ดคน
แน่นอนว่าหลิงฮัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวยังอยู่ที่นี่ ซึ่งฮูหนิวไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนนอกอยู่แล้ว เมื่อเห็นเก้าอี้ว่าง นางรีบลงไปนั่งและหยิบเม็ดแตงโมออกมากิน
“เกี่ยวกับการชำระล้าง ข้าอยากฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ” เฮ่อเหลียนหลงกล่าว
หลิงฮันไม่อยากพูดเรื่องการชำระล้างโจ่งแจ้ง สวรรค์นั้นมีหู บางทีพวกเขาอาจกำลังดักฟังคำที่ถูกกำหนดขึ้นอยู่ก็เป็นได้
แต่ว่าเขายังไม่ไว้ใจเฮ่อเหลียนหลงและเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬ ดังนั้นเขาจึงชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้และตัดสินใจที่จะพูดที่นี่ อย่างไรก็ตาม เขาได้เลือกเดินหน้าเพื่อต่อต้านห้านิกายโบราณแล้ว และเชื่อว่าพวกเขาอาจจับใจความได้ไม่มากก็น้อย
หลิงฮันเริ่มพูดข้อความของจื่อเสวี่ยนเซียนอีกรอบ รวมถึงเรื่องของจักรวรรดิจันทราม่วงที่เป็นราชวงศ์ปกครองยุคโบราณมากกว่าสองแสนปีและเป็นผู้ริเริ่มการเปิดสวรรค์ในครั้งนี้
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องของหลิงฮัน จอมยุทธเผ่าใต้สมุทรต่างแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา
จากคำพูดของหลิงฮัน มันฟังดูสมเหตุสมผลและมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นความจริง แต่นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก แท้จริงแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเป้าหมายที่จะหลอมสิ่งมีชีวิตทั้งทวีปฮงเทียนให้กลายเป็นเม็ดยา!
“ไม่แปลกใจเลย หลังจากที่ข้าก้าวเข้าสู่ระดับทลายมิติมากกว่าสองพันปีที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเมื่อใดที่จะขึ้นไปด้านบนจะรู้สึกได้ถึงอันตรายร้ายแรง เขาคิดอยู่เสมอว่าตัวเองมีพลังไม่เพียงพอและไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ แต่ถ้าความจริงเป็นอย่างที่หลิงฮันพูด เช่นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ถ้าเป็นแบบนั้นผู้คนรุ่นก่อนที่ฝ่าขึ้นไปพวกเขาทุกคนตายไปแล้ว?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะต้องเป็นรูปแบบอาคมที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมาก!”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบกับความจริง จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายได้เมื่อพวกเขาพยายามฝ่าขึ้นไป แต่ก่อนพวกเขาคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ แต่ก็มีบางคนสามารถฝ่าขึ้นไปได้ ทว่าคนเหล่านั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
“มีเพียงแค่เปิดสวรรค์เท่านั้นที่เป็นทางออก?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถามหลิงฮัน
“ถ้าพ่อตามีความมั่นใจว่าจะทะลวงฝ่าขึ้นไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ท่านจะลองดูได้ แต่ตามที่ข้ารู้ แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารียังไม่อาจทะลวงฝ่าขึ้นไปได้เลย” หลิงฮันกล่าว
แม้แต่อี้ชวงชวงยังไม่อาจบุกฝ่าเข้าไปได้ แล้วคนอื่นจะไปเหลืออะไร
“ระดับภูผาวารี? นั่นคือระดับพลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์รึ?” ทุกคนรู้สึกสงสัย
หลิงฮันเพียงแค่ถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดจากอี้ชวงชวงให้พวกเขาฟัง แน่นอนว่าเกี่ยวกับระดับพลังในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เขายังไม่พูดเรื่องที่ดินแดนใต้พิภพกำลังต่อสู้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กันมากี่ล้านปีแล้ว
ตั้งแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าขึ้นไปและทำได้แค่เป็นหมูรอโดนเชือด ในฐานะจอมยุทธระดับทลายมิติที่เป็นตัวตนที่สูงที่สุดบนโลก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางนั่งรอความตาย อย่างน้อยการเปิดสวรรค์ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ
พวกเขาเห็นพ้องกันว่าแค่กำลังของตระกูลเฮ่อเหลียนอย่างเดียวคงทำไม่สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจะต้องรวมทุกขุมพลังให้กลายเป็นหนึ่ง
ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องแก้ไขปัญหาความเกลียดชังระหว่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะเป็นผู้นำถ้าพวกเขาร่วมมือกันและเปิดสวรรค์สำเร็จ? แน่นอนว่าคนผู้นั้นจะได้อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล!
– พวกเขาไม่รู้ผลประโยชน์อย่างอื่นจากการเปิดสวรรค์ นอกจากประโยชน์ของพลังแห่งจักรภพที่สามารถยกระดับพลังต่อสู้และความเร็วในการบ่มเพาะพลัง ผลประโยชน์นี่ก็เพียงพอที่จะทำห้คนอื่นรู้สึกอิจฉาแล้ว
หลังจากนั้น เฮ่อเหลียนหลงได้ให้คนในตระกูลที่ไว้ใจได้คนหนึ่งส่งจดหมายส่วนตัวไปที่ตระกูลเซียนหยู่ และพูดถึงความจริงเกี่ยวกับการชำระล้างคร่าวๆ
ตระกูลเซียนหยู่ตอบกลับจดหมายของเขาอย่างรวดเร็วและยินดีที่จะนั่งพูดคุยกัน แต่ขอให้พาหลิงฮันมาด้วย