สังหารเจียหมิง!
ในหมู่รุ่นเยาว์ทั้งห้า ฉือชิ่วเหรินคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด แม้อีกฝ่ายจะถูกพวกเขาทั้งสามลอบโจมตีก็ยังมีโอกาสที่จะตอบโต้ได้ทัน และถ้าหากทั้งห้าคนนั้นร่วมมือกัน การจะสังหารเจียหมิงจะเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
แม้หลิงฮันจะมีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี แล้วครั้งนี้รุ่นเยาว์ทั้งห้าจะไม่เตรียมไพ่ลับใดๆมารึ?
แต่ถึงพวกเขาจะมีไพ่ลับการจะใช้ออกมาก็ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมการ ดังนั้นพวกเขาถึงได้มารอดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ ซึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าหลิงฮันมีสมบัติอย่างหอคอยทมิฬที่สามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้ามาอาศัยอยู่ได้ แถมยังมีขนาดเท่ากันไรฝุ่น ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่พบ
“ลงมือ!” หลิงฮันและหญิงสาวทั้งสองปรากฏตัวออกมานอกหอคอยทมิฬและโจมตีใส่เจียหมิง
“อะไรกัน!”
พวกฉือชิ่วเหรินทั้งห้าคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆพวกหลิงฮันถึงได้ปรากฏตัวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าเช่นนี้แถมยังลอบโจมตีเพื่อสังหารเจียหมิงด้วย
หลิงฮันโจมตีด้วยดาบ ฮูหนิวโจมตีด้วยกรงเล็บ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนโจมตีด้วยหมัดที่ควบแน่นด้วยปราณแห่งสายเลือดมังกร
“คิดจะสังหารข้า? พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ!” เจียหมิงตอบโต้ทันที ในเวลาสั้นๆแค่นี้เข้าไม่อาจใช้งานสมบัติลับได้ทัน เขาไคว้หมัดมาด้านหน้าเพื่อป้องกันและโคจรปราณก่อเกิดเพื่อเสริมแกร่งให้กับร่างกายจนถึงขีดสุด
‘ตูม’ การโจมตีของฮูหนิวรวดเร็วที่สุด บนร่างของเจี่ยหมิงปรากฏรอยเลือดขนาดลึกทันที ถึงแม้เจียหมิงจะมีกายหยาบที่ทนทานเทียบเท่าแร่เหล็กระดับเก้าก็ไร้ความหมาย การโจมตีของฮูหนิวสร้างบาดแผลที่สาหัสให้กับเขา
จากนั้นก็เป็นการโจมตีของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน นางเรียนรู้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาและมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮัน ดังนั้นนางจึงรวดเร็วกว่า ‘ตูม’ เมื่อถูกหมัดโจมตีใส่ เจียหมิงก็กระอัดเลือดออกมาคำใหญ่
แม้จะถูกโจมตีสองครั้งร่างของเจียหมิงยังคงยืนหยัดอยู่กับที่ แสดงให้เห็นว่ากายหยาบของเขาทรงพลังขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด
ในที่สุดก็ถึงคราวการโจมตีของหลิงฮัน ดาบของเขาแทงเข้าใส่ร่างของอีกฝ่าย
“หลิงฮัน เจ้าไม่อาจสังหารข้าได้!” เจียหมิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขารับการโจมตีมาได้สองครั้งแล้ว ตราบใดที่เขารับการโจมตีของหลิงฮันได้อีกครั้ง เขาก็จะรีบไปร่วมมือกับพวกฉือชิ่วเหรินเพื่อจัดการพวกหลิงฮันทั้งสามคนทันที
เจียหมิงยื่นมือออกมาหวังคว้าหยุดดาบของหลิงฮันเอาไว้
มีเพียงแค่เขาที่ฝึกฝนกายหยาบมาถึงระดับนี้เท่านั้นที่จะกล้าทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ใดกันจะกล้าใช้มือเปล่าคว้าจับดาบสังหาร? หากเป็นจอมยุทธคนอื่น แม้ยังไม่ได้สัมผัสกับใบดาบแค่คลื่นพลังที่คมกริบจากดาบก็สามารถเฉือนนิ้วทั้งสิบให้หลุดออกจากมือได้แล้ว
‘ฉัวะ!’
เจียหมิงคว้าใบดาบเอาไว้ แต่ยังไม่ทันทีจะได้ออกแรงหยุดดาบนิ้วทั้งสิบของเขาก็ถูกตัดขาดอย่างง่ายดายราวกับเป็นเต้าหู้และปลายดาบสังหารก็แทงเข้ามาที่หัวใจของเขา ดาบสังหารขึ้นชื่อว่าเป็นดาบที่ทรงพลังอันดับหนึ่งภายใต้สวรรค์ ผู้ที่ถูกแทงจะยังมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
เจียหมิงสำรอกโลหิตออกมาและมองไปยังหลิงฮันด้วยความหวาดกลัว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพลังป้องกันของกายหยาบเขาจะไม่สามารถหยุดดาบของหลิงฮันได้!
หลังจากถูกอำนาจแห่งการทำลายล้างของดาบสังหารทิ่มแทง ร่างของเขาก็กะโผลกกะเผลกและล้มลงที่พื้นทันที
หลิงฮันเอื้อมไปคว้าร่างของเจียหมิงเข้ามาในหอคอยทมิฬ รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องมีอุปกรณ์มิติติดตัวแน่นอน เขาไม่อาจปล่อยให้สมบัติภายในนั้นสูญเปล่า
‘ตูม’ ฉือชิ่วเหรินและรุ่นเยาว์ที่เหลือโจมตีตอบโต้
หลิงฮันหัวเราะและกวัดแกว่งดาบไปด้านหน้าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวเพื่อป้องกัน
‘ปัง’ ทันใดนั้นการโจมตีของหลิงฮันก็ปะทะเข้ากับการโจมตีของทั้งสี่คน เมื่อการแรงปะทะสิ้นสุดทั้งสองฝ่ายก็ล่าถอนกลับไปยืนจุดเดิม รุ่นเยาว์แต่ละคนในกลุ่มสี่คนของฉือชิ่วเหรินถือว่าเป็นอัจฉริยะทุกคน พวกเขามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับสวรรค์ด้วยกัน
“เจ้าบังอาจสังหารเจียหมิง!” ตงหลิงเอ๋อคำราม แววตาอันงดงามของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ
หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนซุ่มโจมตีข้าก่อนรึ?”
บุตรแห่งสายฟ้าขมวดคิ้ว “พวกเจ้าหลบหนีสัมผัสสวรรค์ของพวกข้าได้อย่างไร?”
เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ถ้าหากแค่คนเดียวก็คงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่นี่มีถึงสามคนที่หลบหนีจากสัมผัสสวรรค์ของพวกเขาได้จนเจียหมิงต้องถูกลอบสังหารและเสียชีวิต
ถ้าพวกเขาไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ถ้าหากหลิงฮันลอบสังหารพวกเขาอีกรอบพวกเขาจะทำอย่างไร?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?”
บุตรแห่งสายฟ้าเค้นเสียงไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหลิงฮันย่อมไปบอกความลับของตนเองแน่
“เจ้าบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้ว?” ฉือชิ่วเหรินถาม “เมื่อครู่ข้าใช้แก่นแท้แห่งกระบี่กดดันเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบเจ้าคงได้รับผลกระทบจากมันไปแล้ว!”
หลิงฮันอดยิ้มไม่ได้ “ไม่ใช่ว่าแก่นแท้แก่งกระบี่ของเจ้าอ่อนแอเกินไปจนไม่ได้ผลหรอกรึ?”
ใบหน้าของฉือชิ่วเหรินเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆและลงความเห็นในใจว่าหลิงฮันต้องบรรลุแก่นแท้แห่งดาบแล้วแน่นอน ในขณะเดียวกันเขาก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน ต้องรู้ก่อนว่าที่เขาสามารถบรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่ได้ในช่วงอายุยี่สิบปีนั้นเป็นเพราะเขาได้สัมผัสกับดาบไร้เทียมทานที่เป็นสมบัติตกทอดขของนิกายทุกวันมาตั้งแต่จำความได้
แต่หลิงฮันไม่มีตัวช่วยเช่นนั้นแต่กลับสามารถบรรลุแก่นแท้แห่งดาบได้ในช่วงอายุใกล้ๆกับเขา แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นน่ากลัวขนาดไหน
แววตาของราชันดาบน้อยกลายเป็นคมคริบก่อนที่จะกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าครอบครองสมบัติมิติระดับศักดิ์สิทธิ์!”
“ว่าไงนะ!” ฉือชิ่วเหรินและคนอื่นๆอุทานออกมาพร้อมกัน
สมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ยังหาได้ยาก อุปกรณ์มิติที่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตได้นั้นมีเพียงตัวตนระดับสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ สมบัติเช่นนั้นทุกชิ้นที่ปรากฏย่อมก่อให้เกิดสงครามเพื่อแย่งชิง
แม้แต่นิกายโบราณทั้งห้าที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีสมบัติเช่นนั้น ถ้างั้นแล้วมันมาปรากฏขึ้นที่โลกใบเล็กแห่งนี้ได้อย่างไร?
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!” รุ่นเยาว์คนอื่นก็เชื่อเช่นนั้นอุปกรณ์มิติอย่างอื่นเช่นแหวนมิตินั้นไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ ดังนั้นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นคำตอบเดียวที่จะอธิบายสถานการณ์ได้
แววตาของทั้งสี่คนกลายเป็นเร่าร้อนทันที พวกเขาจ้องมายังหลิงฮันราวกับกำลังจ้องมองสมบัติล้ำค่า