“จากการสำรวจในหลายร้อยปีที่ผ่านมา ต้นไม้ยักษ์นี้คงจะเป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามังกร” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
กระดูกสันหลังคือส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับเผ่ามนุษย์และสัตว์อสูร มันสำคัญยิ่งกว่าหัวกระโหลกเสียอีก ถ้าต้นไม้ต้นนี้เป็นกระดูกสันหลังของเผ่ามังกรจริงๆก็ไม่น่าแปลกใจที่มันจะมีความสูงเสียดฟ้าขนาดนี้
“มันไม่หลงเหลืออำนาจของมังกรแล้ว” หลิงฮันใช้มือสัมผัสกับต้นไม้ยักษ์ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าต้นไม้ต้นนี้อยู่มากี่ร้อยกี่พันปีแล้ว แต่มันก็ไม่มีกลิ่นอายของจอมยุทธที่ทรงพลังเหลืออีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นถ้าหากส่วนสำคัญอย่างกระดูกสันหลังมีอำนาจหลงเหลืออยู่จริงๆ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าก็ต้องเข่าอ่อน
“อย่าประมาท ถึงแม้มันจะไม่มีอำนาจของมังกรเหลือแล้ว แต่การที่มันสามารถมีชีวิตมาจนถึงขั้นนี้ได้ แรงกดดันที่มันสามารถปลดปล่อยออกมาได้จะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวเตือน
ดูเหมือนว่าคำพูดของนางจะศักดิ์สิทธิ์ ‘ตุบ’ ทันทีที่นางพูดจบก็มีร่างของคนผู้หนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า ร่างนั้นคือเผ่าใต้สมุทร แม้จะไม่มีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลหลิวจางที่มีชื่อเสียงด้านพลังป้องกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องมาเสียชีวิตที่นี่
“อ้ากก!” ใครบางคนตกลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้คนผู้นี้ไม่ตายแต่กระดูกของเขาก็แตกหักไปกว่าครึ่งร่าง โลหิตของเขาไหลทะลักออกมาจนร่างถูกย้อมเป็นสีแดง
เขาพยายมลุกขึ้นยืนโดยใช้ปราณก่อเกิดฝืนขยับกระดูกที่แตกหักและนำเม็ดยาออกมากิน จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูบาดแผล
ต้นไม้ขนาดมหึมาต้นๆนี้ในทุกๆชั่วขณะจะมีผู้คนร่วงลงมา
“เจ้าต้องการเข้าไปในหอคอยทมิฬรึไม่?” หลิงฮันถามเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
“ฮึ เจ้าดูถูกข้า?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวอย่างไม่พอใจ นางคือสุดยอดอัจฉริยะของมหาสมุทรทางเหนือ แถมพลังบ่มเพาะของนางในตอนนี้ก็เหนือกว่าหลิงฮันด้วย
หลิงฮันยกมือปฏิเสธและยิ้ม “ข้าจะไปคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าแค่ต้องการให้เจ้าพักผ่อนเท่านั้น”
“ไม่จำเป็น!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเริ่มปีนต้นไม้ทันที แถมความเร็วในการปีนของนางยังรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางปีนไปได้หนึ่งร้อยฟุต ความเร็วของนางก็เริ่มลดลง
“ฮูหนิว พวกเราก็ปีนกันเถอะ”
“อืม!” ฮูหนิวพยักหน้าและเริ่มปีนกับหลิงฮัน
เมื่อผ่านพ้นช่วงหนึ่งร้อยฟุตไป ต้นไม้ยักษ์ก็เริ่มปลดปล่อยแรงกดดันออกมา เนื่องจากทุกคนไม่สามารถลอยตัวที่นี่ได้การปีนจึงเป็นหนทางเดียว พวกเขาต้องจับต้นไม้เอาไว้ให้แน่นและต่อสู้กับแรงกดดันตลอดเวลา
หลิงฮันและฮูหนิวไม่แยแสแสต่อแรงกดดันที่กดดันเข้าใส่ ร่างของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและปีนขึ้นต้นไม้ด้วยความเร็วสูงราวกับฟ้าผ่า
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็ไม่เชื่องช้าไปกว่ากัน ไม่ใช่แค่นางได้เรียนรู้ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา แต่นางยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉือชิ่วเหรินอีกด้วย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ปีนผ่านผู้คนมากมาย แต่ความเร็วพวกหลิงฮันสามคนเริ่มค่อยๆช้าลง ตอนนี้พวกเขาปีนขึ้นมาได้สองในสามส่วนของต้นไม้ยักษ์แล้ว แรงกดดันจากเผ่ามังกรที่พวกเขาได้รับนั้นเริ่มรุนแรงขึ้นจนทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างก็เหงื่อออก
มีแค่ฮูหนิวเท่านั้นที่เหมือนไม่รู้สึกอะไร นางปีนขึ้นสูงขึ้นๆและเร่งหลิงฮันให้ปีนไวๆ
ความเร็วของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังคงลดลงเรื่อยๆ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็ปีนมาถึงยอดของต้นไม้ยักษ์และเข้าไปยังชั้นสามของถ้ำมังกรผี
สภาพแวดล้อมที่นี่แตกต่างออกไป พื้นที่โดยรอบในชั้นนี้ถูกล้อมรอบโดยภูเขาและก้อนหิน เพียงแต่ก้อนหินแต่ละก้อนนั้นเป็นสีแดงโลหิต ทำไมชั้นสามแห่งนี้ดูเหมือนกับทะเลหินเพลิง
สีแดงคือสีเดียวที่มองเห็นในชั้นนี้
“หญ้ามังกรโลหิตนั้นสามารถเกิดขึ้นที่บริเวณรอยแยกของหินได้เช่นกัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว ถึงแม้พวกเขาจะเก็บเกี่ยวได้มากกว่าหนึ่งร้อยต้นแล้ว และมีแก่นต้นไม้โลหิตมากมาย พวกเขาก็ยังต้องการสมบัติเพิ่มขึ้นอีก
หลิงฮันพยักหน้าและทั้งสามคนก็ออกเดินทางต่อ แต่ครั้งนี้พวกเขาให้ความสนใจไปยังเขี้ยวมังกรที่แท้จริงเป็นหลัก เขี้ยวมังกรที่แท้จริงคือสมบัติที่ล้ำค่าทีท่สุดในถ้ำแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาโดยสูญเปล่า ไม่เช่นนั้นหากถ้ำมังกรผีถึงเวลาปิดตัวลง พวกเขาจะต้องรออีกเป็นเวลาถึงห้าร้อยปี
ในขณะเดินทางพวกเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะหลิงฮันใช้งานเนตรแห่งสัจธรรม เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆได้อย่างชัดเจนทำให้การเก็บเกี่ยวของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องเร่งความเร็วในการเดินทาง ทุกๆครั้งที่ถ้ำมังกรผีเปิดออกจะมีเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ำมาห้าวันแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเวลาเพียงประมาณสิบวันเท่านั้น
“ด้านหน้ามีเจ้าตัวใหญ่อยู่!” หลิงฮันจ้องมองด้วยสายตาที่หรี่ลง เขาใช้เนตรแห่งสัจธรรมมานานหลายวันแล้วตั้งแต่เข้าถ้ำมา ทำให้ตอนนี้ตาของเขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
“หรือนั่นจะเป็นมารวานร?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของหลิงฮันนางก็เริ่มอธิบาย “ชั้นสามแห่งนี้จะถูกปกครองโดยสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างเหมือนลิง จากการตรวจสอบดูเหมือนว่ามันจะเป็นปรสิตจำพวกเห็บที่อยู่ตามร่างของเผ่ามังกร และพัฒนาตนเองโดยการดูดเลือดของมังกร”
หลิงฮันตกตะลึงและกล่าว “มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังถึงขนาดดูดเลือดของมังกรได้ด้วย?”
“แน่นอน ในช่วงหลายร้อยปีมานี้โลหิตของเผ่ามังกรเริ่มเสื่อมโทรม การที่ปรสิตเช่นนั้นจะดูดกลืนได้ก็เป็นเรื่องปกติ” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
“เห็บที่สามารถดูดซับโลหิตของมังกรจนร่างของมันขยายใหญ่ถึงขนาดสิบฟุตนั้นช่างแปลกประหลาดจริงๆ” หลิงฮันยิ้ม “แต่เจ้าเห็บยักษ์นั่นกำลังนั่งอยู่นิ่งๆโดยไม่เคลื่อนที่เลย ราวกับว่ามันกำลังคุ้มครองสมบัติบางอย่างอยู่ บางที่นั่นอาจจะเป็นหญ้าโลหิตมังกรอีกต้นก็ได้”
“ไปดูกันเถอะ”
พวกเขาเดินหน้าตรงไป ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มองเห็นอสูรร่างแดงขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า แม้มันจะเหมือนลิงแต่แขนของมันกลับมีหกข้างและมีรูปร่างเหมือนเห็บอยู่บ้าง ด้านล่างของสัตว์อสูรตนนี้มีหินสีแดนขนาดใหญ่วางอยู่ สีของมันนั้นเข้มข้นกว่าก้อนอื่นๆมาก
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น “นั่นมันศิลาโลหิตมังกร?”