ศิลาโลหิตมังกรเกิดขึ้นจากโลหิตมังกร ศิลาโลหิตมังกรที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นนั้นสามารถเทียบได้กับหญ้าโลหิตมังกรสามใบ นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก
ดังนั้นทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เห็บยักษ์ที่เฝ้าอยู่เป็นระดับทลายมิติ แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากมันนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ทำให้ผิวของหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปริแตกเมื่อเข้าใกล้มัน
การที่มันสามารถทำให้กายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับเก้าได้ได้รับความเสียหายได้ แสดงให้เห็นว่าเจ้าเห็บยักษ์นี่แข็งแกร่งแค่ไหน
บางทีมันอาจมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบดาว สิบสองดาว หรือแม้กระทั่งสิบสามดาว
หลิงฮันมีความรู้สึกว่าเจ้าเห็บยักษ์ตัวนี้อาจมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันซากศพสิบห้าตา หรือแม้แต่แมงมุมยักษ์สีเงินในพื้นที่เหมืองโบราณของแคว้นอัคคี แม้เขาจะใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีต่อกรกับมัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์และคงอยู่ได้ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
แล้วเขาจะจัดการมันได้อย่างไร?
ทั้งที่มีสมบัติอยู่วางตรงหน้า แต่เขาทำได้แค่จ้องมองอย่างนั้นหรือ?
“จัดการมันเลย!” ฮูหนิวดึงแขนของหลิงฮันและเดินไปข้างหน้า นางเป็นเหมือนกับลูกวัวแรกเกิดที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความหวาดกลัว
หลิงฮันหยุดฮูหนิวและพูดว่า “ไม่ มันแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่สามารถจัดการมันได้ หากผลีผลามเข้าไปจะมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่”
“แต่หนิวไม่กลัวนิ!” ฮูหนิวกล่าว
เด็กสาวตัวน้อยคนนี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว และไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดัน แม้กระทั่งพิษ ไฟ น้ำแข็ง ทุกอย่างล้วนไม่มีผลต่อนาง แต่ปัญหาในตอนนี้คือ ฮูหนิวไม่มีหอคอยทมิฬ แล้วจะเก็บศิลาโลหิตมังกรที่มีขนาดใหญ่แบบนั้นได้อย่างไร?
“ถ้างั้นหนิวจะไปเอามันมาให้เอง!” ฮูหนิวกล่าวอาสา
หลิงฮันส่ายหัว “ไม่ได้ อย่างน้อยมันก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันซากศพสิบห้าตา และอาจเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในถ้ำมังกรผีแห่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่ให้เจ้าเข้าไปเอาศิลาโลหิตมังกร”
“หลิงฮันอย่ามาดูถูกหนิวนะ!” ฮูหนิวไม่เชื่อฟังและเคลื่อนที่ไปมา “ความเร็วของหนิวนั้นรวดเร็วที่สุดแล้ว!”
เปรี๊ยง ฮูหนิวกลายเป็นสายฟ้า และในพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่ในระยะไกล และอีกแวบหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ในที่ที่ไกลออกไปอีก
ทั้งหลิงฮันและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ความเร็วนั้นมันเหนือกว่าพวกเขามาก และช่วยไม่ได้ที่มุมปากของพวกเขาจะกระตุก แม้จะเรียนรู้ทักษะอัสนีเก้าทิวาเหมือนกัน แต่ทำไมความเร็วของพวกเขากลับช้ากว่าฮูหนิวมาก?
“หนิวเป็นอัจฉริยะ!” ฮูหนิวหันหน้ากลับมาและพูดด้วยความภาคภูมิใจ
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “เจ้ารวดเร็วกกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติมาก!”
“ถ้างั้นหนิวไปละนะ!” ฮูหนิวไม่หวาดกลัวและพุ่งเข้าหาราชันเห็บยักษ์
หลิงฮันขบคิดอีกครั้งและพูดว่า “เมื่อเจ้าอยู่ใกล้เจ้าตัวใหญ่จะเจอศิลาโลหิตมังกรอยู่ด้านหน้ามัน เจ้าจงล่อมันออกมา”
“อืม!” ฮูหนิวพยักหน้าและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและหยุดอยู่ตรงหน้าราชันเห็บยักษ์ แล้วพูดประกาศเสียงดังว่า “เจ้าตัวเหม็น แน่จริงก็จับหนิวให้ได้สิ!”
ราชันเห็บยักษ์หันไปเหลือบมองอย่างเฉยเมยก่อนที่จะหันหน้าหนี ราวกับว่ามันกำลังนอนหลับอยู่และขี้เกียจเกินไปที่จะให้ความสนใจมดปลวกตัวนี้
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮูหนิวรู้สึกโกรธที่มันกล้าเมินหนิวผู้ที่น่ารักคนนี้ นางเลยยกหินสีแดงก้อนใหญ่ขึ้นมา ทำให้ร่างของนางถูกบังมิด และโยนเข้าหามัน เปรี๊ยง หินสีแดงก้อนใหญ่เป็นเหมือนกับเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่และยิงใส่ราชันเห็บยักษ์
ตู้ม!
โดยที่หินยังไม่ถึงตัวมัน แต่แรงกดดันของราชันเห็บยักษ์ก็ทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ
ในที่สุดดวงตาของมันก็เผยให้เห็นความหงุดหงิด ช่วยไม่ได้ที่มันจะยกตัวขึ้นมาและดูผลงาน แต่ในไม่ช้ามันก็รู้สึกผิดหวังที่เห็นว่าแรงกดดันของมันไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
แต่ว่ามันขี้เกียจอย่างแท้จริงและหลับไปอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นแค่มดที่มันขี้เกียจเกินไปที่จะให้ความสนใจ
อีกครั้ง ฮูหนิวยกก้อนหินขึ้นมาและโยนใส่มันอีกครั้ง แต่อย่าได้ดูถูกแรงกดดันของราชันเห็บยักษ์ที่ทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆได้เชียว ทว่าการโจมตีครั้งนี้แฝงด้วยพลังของอัสนีเก้าทิวา แม้แต่ราชันเห็บยักษ์ยังรู้สึกคันเล็กน้อย
แม้จะห่างไกลที่จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ในที่สุดหลังจากที่มันถูกฮูหนิวโจมตีหลายสิบครั้ง ราชันเห็บยักษ์ก็รู้สึกโกรธ
มันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาและคลื่นเสียงก็แผ่กระจายไปเป็นวงกว้างในทุกทิศทุกทาง ตู้ม ก้อนหินรอบตัวมันแตกเป็นเสี่ยงๆทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่มีทางทำร้ายหนิวได้หรอก เจ้าแมลงตัวใหญ่!” ฮูหนิวทำหน้าล้อเลียนและรีบเผ่นหนีทันที
ในที่สุดราชันเห็บยักษ์ก็ลุกขึ้นยืนและไล่ตามฮูหนิวไป
หลิงฮันรีบใช้โอกาสนี้เข้าไปเก็บศิลาโลหิตมังกรทันที ซึ่งเขาไม่รู้ว่าราชันเห็บยักษ์อยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ กลิ่นอายของมันทำให้อากาศที่นี่เป็นเหมือนกับมีด และฉีกผิวหนังของเขา
“หลิงฮัน!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบเข้าไปหาหลิงฮันและพยายามดึงตัวเขาออกไป
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬก่อน ข้าจะไปคนเดียว”
“แต่ว่า-” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ
“ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องให้นมลูกแล้ว” หลิงฮันคว้าตัวเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและส่งนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันเรียกใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สามารถต่อกรกับราชันเห็บยักษ์ได้ แต่มันไม่น่าใช่ปัญหาที่มันจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่หลงเหลืออยู่ของราชันเห็บยักษ์
มังกรเหมันตร์ปรากฏตัวออกมาอยู่ เขาให้มันเดินนำหน้าเพื่อต้านทานแรงกดดัน แต่แล้วเขาก็พบว่ามันไม่สามารถบั่นทอดแรงกดดันได้
บัดซบ!
หลิงฮันหยุดพึ่งพามันและเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง แคร๊ก ผิวหน้าของเขาปริแตกและมีโลหิตพุ่งออกมาภายใต้แรงกดดัน เขาจึงรีบโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ทันที
หลิงฮันยังคงเดินไปข้างหน้า แต่แรงกดดันเบื้องหน้ามันรุนแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หลังจากที่เดินไปได้สักพัก กระดูกของเขาเริ่มส่งเสียงแตกหัก ราวกับว่าพวกมันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
นี่ถือเป็นการทดสอบที่ดี!
หลิงฮันพูดอยู่ในใจ เขาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส – ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ เขาอาจจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบมากยิ่งขึ้น
แก่นแท้แห่งดาบเทียบได้กับระดับทลายมิติ และตราบใดที่เขาสามารถสร้างแก่นแท้แห่งดาบได้การต่อกรกับแรงกดดันของระดับทลายมิติก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที
เขาก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว และกระอักโลหิตออกมาทุกก้าว แต่ดวงตาของเขายังคงเปล่งประกาย ราวกับว่าจะมีบางอย่างภายในร่างกายของเขากำลังตื่นขึ้นมา