“ข้าเบื่อที่จะคุยไร้สาระกับเจ้าแล้ว!” หลิงฮันกำหมัดและต่อยออกไปด้วยมือขวาใส่ฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่คน ทันใดนั้นแสงสีทองเปล่งประกายไปทุกที่ นี่คือทักษะผนึกพลิกปฐพี ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์!
เจ้าเห็บยักษ์อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจะต้องไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
นั่นเป็นเพราะ แม้เขาจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบแล้ว ซึ่งสามารถเผชิญหน้ากับแรงกดดันระดับทลายมิติได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีอยู่ของราชันเห็บยักษ์ที่บางทีแม้กระทั่งราชินีหยินก็อาจรับมือกับมันไม่ได้
“เจ้ากล้า!” โม่หยวนหมิงและคนอื่นกลายเป็นเย็นชา เผ่ามนุษย์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวากล้าที่จะโจมตีพวกเขา?
พวกเขาระดมอาวุธทั้งหมดและโจมตีใส่หลิงฮัน
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะถอนหายใจออกมา ผู้ที่บรรลุแก่นแท้แห่งดาบสามารถกลายเป็นตัวตนที่ปกครองโลกได้ ดังนั้นผู้คนที่ถูกเรียกว่า ราชันดาบ ราชันกระบี่และราชันนักสู้ต่างเข้าใจแก่นแท้ของตัวเอง
เขาเหยียดมือซ้ายออกไปและกำมือ ทันใดนั้น อาวุธของพวกโม่หยวนมิ่งสองคนสั่นไหวไปมา ราวกับว่าพวกมันหลุดการควบคุมและบินเข้าไปหาหลิงฮัน
พวกของโม่หยวนหมิงทั้งหมดต่างตกตะลึง มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาก้าวถอยหลังและจับอาวุธของพวกเขาแน่นเกรงว่ามันจะหลุดจากมือ
หลิงฮันอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขาเพิ่งจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ มันเลยยังไม่แข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นอาวุธของพวกมันทั้งหมดคงจะลอยเข้ามาหาเขาหมดแล้ว
“นี่มันแก่นแท้แห่งดาบ!” โม่เชิ่งซินพูดเสียงแผ่วเบา แต่สีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
“อะไรนะ แก่นแท้แห่งดาบอย่างนั้นรึ?”
“เป็นไปไม่ได้ เผ่ามนุษย์นี่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แล้วเขาจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบได้ยังไงกัน?”
“อำนาจพลังนั่นแม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติยังไม่เข้าใจ แล้วเผ่ามนุษย์นี่จะเข้าใจยังไง!”
พวกของโม่หยวนหมิงสองคนไม่อาจทำใจเชื่อได้ ในความคิดของพวกเขา แก่นแท้แห่งวิถียุทธเป็นอำนาจพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ แม้กระทั่งจอมยุทธระดับทลายมิติบางคนยังไม่อาจทำความเข้าใจมันได้
สีหน้าของโม่เชิ่งซินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “พวกเจ้ายังจำฉือชิ่วเหรินและจางโม๋ได้หรือไม่?”
“แน่นอนข้าจำได้” พวกเขาโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนพยักหน้า พวกเขาเป็นแขกส่วนตัวของจักรพรรดิ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเผ่ามนุษย์ที่ต่ำต้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูก
“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ และอยู่ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเผ่ามนุษย์คนนี้” โม่เชิ่งซินกล่าว
“ว..ว่าไงนะ!” พวกโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนรู้สึกตะตึลง
เผ่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยจริงๆหรือ? ทั้งสามคนยังไม่มีใครบรรลุระดับทลายมิติเลย แต่พวกเขากลับเข้าใจอำนาจพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติที่แม้แต่บางคนก็ยังทำความเข้าใจไม่ได้
โม่เชิ่งซินถอนหายใจอยู่ด้านใน เผ่าใต้สมุทรมีความสามารถในการฝึกฝนบ่มเพาะพลังเหนือกว่าเผ่ามนุษย์ ด้วยสายเลือดมังกร ทำให้มีกายหยาบที่แข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ อาจกล่าวได้ว่าความเข้าใจในวิถียุทธประสบความสำเร็จมากกว่ามนุษย์อย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่าเขาทิ้งความรู้สึกพวกนั้นออกไปทันทีและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง ฆ่าเผ่ามนุษย์คนนี้ซะและเอาศิลาโลหิตมังกรมาให้ได้!”
“ขอรับ!” พวกโม่หยวนหมิงตะโกนพร้อมเพรียงกันและหลิงฮันถูกล้อมรอบอีกครั้ง
หลิงฮันยกมือซ้ายขึ้นมา ตอนนี้เขาสนใจอำนาจพลังของแก่นแท้แห่งดาบมาก ทำให้เขาอยากจะฝึกฝนมันดูเพื่อเข้าใจอำนาจพลังแก่นแท้แห่งดาบให้ได้มากยิ่งขึ้น
“ถึงแม้เจ้าจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ แต่ยังไงเจ้าก็ยังเป็นแค่เผ่ามนุษย์และจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา” โม่หยวนหมิงเริ่มเปิดฉากโจมตีใส่หลิงฮันเป็นครั้งที่สอง
หลิงฮันใช้อำนาจพลังแก่นแท้แห่งดาบอีกครั้ง ครั้งนี้มันทรงอำนาจกว่าครั้งก่อน ทำให้อาวุธของพวกโม่หยวนหมิงที่อยู่ในมือราวกับเป็นกบฎและไม่มีอำนาจที่จะต่อต้าน
พวกของโม่หยวนหมิงต่างก็รู้สึกตกตะลึง
ถ้าหลิงฮันเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติก็ว่าไปอย่าง แต่อีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น ทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศที่ไม่อายต่อกรด้วยได้
“ย๊าก!” พวกเขาเริ่มบ้าคลั่ง ทั้งที่อีกฝ่ายปล่อยให้พวกเขาโจมตี แต่พวกเขากลับไม่สามารถสัมผัสอีกฝ่ายได้เลย นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายแค่ไหน?
แก่นแท้แห่งดาบทรงพลังขนาดนั้นเลยรึ?
หลิงฮันเริ่มหมดความสนใจ คนพวกนี้อ่อนแอเกินไป เพื่อที่จะทำให้เขาพัฒนาแก่นแท้แห่งดาบได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นใช้คนพวกนี้เป็นหินลับคมคงจะไร้ประโยชน์ หากเผชิญหน้ากับฉือชิ่วเหรินและจักรพรรดิกระบี่น้อยผู้ที่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและกระบี่มาลับคมแก่นแท้แห่งดาบของข้ามันน่าจะพัฒนาได้ไวกว่า
หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยมือขวาด้วยทักษะผนึกพลิกปฐพีทำให้เกิดแสงสีทองสาดส่องไปทั่ว ตู้ม พวกของโม่หยวนหมิงปลิวออกไปเพราะการโจมตีของเขา
“แฮ่ก!” พวกของโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนต่างกระอักเลือดออกมา พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการโจมตีของหลิงฮํน
“ไร้ประโยชน์!” โม่เชิ่งซินกล่าวอย่างเย็นชาและแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
แม้แต่เผ่ามนุษย์ที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็ยังไม่สามารถจัดการได้ ถ้าไม่เรียกว่าไร้ประโยชน์ แล้วจะเรียกว่าอะไรได้?
หลิงฮันเหลือบมองโม่เชิ่งซินและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะไม่ใช่คนไร้ประโยชน์เหมือนพวกเขาสินะ”
“แน่นอนข้าไม่ได้เป็นคนไร้ประโยชน์!” โม่เชิ่งซินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เช่นนั้นหรือ? แต่มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินได้ด้วยคำพูด” หลิงฮันกระดิกนิ้ว “เข้ามา ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเองว่าแท้จริงแล้วเจ้าก็เป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนกัน”
“โอ้ว เจ้าคิดว่าจะสั่งสอนข้าได้อย่างนั้นรึ?” มือของโม่เชิ่งซินกำลังสั่นไปมา และกลายเป็นกรงเล็บมังกร “แม้เจ้าจะเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและสามารถปกครองโลกได้ แต่อาวุธของข้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงร่างกายของข้า เจ้าสามารถทำให้มันหลุดการควบคุมไปจากข้าได้ไหมล่ะ?”
หลิงฮันมองไปที่ฝ่ายตรงข้ามและพูดว่า “เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?”
“แน่นอน ข้าเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลโม่แห่งทะเลตะวันตก ตอนนี้ข้าอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น และบรรลุระดับสวรรค์ขั้นเก้าแล้ว และอีกเพียงแค่ก้าวเดียวข้าก็จะบรรลุระดับทลายมิติ” โม่เชิ่งซินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็แค่พึ่งพาสายโลหิตของเจ้า และมันจะทำให้เจ้าถูกจัดการด้วยสายโลหิต เส้นทางของเจ้าจะถูกผูกมัดและไม่อาจบรรลุความสำเร็จของตัวเองได้”
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว!” โม่เชิงซินกระโจนออกไปและพุ่งเข้าหาหลิงฮัน แล้วโจมตีออกไปด้วยกรงเล็บมังกรมือขวา
ด้วยกรงเล็บมังกรที่แหลมคม แม้กายหยาบของหลิงฮันจะแข็งแกร่ง แต่เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
หลิงฮันเอื้อมมือออกไปและจับกรงเล็บมังกร
“อวดดี!”
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
นี่เขาคิดว่ากรงเล็บมังกรคืออะไรกัน ถึงกล้ารับมันโดยตรง นี่เขาสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรือยังไง!
ตู้ม!
หลิงฮันคว้ากรงเล็บมังกร และแขนข้างซ้ายเปล่งแสงสีทองเลือนลาง ซึ่งเป็นกายาเพชร
ดึงไม่ออก มันแน่นมาก!
เป็นไปได้ยังไงกัน!
ดวงตาของพวกโม่หยวนหมิงทั้งสี่คนแทบจะหลุดออกจากเบ้า นี่เป็นไปได้ยังไงกัน? เผ่ามนุษย์สามารถรับกรงเล็บมังกรได้ด้วยมือเปล่า มันเป็นไปได้ยังไงกัน!