หลิงฮันยกมือขึ้นมาคำนับและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่ การที่ท่านเดินทางมาที่นี่คงจะเหน็ดเหนื่อยมาก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะที่มีเสน่ห์ดังออกมาจากรถม้า ซึ่งทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนกับมีมือเล็กๆนับไม่ถ้วนจับ
“ปีศาจเจ้าเสน่ห์!” อี้ชวงชวงและฮูหนิวกล่าวพร้อมกัน
ม้าตูรถม้าเปิดออกและมีหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา ในแง่ของภาพลักษณ์ อี้ชวงชวงงดงามพอกับนาง แต่ถ้าพูดถึงเสนห์นางกลับเป็นฝ่ายถูกบดบัง
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อทำให้โลกเกิดความโกลาหลอย่างแท้จริง
ใช่แล้วนางคือราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่
“โอ้ว น้องชายตัวเล็ก!” ราชินีหยินกล่าวทักทาย แล้วยืนเท้าเอวอยู่ในท่าทางที่เย้ายวนดึงดูดผู้คน ทำให้สีหน้าของพวกเขาเริ่มลุ่มหลง “ข้างดงามและเยาว์วัยขึ้นหรือไม่?”
หลิงฮันเคยรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง ในตอนนั้นเขายังเป็นคนโง่เขลาที่ไม่รู้อะไรเลย เขาใช้เวลานับหมื่นปีกว่าจะรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์นั้นรักเขา แต่หลังจากที่เขาอยู่กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าเขาเริ่มที่จะอยู่เป็น
“ราชินีหยินท่านช่างงดงามและเยาว์วัยยิ่งนัก!” หลิงฮันกล่าวยกย่อง
ราชินีหยินเคยต่อสู้เพื่อปกป้องเขา ดังนั้นเขาจะต้องตามใจนาง
ใบหน้าของราชินีหยินปรากฏรอยยิ้มทันที แล้วหันไปมองอี้ชวงชวงพร้อมกับพูดว่า “ข้าควรเรียกพี่สาวคนนี้ว่าอะไรดี?”
“อย่าได้เรียกข้าว่าพี่สาว!” สีหน้าของอี้ชวงชวงแข็งทื่อทันทีและพูดว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีอายุมากกว่าข้าคนนี้!”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? ข้าดูที่ผิวของเจ้าก็รู้แล้ว เจ้าจะต้องมีอายุมากกว่าข้าอย่างน้อยหนึ่งหมื่นปีอย่างแน่นอน!” ราชินีหยินกล้าที่จะพูดแบบนั้นออกมา
เส้นเลือดบนหน้าผากของอี้ชวงชวงเริ่มปูดบวม แต่นางยังคงยิ้มออกมาและพูดว่า “จะว่าไปข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกฝั่งมานานกว่าสองแสนปี โอ้ว นั่นมันมากกว่าข้าซะอีก เจ้านั่นแหละพี่สาว ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่พี่สาวสิ คงจะต้องเรียกเจ้าว่ายัยแก่!”
ราชินีหยินยังคงยิ้มและพูดว่า “ข้าแค่นอนลับไปชั่วครู่ ระหว่างที่ถูกฝั่งกระแสของเวลานั้นเดินช้าลง อย่างมากที่สุดข้าหลับไปแค่สองสามปีเท่านั้น เจ้านั้นแหละพี่สาว!”
“พี่สาว!
“เจ้านั้นแหละพี่สาว!”
หญิงสาวทั้งสองคนยังคงถกเถียงกันอย่างไม่ยอมแพ้
หลิงฮันไม่อาจทำความเข้าใจได้ เพียงแค่คำว่าพี่สาวมันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น?
ฮูหนิวรู้สึกตื่นเต้นและพูดกระซิบว่า “สู้กันเลย ฆ่ากันเลย!”
หลิงฮันพูดแนะนำ “ราชินีหยิน ท่านคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล พวกเรามานั่งดื่มชากันก่อนเถิด!”
“ไม่!” ในขณะนั้น หญิงสาวทั้งสองคนส่งเสียงคำรามพร้อมกัน และทำให้หลิงฮันปลิวกระเด็นไปไกลกว่าหลายร้อยไมล์
“เข้ามาเลย ข้าผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าเองว่าอะไรคือความแข็งแกร่ง”
“ฮิฮิฮิ ราชินีอย่างข้าก็ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน!”
หญิงสาวทั้งสองคนถอยห่างจากเมืองและเริ่มการต่อสู้ครั้งใหญ่
ดูเหมือนว่าพวกนางทั้งสองคนไม่ลงรอยกันอย่างสมบูรณ์ แม้พวกนางจะหลีกเลี่ยงการทำลายเมืองจักรพรรดิที่อยู่ด้านล่าง แต่กลับต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนท้องฟ้า
หญิงสาวทั้งสองคนปะทะกัน และต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยการโจมตีที่รวดเร็วและน่าสะพรึงกลัวออกมา
ดวงตาของหลิงฮันเปล่งประกาย นี่คือการต่อสู้ของจอมยุทธระดับทลายมิติ ในทางตรงกันข้าม การต่อสู้กับราชันอสรพิษเพลิงนั้นเหมือนเด็กเล่นกันไปเลย
“พลังต่อสู้ของพวกนางน่าจะอยู่ที่สิบห้าดาว ซึ่งเทียบเท่ากับราชันซากศพสิบห้าตาและแมงมุมยักษ์สีเงิน ทั้งที่พลังต่อสู้ของพวกนางมากกว่าราชันอสรพิษมารแค่สามดาวเท่านั้น! ข้านึกภาพไม่ออกเลยถ้าเป็นพลังต่อสู้ระดับยี่สิบดาวจะน่าหวาดกลัวแค่ไหน!”
หลิงฮันพูดพึมพัม ในเมื่อมีจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้ยี่สิบดาวคนแรก ทำไมคนที่สองหรือคนที่สามถึงไม่ปรากฏตัวออกมา? หรือว่าพวกห้านิกายโบราณยังปกปิดการดำรงอยู่ของพวกเขาไว้อยู่
ข้าหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ท้องฟ้ากลายเป็นเงียบสงบอย่างกะทันหัน ร่างของราชินีหยินและอี้ชวงชวงตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยกันทั้งคู่ เสื้อผ้าของพวกนางฉีกขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อย ทำให้เห็นเรือนร่างที่ขาวเนียบ
อย่างไรก็ตาม พวกนางทั้งสองนำเสื้อคลุมออกมาจากแหวนมิติทันที ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่อาจมองไปได้ไกลกว่านั้น
“ถ้าพลังของข้ากลับมา ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้ด้วยนิ้วเดียว!” อี้ชวงชวงกล่าวยังไม่ยอมแพ้
ราชินีหยินยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงด้วย! อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่โลกเบื้องล่างพลังของเจ้าจะถูกสะกดไว้ ทำให้พลังต่อสู้ของเจ้ามีแค่สิบห้าดาวเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าราชินีอย่างข้า”
หลิงฮันรู้สึกงงงวยและพูดว่า “ไม่ช่ว่าระดับพลังต่ำสุดของตัวตนระดับพระเจ้าควรจะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาวหรอกหรือ?”
อี้ชวงชวงส่ายหัวและพูดว่า “ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกนี้คือระดับทลายมิติขั้นเก้า แต่พลังต่อสู้นั้นมันขึ้นอยู่กับความสามารถและพรสวรรค์ของตัวเอง”
หลิงฮันเข้าใจทันทีและพูดว่า “ระดับพลังของเจ้าอยู่เหนือกว่าระดับทลายมิติขั้นเก้า
ยกตัวอย่างเช่น เฮ่อเหลียนหลงและเหวินเหรินเจี่ยที่เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าเหมือนกัน คนหนึ่งมีพลังต่อสู้สิบดาว อีกคนหนึ่งมีพลังต่อสู้สิบเอ็ดดาว หากต่อสู้กัน เฮ่อเหลียนหลงจะสามารถสังหารเหวินเหรินเจี่ยได้อย่างรวดเร็ว และอีกฝ่ายไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรด้วยได้
“จะว่าไปแล้วราชินีหยิน สงครามที่ภูมิภาคกลางตึงเครียดอย่างมาก แล้วเหตุใดท่านถึงมาที่นี่?” หลิงฮันพูดเข้าประเด็นทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้พวกนางทั้งสองคนต่อสู้กันอีก
ราชินีหยินพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก่อตั้งจักรวรรดิแล้วและภายใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิข้าจึงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเจ้าฝึกฝนกองทัพ”
“ยอดเยี่ยมไปเลย” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขารู้ความลับทางการทหารของจักรวรรดิจันทราม่วง แต่ยังห่างไกลที่จะใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
“น้องชาย แล้วเจ้าคิดที่จะตอบแทนข้าอย่างไร?” ราชินีหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าดึงดูด
“อย่าคิดที่จะทำอะไรกับหลิงฮันของหนิว!” ฮูหนิวรีบมาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของหลิงฮัน และกางแขนราวกับปกป้องอาหาร
ราชินีหยินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และสะบัดมือไปที่ท้องฟ้า นางไม่ได้มาที่นี่ตามลำพัง แต่พาทหารมาด้วยหนึ่งร้อยคน พวกเขาแต่คนล้วนแต่เป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขามากพอที่จะช่วยจักรวรรดิต้าหลิงกำราบภูมิภาคตะวันออกและภูมิภาคใต้
ดังนั้น ราชินีหยินจึงเชิญหลิงฮันไปที่ภูมิภาคกลางและเข้าร่วมการต่อสู้กับห้านิกายโบราณ ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเป็นคนจัดการ