หลังจากนั้น หลิงฮันและราชินีหยินก็ออกเดินทาง
ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงกำแพงภูมิภาค แต่ก็พบว่ามันหายไปแล้ว
“ราชินีอย่างข้าไม่ชอบมันและได้ทำลายมันไปแล้ว” ราชินีหยินพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
นางช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
กำแพงกั้นภูมิภาคผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อาจช่วยกันสร้างขึ้นมาเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แต่มันกลับถูกนางทำลาย นี่แสดงให้เห็นว่านางแข็งแกร่งขนาดไหน
ในไม่ช้า พวกเขาก็เดินทางมาถึงอาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง เมืองที่อยู่ด้านหน้ามีธงของจักรวรรดิจันทราม่วงอยู่และพัดไปมาไปตามสายลม
สิบวันต่อมา พวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิจันทราม่วง
หม่าตั๋วเป๋าออกมาต้อนรับหลิงฮันด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการไว้หน้าหลิงฮัน
“ทำไมพี่หม่าต้องปฏิบัติกับข้าดีขนาดนั้นด้วย?” หลิงฮันสงสัย ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายประมุขของห้านิกายโบราณยังต้องหวั่นเกรง ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเขาก็ได้
หม่าตั๋วเป่าหัวเราะและพูดว่า “น้องชายตัวดำ ข้าไม่เคยมองคนผิด โชคชะตาของเจ้าถูกกำหนดมาแล้ว และความสำเร็จมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า”
“พี่หม่าหยุดเรียกข้าว่าน้องชายตัวดำจะได้หรือไหม?” หลิงฮันถาม
“ได้เลย งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องชายผิวดำ!” หม่าตั๋วเป่าพูดไหลรื่อนเป็นน้ำ แต่นั้นก็เป็นนิสัยของเขาและเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
หลิงฮันพูดไม่ออกไปสักพัก หลังจากนั้นไม่นาน เขาพูดต่อว่า “พี่หม่า ข้าสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้พลังแห่งจักรภพได้”
“โอ้ว ไหนเจ้าลองพูดให้ข้าฟังสิ” หม่าตั๋วเป่าไม่ได้ดูแคลนหลิงฮัน
หลังจากที่ข้อมูลที่หลิงฮันได้รับมาจากอี้ชวงชวงถูกถ่ายทอดให้กับหม่าตั๋วเป่า เขาไตร่ตรองอยู่ในใจทันที
“ฝ่าบาท หลังจากความล้มเหลวในการเปิดสวรรค์ครั้งก่อนของพวกเราปัญหาคือท่านอย่างนั้นรึ?” ราชินีหยินกำหมัดแน่น “เจ้าหมูอ้วน ที่แท้มันเป็นเพราะเจ้านี่เอง!”
หม่าตั๋วเป่ารีบยกมือขึ้นให้นางหยุดและพูดว่า “ถึงแม้ข้าจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมา แต่ยังไงการเปิดสวรรค์ครั้งนั้นก็ต้องล้มเหลวอยู่ดี”
“เจ้าหมายความว่าไง?” ราชินีหยินจ้องมองไปที่หม่าตั๋วเป่า และยังไม่ลงไม้ลงมือ
หม่าตั๋วเป่าถอนหายใจและพูดว่า “ครั้งก่อน ข้าเกือบตายเพราะพลังแห่งจักรภพ แม้ว่าพลังแห่งจักรภพจะทำให้จักรวรรดิแข็งแกร่งขึ้นหลายสิบเท่า แต่ข้าแบกรับพลังของมันไม่ไหว!”
ราชินีหยินรู้สึกแปลกใจชั่วขณะ และคว้าใบหน้าของหม่าตั๋วเป่าเข้ามา “ที่เจ้าเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองให้กลายเป็นคนอ้วน มันเป็นเพราะว่าเจ้าฝึกฝนทักษะแปลกๆเพื่อแบกรับพลังแห่งจักรภพใช่หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คนรักของข้าช่างฉลาดยิ่งนัก!” แก้มทั้งสองข้างของหม่าตั๋วเป่าถูกนางบีบ แต่เขาก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะออกมา “ในตอนนั้นพวกเราโชคร้ายยิ่งนักที่พลังของข้ายังไม่มากพอที่จะเปิดสวรรค์ได้ ดังนั้น ครั้งนี้ข้าต้องสร้างกายหยาบที่แข็งแกร่งนี้ขึ้นมาเพื่อแบกรับพลังแห่งจักรภพให้ได้”
ราชินีหยินตบหน้าหม่าตั๋วเป่าและพูดว่า “กลับมาอยู่ในโฉมหน้าที่หล่อเหลาของเจ้าเถอะ แม้ว่าข้าจะไม่ชอบร่างที่อ้วนท่วมของเจ้า แต่ยังไงข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้าตายอยู่ดี!” นางรีบไปหาหลิงฮันและพาเขาไปขณะพูดว่า “น้องชาย เจ้าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอ้วน ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าอ้วนอีกแล้ว”
หลิงฮันยกมือขึ้นและหัวเราะ “แน่นอน!”
อย่างไรก็ตาม ทักษะที่หม่าตั๋วเป่าฝึกฝนคืออะไรถึงทำให้ร่างกายของเขามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
“หลังจากที่แก้ไขปัญหาแล้ว บางทีแค่ภูมิภาคกลางเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว!” หม่าตั๋วเป่าลูบคาง จากประสบการณ์ของหลิงฮัน ตราสัญลักษณ์จะทำให้พลังแห่งจักรภพเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า
ภูมิภาคกลางเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจอมยุทธ เพียงแค่ภูมิภาคเดียวก็มีพลังมากกว่าทั้งสี่ภูมิภาคหลายสิบเท่าแล้ว
แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาจะสามารถแบกรับพลังแห่งจักรภพไหวหรือไม่?
“ลองดูก่อน” หม่าตั๋วเป่าเริ่มสร้างตราสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมพลังของจักรวรรดิ และเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่มัน
ตอนนี้ จักรวรรดิจันทราม่วงครอบครองดินแดนมากกว่าเก้าในสิบส่วนของภูมิภาคกลาง เหลือเพียงแค่ดินแดนที่ห้านิกายโบราณตั้งอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่ตั้งของห้านิกายโบราณไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก พวกมันเสริมกำลังซึ่งกันและกัน ทำให้เป็นเรื่องยากมากที่จะเอาชนะพวกมัน
ในพื้นที่เหลืออยู่นั้น มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าหนึ่งร้อยคน ทั้งยังมีอาวุธวิญญาณที่น่าหวาดกลัวอย่างกระบี่ไร้เทียมทานและขวานภูผาวารีอีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจำกัดได้ และหม่าตั๋วเป่าจะต้องเป็นคนออกไปจัดการด้วยตัวเอง
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายอยู่ไม่ไกลนัก
ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น หลิงฮันได้ตัดสินใจไปที่เมืองฮันก่อน
นี่คือสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์สองแห่งที่เกี่ยวข้องกับศิษย์ของข้า และเขามีความจำเป็นที่เขาจะต้องมาที่นี่
เขาพาจูเสวี่ยนเอ๋อและฮูหนิวออกมาจากหอคอยทมิฬและเดินไปตามถนน ในอีกไม่กี่วันต่อมาพวกเขาก็มาถึงเมืองฮัน
ก่อนหน้านั้น หลิงฮันรู้แค่ว่าสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์อยู่ในเมืองฮัน แต่เขาไม่ได้สนใจมากนัก จนกระทั่งเมื่อเขามาที่นี่ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา มันทำให้เขาราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีต
เมืองฮันคือเมืองกวางเฉินเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และคือเมืองที่เขาอาศัยอยู่
โดยที่เขาไม่คาดคิด เมืองนี้ยังคงอยู่และไม่ได้ถูกทำลาย หลิงฮันยังจดจำความเสียหายบนกำแพงเมืองได้มันยังคงเหมือนกับเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
“หลิงฮันเป็นอะไร?” ฮูหนิวถามขณะเดินจูงมือหลิงฮัน
“ไม่มีอะไร” หลิงฮันส่งรอยยิ้มให้กับฮูหนิวและเดินเข้าไปในเมือง
เขาเดินตรงไปที่สมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ทันที
แต่ทว่าสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์นั้นมีสองแห่งในเมืองฮัน แห่งแรกตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ในขณะที่อีกแห่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง สมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ทั้งสองแห่งต่างอ้างสิทธิ์ว่าเป็นสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ที่แท้จริงและมักจะมีเรื่องกันอยู่ตลอด
หลิงฮันเดินเข้ามาทางประตูตะวันออก ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางเหนือหรือใต้ก็มีระยะทางเท่ากัน ดังนั้นเขาเลยนำเหรียญทองแดงออกมาและโยนหัวก้อย “หากออกหัวข้าจะไปทิศใต้ หากออกก้อยข้าจะไปทิศเหนือ”
ผลลัพธ์คือออกก้อย
หลิงฮันจึงตัดสินใจเดินไปที่สมาคมน้ำแข็งนิรันดร์สาขาเหนือ
“ข้าต้องการคุยกับคนที่มีอำนาจตัดสินใจของที่นี่” หลิงฮันกล่าวกับทหารยามที่อยู่ด้านหน้าประตู
“เจ้าเป็นใคร?” ทหารยามถามด้วยรอยยิ้มเหยียดหยามอยู่บนใบหน้า นี่เป็นเรื่องธรรมดา ใครจะปล่อยให้คนแปลกหน้าไปพบกับหัวหน้าของพวกเขา?
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้ามีนามว่าหลิงฮัน พวกเจ้ารีบไปรายงานได้แล้ว”
“หลิงฮัน!” ทหารยามรู้สึกแปลกใจ เขาและผู้คนของสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ทุกคนเข้าใจความหมายของการมีอยู่ของพวกเขาดี นั่นคือการรวบรวมข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลิงฮัน
แน่นอนว่าหลิงฮันเป็นจักรพรรดิปรุงยาเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขากลับเยาว์วัยนัก
เขาเหลือบมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “ตกลง ข้าจะรีบไปรายงานหัวหน้าของข้าท่านที!”