‘ตูม!’
ในที่สุดหลังจากกระแทกอยู่หลายครั้ง เรือก็ปรากฏออกมาเต็มลำ เมื่อไถลออกมาจากช่องว่างมิติเรือก็พุ่งดิ่งลงสู่พื้นเพราะแรงโน้มถ่วง
‘ตูม’ ปลายเรือกระแทกชนเข้ากับภูเขาจนภูเขาทรุดตัวอย่างไม่อาจหน่วงรั้งเรือไว้ได้ ภูเขาขนาดใหญ่หายไปในทันที
หลังจากที่ชนภูเขากระยุบตัวไปแล้ว ตัวเรือก็ส่องสว่างเล็กน้อยพร้อมกับส่งเสียงประหลาดออกมาในขณะที่กำลังแล่นลงสู่พื้น
ตัวเรือนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก ความยาวของมันสมควรอยู่ที่ราวๆสามร้อยฟุตและมีความสูงมากกว่าห้าสิบฟุต มันดูราวกับเป็นเนินเขาขนาดย่อมๆ เรือมีสีเขียวในขณะที่ตัวเรือถูกสร้างขึ้นจากไม้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนไม้ใช้สร้างนั้นไม่อาจบอกได้ว่าเป็นไม้ชนิดใด
เรือที่สร้างขึ้นจากไม้สามารถต้านทานแรงบีบอัดและแรงฉีกกระชากของช่องว่างมิติได้?
จะให้พวกเขายอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร!
ไม่มีใครรู้ว่าเรือลำนี้ลอยอยู่ในช่องว่างมิติมาเป็นเวลานานกี่ปี ธงที่ปักเอาไว้บนเรือถูกฉีกขาดจนเหลือเอาไว้เพียงเสาเปล่าๆ นอกจากนั้นตัวเรือก็ยังปรากฏรูผุพังอยู่หลายรู สภาพของมันดูราวกับถูกโจมตีมา
ถ้าเรือลำนี้ถูกทำให้พุพังเพราะการโจมตีจากอำนาจของช่องมิติก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเรือลำนี้ถูกทำให้ผุพังก่อนที่จะเข้ามาในช่องมิติล่ะก็ มันจะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก
ใครกันที่มีพลังน่ากลัวเช่นนั้น? เรือที่แม้แต่ช่องมิติก็ไม่อาจทำให้ผุพังกลับถูกอะไรสักอย่างโจมตีอย่างรุนแรงจนแทบจะพังทลาย
สิ่งที่เป็นไปได้ควรจะเป็นอย่างหลัง เพราะถ้าหากช่องว่างมิติสามารถทำให้เรือพังทลายได้ เรือจะพังทลายเป็นรูๆได้อย่างไร? หากเป็นเช่นนั้นเรือสมควรที่จะถูกพังทลายจนไม่เหลือซากไปแล้วต่างหาก
ตอนนี้เรือจอดอยู่ที่พื้นอย่างเงียบสงบ แม้ตอนที่มันปรากฏจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสงบนิ่งอย่างมาก ตัวเรือที่เคยส่องสว่างๆค่อยหรี่ดับลงจนมีสภาพไม่ต่างอะไรกับเรือธรรมดาทั่วไป หากใครที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ต้องคิดว่าเป็นเรือที่ถูกคลื่นทะเลพัดลอยขึ้นฝั่งมาเป็นแน่
แรงกดดันจากเรืออ่อนเบาลงมาก ถึงแม้จอมยุทธบางคนจะยังรู้สึกอึดอัดแต่ก็ยังพอทนไหว มันไม่ปลดปล่อยแรงกดดันที่ทำให้ทุกคนกระอักเลือดออกมาอีกต่อไปแล้ว
ณ เวลานั้นสายตาของจอมยุทธทุกคนกำลังลุกโชน
เรือลำนี้สามารถข้ามมิติมาได้โดยไม่แหลกสลาย แค่ตัวเรือเองก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว! ถ้านำชิ้นส่วนของเรือมาหลอมล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้อาวุธวิญญาณระดับสูงเพิ่มมาอีกกี่ชิ้น ยิ่งกว่านั้นถ้าตัวเรือยังล้ำค่าเช่นนี้ หากในเรือมีสมบัติอยู่ด้วยล่ะก็มันจะล้ำค่าขนาดไหน?
ทุกคนเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าไปยังเรือทันที พวกเขาต้องการกระโดดไปยังดาดฟ้าเรือเพื่อหาประตูทางเข้า แต่พวกเขาก็พบว่าพวกเขาไม่สามารถกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือได้อย่างที่คิดเอาไว้
แม้เรือจะมีความสูงแค่ประมาณห้าสิบห้าฟุต แต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับยอดเขาที่ไร้จุดสิ้นสุด พวกเขาไม่สามารถกระโดดหรือบินขึ้นไปบนเรือได้
แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่มีข้อยกเว้น
เรื่องนี้ทำให้พวกเขามั่นใจยิ่งกว่าเดิมว่าเรือลำนี้เป็นสมบัติแน่นอน
ถ้าไม่สามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือได้ ก็ต้องเข้าไปทางรูที่ผุพังของเรือ
มีคนพยายามลองแล้วและสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นคนอื่นๆจึงมีท่าทีตื่นเต้นและเข้าตามไป
ถ้าในเรือมีสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ มันอาจจะช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ของสงครามในตอนนี้ได้เลย
“องค์จักรพรรดิ!” แปดราชันหันไปยังทิศทางของหม่าตั้วเปาพร้อมกัน
“เข้าไปดูข้างใน!” หม่าตั้วเป้าพยักหน้า เขาพยายามไล่ต้อนห้านิกายโบราณกับนิกายพันศพอยู่เมื่อครู่ แต่เมื่อเรือลึกลับลำนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็แยกย้ายหายไปทันที
“น้องชายตัวดำ เจ้าจะทำอย่างไรต่อ?” หม่าตั้วเปาหันมาถามหลิงฮัน
“ข้าจะเข้าไป” หลิงฮันพยักหน้า
“ก็ดี!” หม่าตั้วเปาสั่งให้กองทัพนับพันของเขาอยู่ด้านนอกและเข้าไปยังรูของตัวเรือพร้อมกับแปดราชัน
หลิงฮันนำจูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่ายและหนูทองคำออกมาจากหอคอยทมิฬและอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
“สมบัติ สมบัติชิ้นโต!” เจ้ากระต่ายทำตาโต “เจ้าหนู ข้ามั่นใจเลยว่าเรือนี่ต้องเป็นสมบัติจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!”
หนูทองคำเองก็กระโจนพุ่งไปเกาะที่ตัวเรือ มันพยายามตะเกียกตะกายกัดกินเรือลึกลับตรงหน้า แต่เมื่อหน้าปากของมันสัมผัสกับเรือและกัดไม่เข้า มันก็กรีดร้องโอดครวญเสียงดัง
สมบัติชิ้นใหญ่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับกินไม่ได้ ข้าจะตรอมใจตายแล้ว
หลิงฮันไม่เคยเห็นหนูทองคำมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เขาให้แร่เหล็กระดับสิบกับมัน ดูเหมือนว่าแค่ตัวของเรือลำนี้ก็จะล้ำค่ากว่าแร่เหล็กระดับสิบเสียอีก
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น มันจะสามารถต้านทานแรงบีบอัดของช่องมิติได้อย่างไร?
“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” หลิงฮันเดินนำกลุ่มเข้าไปก่อน
ฮูหนิวเอียงหัวในขณะที่จับเสื้อของหลิงฮันเอาไว้ “แปลกจัง ทำไมหนิวถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นเรือลำใหญ่นี้มาก่อน”
“จริงรึ?” จิตใจของหลิงฮันสั่นไหว “ลองคิดให้ดีว่าเจ้าเคยเห็นมันที่ไหน?”
“หนิวคิดไม่ออก!” ฮูหนิวมีท่าทางผิดหวัง
หลิงฮันยิ้มและลูบหัวของนาง “ไม่ต้องกังวล หลังจากเข้าไปแล้วเดี๋ยวเราก็ได้เห็นเพิ่มเติมเอง บางทีเจ้าอาจจะนึกออกก็ได้”
ฮูหนิวเป็นเด็กสาวแปลกประหลาดที่มีพรสรรค์น่าอัศจรรย์ หากนางจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรือลำนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
พวกเขาเลือกเข้าไปในรูผุพังที่อยู่ชั้นล่างสุดของตัวเรือ
ภายในเรือมืดมิดเป็นอย่างมาก มันมืดจนแม้แต่มองคนรอบข้างไม่เห็น
หลิงฮันยกมือขึ้นมาและเปลี่ยนปราณก่อเกิดเป็นธาตุเพลิง ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็มีเพลิงที่ส่องสว่างปรากฏขึ้น แต่ถึงแม้จะมีเพลิงคอยให้แสงสว่าง พื้นที่ที่พวกเขาสามารถมองเห็นยังถูกจำกัดเอาไว้
โชคดีที่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถมองเห็นพื้นที่บริเวณรอบๆตัวได้
พวกเขาอยู่ในตำแหน่งของห้องพักบนเรือ ซึ่งเต็มไปด้วยความว่างเปล่า บางทีแรงกระแทกจากช่องว่างมิติอาจจะเล็ดลอดผ่านรูเข้ามาและทำลายสิ่งของภายในหมดแล้ว
พวกเขาเปิดประตูออกไปและพบกับทางเดินในเรือ ทั้งสองด้านของทางเดินนั้นเต็มไปด้วยห้องพัก พวกเขาเปิดประตูของห้องพักแต่ละห้องในขณะที่เดินผ่านแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
เดินมาสักพักพวกเขาก็พบกับทางตันที่ไม่มีบันไดขึ้นไปยังชั้นบน เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ตัดสินใจเดินย้อนกลับ เพราะอย่างไรเรือที่มีความยาวสามร้อยฟุตก็ใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ในการเดินสำรวจ
แต่เมื่อพวกเขาเดินกลับมาได้ครึ่งท่าง พวกเขาก็พบกับสตรีห้าคนที่เดินมาปรากฏด้านหน้าพวกเขา
พวกนางไม่ใช่ทั้งจอมยุทธของห้านิกายโบราณ นิกายพันศพหรือจักรวรรดิจันทราม่วง พวกนางถือหอกไว้ในมือและสวมชุดเกาะเหล็กเงิน
หรือพวกนางจะเป็นลูกเรือของเรือลำนี้? ไม่น่าเชื่อ พวกนางยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ?