“รนหาที่ตาย!” สตรีผู้นั้นเค้นเสียงคำราม นางไม่ลงมือใดๆ นางทำเพียงจ้องเขม็งไปยังผู้อาวุโสเฒ่าของห้านิกายโบราณ
‘อั่ก’ ผู้อาวุโสเฒ่ากระอักโลหิตพร้อมกับร่างที่ฟุบลงพื้นแน่นิ่ง พลังชีวิตของเขาดับลงทันที
เพียงแค่จ้องมองก็สามารถสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติสิบสี่ดาวได้ พลังของนางต้องน่ากลัวขนาดไหน?
บัดซบ เนตรแห่งเต๋าสวรรค์มัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ไม่ปรากฏตัวออกมาและขับไล่นางออกไป!
“พลังโจมตีระดับทลายมิติยี่สิบดาว!”
“เมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีทั่วไป แต่เป็นการโจมตีผ่านสัมผัสสวรรค์”
จอมยุทธระดับสูงอย่างหม่าตั้วเปาและฉัวชี่ฟงสามารถมองการโจมตีของนางออก สตรีผู้นี้ใช้สัมผัสสวรรค์ในการโจมตีดังนั้นเนตรแห่งเต๋าสวรรค์จึงไม่อาจยับยั้งพลังของนางได้
แม้จะที่นี่จะมีจอมยุทธอยู่มากมาย แต่ใครบ้างจะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณของจอมยุทธระดับระดับทลายมิติยี่สิบดาวได้? แน่นอนว่าไม่มี ดังนั้นทุกคนในที่นี้จึงตกอยู่ในความเงียบงัน ถ้าสตรีผู้นี้คิดจะลงมือสังหารจริงๆ ไม่ว่าใครในที่นี้ก็ไม่อาจหนีพ้นความตาย!
หากเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งเทียบเท่าแร่เหล็กระดับสิบอย่างหม่าตั้วเปาจะสามารถต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณของนางได้รึไม่?
แน่นอนว่าทำไม่ได้ เช่นนั้นแล้วจะกล้าลงมือต่อต้านนาง?
เส้นแสงสีทองนับไม่ถ้วนม้วนพันวนรอบร่างของหลิงฮัน ออร่าพลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระดับก้าวสู่เทวาขั้นเจ็ด… ระดับก้าวสู่เทวาขั้นแปด… ขั้นเก้า… ภายในพริบตาระดับพลังของหลิงฮันก็บรรลุถึงระดับก้าวสู่เทวาขั้นสูงสุดทันที ในตอนนี้เขาพร้อมที่จะทะลวงผ่านไปยังระดับสวรรค์แล้ว
นอกจากตัวหลิงฮันแล้วไม่มีใครรู้เขาพบเจอกับอะไรบ้างในระหว่างที่พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น
เกิดใหม่!
ในสายตาของคนอื่นเวลาอาจจะผ่านไปเพียงชั่วครู่ แต่สำหรับหลิงฮันเขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานถึงสี่ร้อยปี เขารู้สึกราวกับเป็นผีเสื้อที่บินทะยานออกจากรังไหม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างของเขานั้นช่างน่าอัศจรรย์
แม้พลังบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นไม่กี่ขั้น แต่วิญญาณและจิตใจของเขาในบรรลุระดับทลายมิติแล้ว
และเหตุผลที่ร่างของเขาฟื้นสภาพจากฤทธิ์ของชาได้รวดเร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะเขาใช้งานหยดวารีอมตะในการฟื้นฟูร่างของเขาไปพร้อมๆกันด้วย
แม้แต่สตรีตรงหน้าก็ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะสามารถหลุดพ้นจากวังวนของการเกิดใหม่ได้รวดเร็วเช่นนี้ นางคิดว่าหลิงฮันสมควรจะใช้เวลาอย่างน้อยสามวันในการฟื้นสภาพ
หลิงฮันใช้โอกาสนี้ทะลวงผ่านระดับสวรรค์
ด้านวิญญาณและจิตใจของเขาบรรลุระดับทลายมิติแล้ว และภายใต้พลังอำนาจอันเอ่อล้นของชา มันทำให้พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุขั้นสูงของระดับก้าวสู่เทวาอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เขายับยั้งการทะลวงผ่านเพื่อขัดเกลารากฐานของระดับก้าวสู่เทวาอีกต่อไป
‘ตูม’ ร่างของเขาสั่นไหวและทะลวงผ่านระดับสวรรค์ทันที
จอมยุทธทุกคนตกตะลึง นี่เขาทะลวงผ่านระดับพลังงั้นรึ?
พวกเขาจำได้แม่นว่าเมื่อครู่หลิงฮันเป็นเพียงระดับก้าวสู่เทวาขั้นหกเท่านั้น แต่ผ่านไปเพียงชั่วครู่พลังบ่มเพาะของเขากลับทะยานขึ้นเป็นระดับสวรรค์ ความเร็วในการเลื่อนระดับเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
ชาถ้วยนั้น… ไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นสมบัติ!
ทันใดนั้นแววตาของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อน แต่ในขณะที่มีสตรีผู้นั้นนั่งอยู่ ใครกันจะกล้าไปคว้าชาถ้วยนั้นมา?
แต่ที่น่าตกตะลึงคือจู่ๆอยู่น้ำชาในถ้วยก็เกิดการระเหยอย่างรวดเร็วจนหายไปหมดแก้ว ทุกคนที่เห็นเช่นนั้นต่างกรีดร้องออกมาด้วยความเสียดาย
หลิงฮันเพียงจิบชาไปอึกเดียวเท่านั้น
หลิงฮันเปิดดวงตาขึ้น ในดวงตาของเขาส่องประกายราวกับดวงตะวันและดวงดารานับไม่ถ้วน แต่ผ่านไปไม่นานประกายในแววตาของเขาก็หายไปและกลับมาสงบนิ่ง หากมองให้ดีจะพบว่าภายในแววตาของเขานั้นเปลี่ยนเป็นล้ำลึกยากจะหยั่งถึงมากกว่าเดิม
น้ำชาหมดแล้ว? เขาเพิ่งจะจิบไปแค่อึกเดียวเท่านั้น!
หลิงฮันสับสนเล็กน้อย
“น้ำชาเกิดใหม่ เมื่อดื่มหนึ่งครั้งก็จะเกิดใหม่หนึ่งครั้ง แต่จากระดับพลังของเจ้า เจ้าสามารถดื่มมันได้เพียงหนึ่งอึกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกกักขังอยู่ในวังวนแห่งการเกิดใหม่จนไม่อาจเป็นอิสระ” สตรีผู้นั้นกล่าว
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน เขาทำมือโค้งคำนับและกล่าว “ขอขอบคุณผู้อาวุโสมาก”
สตรีผู้นั้นยิ้มและกล่าว “เจ้ากล้านั่งลงและร่วมดื่มชากับข้า นั่นคือวาสนาของเจ้าเอง! ในเมื่อชาเกิดใหม่ระเหยหมดแล้ว งั้นก็ถึงเวลาของข้าที่ต้องไปแล้วเช่นกัน”
นางยิ้มและปิดลงตา ร่างของนางค่อยๆปริแตกราวกับกระจกและสลายไป
เมื่อร่างของนางหายไป แรงกดดันโดยรอบก็หายไปด้วย สายตาทุกคู่จ้องมองมายังถ้วยชาทันที
‘พึบ’ พวกเขาพุ่งเข้าไปตรวจสอบถ้วยชาอย่างเร่งรีบ แต่ก็พบว่าถ้วยชาเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า
เป็นอย่างที่นางกล่าว เมื่อน้ำชาระเหยหมดแล้ว ร่างของนางได้สลายหายไป
ทุกคนกรีดร้องด้วยความเสียดาย ก่อนหน้านี้ชาในถ้วยนั้นมีอยู่ถึงครึ่งถ้วย ซึ่งชาครึ่งถ้วยนี้สามารถแบ่งกันกินได้เจ็ดถึงแปดคน
มันคือน้ำชาศักดิ์สิทธิ์!
ทุกคนตบหน้าตนเอง ทำไมเมื่อครู่พวกเขาถึงได้ปล่อยวาสนาตรงหน้าให้หลุดไปกัน?
หลิงฮันที่ดื่มชาเข้าไปนั้นไม่ใช่แต่มีระดับพลังบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้น ทุกคนสามารถสัมผัสได้ชัดเจนว่ากลิ่นอายของเขามีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ถ้วยช้านี่ยังอุ่นอยู่เลย!” ใครบางคนอุทานออกมา
จอมยุทธคนอื่นรู้สึกตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไร เรือลำนี้ปรากฏออกมาจากช่องว่างมิติที่ไม่รู้ว่าผ่านวันเวลามาแล้วกี่ปี แล้วทำไมถ้วยชาถึงยังอุ่นอยู่ได้?
“หลิงฮันเป็นไงบ้าง?” ฮูหนิวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลิงฮันพยักหน้าและยิ้ม “ข้าปกติ หนิวเป็นกังวลงั้นรึ?”
“นิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้น!” ฮูหนิวใช้นิ้วสองนิ้วทำท่าทางเปรียบเทียบเพื่อแสดงให้เห็นว่านางมั่นใจในตัวหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะ เขาสำรวจตัวเองและอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงด้านวิญญาณของเขานั้นมหาศาลจนเกินกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติทั่วไปไปมาก เขาที่มีกายหยาบที่ทรงพลังอยู่แล้ว ตอนนี้จิตวิญญาณของเขาก็ถูกเสริมแกร่งขึ้นจนทำให้ไร้เทียมทานกว่าเดิม
“น้องชายตัวดำ โชคชะตาของเจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” หม่าตั้วเปาถอนหายใจ ทั้งๆที่ที่นี่มีจอมยุทธระดับสูงอยู่มากมาย แต่กลับมีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่กล้านั่งลงดื่มชา
หลิงฮันรู้ตัวที่ว่าหากเขาไม่มีหอคอยทมิฬ เขาก็ไม่กล้าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้เหมือนกัน
แต่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พูดเรื่องนี้ออกไป
ในเมื่อไม่มีน้ำชาเกิดใหม่แล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงสำรวจในชั้นสุดท้ายซึ่งก็คือชั้นที่สี่ ที่ชั้นนี้ห้องมีชนาดใหญ่กว่าชั้นอื่นๆมาก แต่จากโครงสร้างแล้วมันไม่น่าจะเป็นห้องพักแต่เป็นห้องสำหรับใช้ประชุม
ชั้นนี้ก็เหมือนชั้นอื่นๆ ทหารสตรีห้าคนเดินเข้ามาโจมตีพวกเขา