ความหึงหวงของฮูหนิวนั้นแรงกล้ามากจนผู้หญิงที่อยู่รอบตัวหลิงฮันทั้งหมดถูกพาไป เหลือเพียงแค่ผู้ชายเท่านั้นที่อยู่กับคน อย่างเช่น จักรพรรดิพิรุณ มู่งหลงชิง เฟิงโป๋วหยุน เจ้ากระต่าย อสูรศิลา เป็นต้น
คำพูดของประมุขน้อยมีความเด็ดขาด ไม่ว่าพวกนางจะยินยอมหรือไม่ก็ต้องไป!
บางคนดูเต็มใจ บางคนดูไม่เต็มใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ของหลิงฮัน พวกเขามีเวลาอยู่กับหลิงฮันไม่มากก็น้อย และตอนนี้พวกเขาก็ต้องแยกกันอีกครั้ง ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
แต่โชคดีที่มีหลานชายไปด้วย มิฉะนั้นพวกเขาคงตรอมใจจนผมซีดขาวอย่างแน่นอน
จูเสวี่ยนเอ๋อ หลี่ชื่อฉางและหลิวอู๋ตงเองก็ดูโศกเศร้า แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ยังไม่มีข้อยกเว้น
ราชินีหยินตะโกนว่า “ทำไมข้าต้องไปด้วย? ข้ากับเจ้าเด็กนั้นไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย!”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กนั่น!” อี้ชวงชวงยังคงพูดประท้วง แม้ว่านางอยากจะกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังคงรู้สึกลังเล
ฮูหนิวพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอกใหญ่ อกเล็กที่อยู่รอบตัวหลิงฮันหนิวก็จะพาไปทั้งหมด!”
หลังจากที่ทุกคนขึ้นไปบนเรือแล้ว เรือก็เริ่มลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“หลิงฮันต้องมาหาหนิวนะ!” ฮูหนิวโบกมือเล็กๆไปมา
“แน่นอน!” หลิงฮันกล่าว ไม่ว่าเขาจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่เขาก็จะต้องพาทุกคนกลับมาให้ได้
ปัง เรือกระแทกกับรอยแยกมิติและพุ่งเข้าไปด้านใน เมื่อท้ายเรือหายไปรอยแยกมิติก็หายไปในทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เนตรสวรรค์แห่งเต๋าโผล่ออกมาอีกครั้งพร้อมกับโลหิตที่ร่วงหล่นลงมาราวกับหยาดฝนและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสยดสยองออกมา มันกำลังจ้องมองไปที่หลิงฮันราวกับจะฆ่าเขา
แต่หลิงฮันยังคงยืนนิ่ง เหมือนกับว่าแรงกดดันของมันไม่ส่งผลกระทบต่อเขา
เนตรสวรรค์แห่งเต๋านั้นทรงพลังพอที่จะฆ่าเขาได้ แต่สวรรค์และปฐพีนั้นมีกฎของมันอยู่ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ท้าทายสวรรค์และปฐพีมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และมันที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากพลังแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีจะต้องคอยจับตามอง มิฉะนั้นการมีอยู่ของกฎแห่งธรรมชาติของสวรรค์และปฐพีจะไร้ความหมาย
แล้วทำไมเขาจะต้องหวาดกลัวเนตรสวรรค์แห่งเต๋าด้วยในเมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎ
เนตรสวรรค์แห่งเต๋ากระพริบ และในที่สุดมันก็หายไปอีกครั้ง
“น่าเศร้ายิ่งนักที่น้องเจ็ดของพวกเราถูกพาตัวไป แล้วพวกเราจะบอกองค์จักรพรรดิว่าอย่างไร?” ราชันเจ็ดคนที่เหลืออยู่ถอนหายใจ
หลิงฮันยิ้มและพูดกับพวกเขาว่า “ข้าต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกท่าน อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่ราชินีหยินจะถูกพาไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่วงหน้า และหากพวกท่านไม่ฝึกฝนให้หนัก เมื่อเจอราชินีหยินอีกครั้งนางอาจทิ้งห่างพวกนั้นอย่างไร้ร่องรอย!”
ทันใดนั้น สีหน้าของราชันทั้งเจ็ดก็เปลี่ยนไปทันที ใช่แล้ว พวกเขาจะต้องฝึกฝนให้หนักและยกระดับพลัง
ราชันทั้งเจ็ดกล่าวลาและจากไป การที่ราชินีหยินถูกพาตัวไปเขาจะบอกหม่าตั๋วเป่าทันทีและอธิบายเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นหลิงฮันก็กลับไปที่พระราชวังพร้อมกับเฟิงโป๋วหยุนและจักรพรรดิพิรุณ ถึงแม้ว่าราชันปีศาจจะถูกจัดการไปแล้ว แต่การกำจัดปราณปีศาจและสร้างดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวขึ้นมาใหม่นั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก
เมื่อเฟิงโป๋วหยุนเห็นพี่ชายทั้งสองคนของหลิงฮัน พวกเขาเลยจัดลำดับกันใหม่ โดยที่จักรพรรดิพิรุณและมู่ชิงหลงเห็นด้วยที่จะให้เฟิงโป๋วหยุนเป็นพี่ใหญ่ ส่วนจักรพรรดิพิรุณเป็นพี่รอง มู่ชิงหลงเป็นพี่สาม และหลิงฮันเป็นน้องสี่
นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก แค่น้องสามก็เศร้าแล้ว ตอนนี้เขายังกลายเป็นน้องสี่อีก!
แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก นอกจากฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
หลิงฮันและพี่ทั้งสามคนจะต้องฝึกฝนให้หนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้น การที่พวกเขาเห็นขุมพลังดังกล่าวที่แม้แต่เนตรสวรรค์แห่งเต๋าก็ยังต้องก้มหัว มันทำให้โลหิตของพวกเขาเดือดพล่านพร้อมกับจิตวิญญาณต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเป็นคนกำหนดโชคชะตาของตัวเองไม่ใช่ให้มันกำหนดพวกเขา
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่น่าแปลกที่เผ่าใต้สมุทรยังไม่เคลื่อนไหว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไม่เห็นเผ่ามนุษย์อยู่ในสายตาหรือกำลังรออะไรบางอย่างอยู่กันแน่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามอ้าวเจี้ยนนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงซึ่งมีเพียงแค่หม่าตั๋วเป่าเท่านั้นที่ต่อกรด้วยได้
หลังจากผ่านไปครึ่งปี ในที่สุดหลิงฮันก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ
สวรรค์และปฐพีส่งเสียงกึกก้องและมีสายฟ้าแลบกระพริบอยู่บนท้องฟ้าไม่หยุด
การดำรงอยู่ของจอมยุทธระดับทลายมิตินั้นเป็นภัยคุกคามต่อสวรรค์และปฐพี ดังนั้นมันเลยเคลื่อนไหว และถ้ารอดพ้นจากพลังของสวรรค์มาได้ก็จะกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติที่แท้จริง ห้ามรับพลังของมันไม่ไหวก็จะมีแค่ความตายเท่านั้น!
หลิงฮันยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจระหว่างสวรรค์และปฐพีพร้อมที่จะรับพลังของสวรรค์
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงที่ร่างกายของหลิงฮัน แต่มันก็เหมือนกับหยาดฝนที่ผ่านไปไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเขาเลย
ในเมื่อเขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติแล้ว ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าแร่เหล็กระดับสิบ และก้าวเข้าสู่แร่เหล็กระดับพระเจ้า แล้วสายฟ้าสวรรค์จะคุกคามเขาได้อย่างไร?
ในทางตรงกันข้าม หลิงฮันกลับดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์เพื่อยกระดับกายอัสนีของเขา
กายอัสนีของเขายังบรรลุแค่ระดับเล็กๆเท่านั้น ถ้าเขาต้องการประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้ เขาจะต้องดูดซับพลังสายฟ้าบริสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สายฟ้าธรรมดาจะเสริมแกร่งให้กับเขา
เปรี๊ยะ
หลิงฮันดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์และโคจรทักษะอัสนีเก้าทิวาในร่างกายและเปลี่ยนร่างกายของเขาให้กลายเป็นสายฟ้า
“ข้ารู้สึกอิจฉาจริงๆ น้องสี่เป็นคนแรกที่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ ในขณะที่ข้ายังอยู่ที่ระดับสวรรค์!” มู่หลงชิงส่ายหัว แต่ก็รู้สึกมีความสุขกับหลิงฮัน
ความก้าวหน้าของเขาไม่ได้ช้า แต่แค่เทียบกับหลิงฮันไม่ได้ก็แค่นั้น
จักรพรรดิพิรุณยิ้มและพูดว่า “น้องสี่เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ไม่ใช่พรสวรรค์ศาสตร์วรยุทธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงศาสตร์ปรุงยาและรูปแบบอาคม เจ้าไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาน้องสี่หรอก แค่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังของตัวเองไปก็พอ”
เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าและพูดว่า “การหยาบของน้องสี่นั้นน่าหวาดกลัวมาก ไม่เพียงแค่ทนต่อการโจมตีเท่านั้น แต่ยังสามารถฟื้นฟูบาดแผลได้เอง!”
“รายงาน!” ในขณะนั้นมีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและพูดว่า “มีตัวแทนของจักรวรรดิจันทราม่วงขอมาเข้าพบขอรับ!”