หลิงฮันพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ ยกเว้นเฟิงโป๋วหยุนและเฮ่อเหลียนเทียนหยุน แล้วออกเดินทางทันที
ความเร็วของจอมยุทธระดับทลายมิติแน่นอนว่ารวดเร็วที่สุดในโลก
——เฮ่อเหลียนเทียนหยุนทะลวงผ่านระดับทลายมิติก่อนหลิงฮันประมาณครึ่งเดือน ภายในหอคอยทมิฬสมุนไพรที่หลิงฮันปลูกอยู่นั้นแทบจะไม่มีวันหมด และเฮ่อเหลียนเทียนหยุนก็ไม่มีอุปสรรคเรื่องคอขวดด้วย เพียงแค่เขากินเม็ดยาและสมุนไพรก็ทำให้เขาทะลวงผ่านระดับแล้ว
“ถงแม้ข้าจะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นหนึ่ง แต่ข้ามีพลังต่อสู้สิบดาว ถ้าบวกกับพลังแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของข้าก็จะอยู่ที่สิบแปดดาว” ในขณะที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า หลิงฮันก็ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาในเวลาเดียวกัน
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเพิ่มพลังแห่งจักรภพ มิฉะนั้นพลังต่อสู้ของข้าในปัจจุบันคงจะอยู่ที่สิบเก้าดาวหรือแม้แต่ยี่สิบดาวไปแล้ว”
“มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีระดับพลังสูงขึ้นประสิทธิภาพของมันก็จะลดลง ไม่เหมือนกับตอนที่ข้าทะลวงผ่านระดับสวรรค์”
สามวันต่อมา พวกเขาก็เข้าสู่ภูมิภาคกลาง อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง
ทันใดนั้นเอง เมื่อหลิงฮันและเฟิงโป๋วหยุนเข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิจันทราม่วง พวกเขาก็สูญเสียพลังแห่งจักรภพไปทันที
หลิงฮันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า “พลังแห่งจักรภพนั้นยอดเยี่ยมก็จริง แต่มันเป็นได้แค่พลังเสริมเท่านั้นไม่ใช่พลังที่แท้จริงของตัวเอง!”
เฟิงโป๋วหยุนพยักหน้าเห็นด้วย จอมยุทธจะแสวงหาความแข็งแกร่งของตนเอง หากต้องการพึ่งพาพลังแห่งจักรภพ พวกเขาก็ต้องเก็บตัวอยู่ในอาณาเขตของตนอย่างนั้นหรือ? แล้วการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ล่ะ?
ทั้งสามคนเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิ และหยุดอยู่นอกเมืองปล่อยผู้คนออกมาจากหอคอยทมิฬ
หม่าตั๋วเป่าส่งราชันมหาดวงดารามาต้อนรับผู้คนจากจักรวรรดิต้าหลิงและพาพวกเขาเข้าไปในพระราชวัง
“ขอแสดงความยินดีด้วยจักรพรรดิต้าหลิง ในที่สุดท่านก็ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ!”ราชันมหาดวงดารากล่าวกับหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม และนึกถึงตอนที่เขาเจอกับหลิงฮันครั้งแรกที่เขาไม่แม้แต่จะเหลียวตามองอีกฝ่าย แต่ตอนนี้เขาไม่คิดเลยว่าในเวลาอันสั้นอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว
แน่นอน เขามั่นใจในพลังต่อสู้ของเขาเต็มเปี่ยม ถ้าหลิงฮันต้องการที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเขา เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีเพื่อยกระดับพลัง
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “หลังจากผ่านไปครึ่งปี ราชันมหาดวงดาราก็ยังคงเหมือนเดิม”
หลังจากพูดกันจบ พวกเขาก็เดินเข้าไปในพระราชวังพร้อมกัน
การเปิดสวรรค์จะเริ่มต้นขึ้นในอีกสามวัน
ในเวลานั้น อัจฉริยะนับไม่ถ้วนจากภูมิภาคกลางจะมาที่นี่ หากคนใดที่คุณสมบัติเพียงพอก็จะมีสิทธิ์เข้ามาในพระราชวัง ในปัจจุบันจักรวรรดิจันทราม่วงนั้นแข็งแกร่งมาก การล่มสลายของห้านิกายโบราณทำให้ชื่อเสียงของหม่าตั๋วเป่าขจรไปทั่วโลก
รูปแบบอาคมสังหารที่หนึ่ง พลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
หม่าตั๋วเป่ากำลังเตรียมการขั้นตอนสุดท้าย ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไม่มีใครเห็นเขาเลย
หลิงฮันถูกพามาที่งานเลี้ยง และหลังจากนั้นราชันมหาดวงดาราก็กล่าวลาและเดินจากไป นั่นเป็นเพราะมีแขกของพวกเขาเข้ามาไม่ขาดสาย ตอนนี้ราชันทั้งเจ็ดคนยุ่งกับการต้อนรับพวกเขาอยู่
แต่ราชันเพลิงไพศาล ราชันมหาวารี และราชันคนอื่นก็หาเวลาเข้ามาพูดคุยกับหลิงฮัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาทุกคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน และหลิงฮันเองก็ได้รับความโปรดปรานจากหม่าตั๋วเป่าด้วย
สามวันต่อมา พวกเขาได้รับเชิญให้ไปที่ดาดฟ้าเพื่อรอชมการเปิดสวรรค์
มันเป็นเหมือนกับเวทีประลองที่ถูกล้อมรอบด้วยเก้าอี้หิน โดยที่ตรงกลางว่างเปล่าและมีขวานปักอยู่
ขวานภูผาวารี!
เมื่อใดที่หม่าตั๋วเป่ายกขวานภูเขาวารีขึ้นมา มันก็จะเป็นการเริ่มต้นการเปิดสวรรค์ โดยที่มีทุกคนนั่งดูเขา
หลิงฮันและผู้ติดตามเขากว่าห้าสิบคนถูกพาไปยังที่นั่งพิเศษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีเกียรติมากที่สุดที่หม่าตั๋วเป่าเป็นคนจัดเตรียมให้หลิงฮันโดยเฉพาะ
ราชันทั้งเจ็ดกระจายกำลังออกไปเฝ้าระวัง วันนี้เป็นวันสำคัญของจักรวรรดิจันทราม่วง ดังนั้นพวกเขาจะต้องระมัดระวังการลอบโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนิกายพันศพและเผ่าใต้สมุทร
“พวกเจ้าที่อยู่บนฟ้าลงมาเดี๋ยวนี้!”
เนื่องจากทางเดินที่นี่แคบมากเพื่อจัดสถานที่ให้มากที่สุด แต่กลับมีคนกล้าบินอยู่บนท้องฟ้า? นี่ถือเป็นการดูหมิ่นครั้งใหญ่! ดังนั้น เหล่าทหารจึงรีบพาพวกเขาลงมาทันที มิฉะนั้นการเปิดสวรรค์อาจต้องล่าช้า
ตอนนี้หลิงฮันถูกขวางโดยคนกลุ่มหนึ่ง อีกฝ่ายมีเกือบยี่สิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและทนงตัว
พวกเขาคือคนจากตระกูลลิ่ว!
ตระกูลลิ่วอาจกล่าวได้ว่าเป็นตระกูลที่แข็งแกร่ง บรรพบุรุษของพวกเขาทะลวงผ่านระดับทลายมิติเมื่อสี่ปีก่อนและกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปฮงเทียน ในมุมมองของลูกหลานของตระกูลลิ่ว บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ดังนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยหยิ่งยโส
“พวกข้ากำลังเดินอยู่ พวกเจ้าไม่เห็นหรือไง?”
“ใช่แล้ว ถ้าพวกเจ้ารีบนักก็เดินไปทางอื่นซะ!”
“ดูเหมือนพวกเจ้าคงจะเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ!”
รุ่นเยาว์พวกนั้นต่างพูดออกมาด้วยสีหน้าหยิ่งยโส
– ก่อนหน้านี้เมื่อบรรพบุรุษของพวกเขาทะลวงผ่านระดับสวรรค์ก็ว่าหยิ่งยโสแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับหยิ่งยโสกว่าเดิมอีก
“สามห้าว!” ชางเย่และคนอื่นนำอาวุธของพวกเขาออกมา อีกฝ่ายกล้าดูหมิ่นจักรพรรดิของพวกเขาจะต้องตาย!
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญของพี่ชายหม่า อย่าใช้ความรุนแรงกันเลย”
“ขอรับ!” ทุกคนเชื่อฟัง
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ตัวดีนิ!” คนหนุ่มสาวทุกคนของตระกูลลิ่วส่งเสียงหัวเราะเยาะ แต่หลิงฮันก็ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขาเดินออกไปและเดินไปที่นั่งของตัวเองต่อ
ตลอดทางพวกเขาก็ยังคงพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาช่างน่าเกรงขามจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” บรรพบุรุษของตระกูลลิ่วและบุคคลสำคัญในตระกูลนั่งประจำที่อยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเพิ่งเห็นรุ่นเยาว์ของตัวเองเดินมาถึง
รุ่นเยาว์พวกนั้นตะโกนพูดทีละคน แน่นอนว่าพวกเขาพูดถึงกลุ่มของหลิงฮัน
บรรพบุรุษของตระกูลลิ่วหันหน้าไปมองทันที และช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของเขาจะกระตุกและกลายเป็นเคร่งขรึม และรีบพูดออกมาทันทีว่า “พวกเจ้าหมายถึงคนกลุ่มนั้นรึ?” เขาชี้ไปที่หลิงฮันและผู้ติดตามของเขา
“ใช่แล้วท่านบรรพบุรุษ พวกมันนั้นแหละ” รุ่นเยาว์พยักหน้า
“ข้า..ข้าจะทุบตีพวกเจ้า!” บรรพบุรุษตระกูลลิ่วเริ่มทุบตีสั่งสอนลูกหลานของเขาทันที