แม้แต่เจ้าเมืองยังมาแสดงความยินดีกับเขา ทำให้ติงเฟยเหวินมีความสุขจนตัวลอย และลืมว่าเขาเป็นใคร
มันจะต้องเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่ เพราะเขาได้รับการยอมรับจากนิกายชื่อยื่อในฐานะศิษย์
ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้วมันจะต้องเป็นเช่นนั้น!
ติงผิง ก่อนหน้านี้เจ้ากล้ามากที่ชกข้า คราวนี้เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!
“ท่านเจ้าเมือง โปรดเข้ามาข้างในก่อน!” ผู้นำตระกูลผิงรีบเชื้อเชิญเขาเข้ามาข้างในเพื่อเปลี่ยนที่พูดคุยกัน
“เชิญ!”
“เชิญ!”
พวกเขาเดินกลับไปที่ห้องโถงและจัดเตรียมที่นั่งให้แขกของเขา เพราะเลี่ยวเจิ้นมีสถานะสูงมาก แม้อีกฝ่ายจะเป็นแขก แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกอึดอันเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
“ท่านผู้นำ ผู้อาวุโส!” ติงเฟยเหวินกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันและหันไปมองติงผิงพรางแสยะยิ้ม “แล้วพวกเราจะจัดการกับติงผิงเช่นไรดี?”
“ข้าตัดสินใจแล้วที่จะถอดถอนติงผิงเป็นผู้สืบทอดลำดับแรกและจะเฆี่ยนตีเขาสามร้อยครั้ง!” ผู้นำตระกูลติงกล่าว แม้ว่าเสียงของติงเฟยเหวินจะฟังดูหยิ่งยโสขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแขก เขาจะทำตัวเสียมารยาทได้อย่างไร?
“ทำไมโทษของเขาถึงเบาขนาดนั้น?” ติงเฟยเหวินถามด้วยความไม่พอใจ
“เฟยเหวิน แล้วเจ้าจะให้ข้าลงโทษติงผิงเช่นไร?” ผู้นำตระกูลติงถามด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา เพราะหากเขาปฏิบัติกับติงเฟยเหวินไม่ดี มันอาจเป็นการทำลายความหวังดีของเลี่ยวเจิ้นได้
เจ้าเมืองเป็นถึงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แล้วเขาจะกล้าทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้อย่างไร?
“ตัดแขนเขาทิ้ง!” ติงเฟยเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายชกเขา มันก็สมควรแล้วที่จะถูกตัดแขนมิใช่หรือ?
“รายงาน!”
แต่ในขณะนั้นเองมีสมาชิกตระกูลติงอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและคุกเข่าลง “ท่านผู้นำ ผู้นำตระกูลเยว่มาหาและต้องการพบท่าน!”
ตระกูลเยว่?
“หยวนหยวนมาที่นี่อย่างนั้นรึ?” ติงเฟยเหวินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาคิดว่าเยว่หยวนมาถูกเวลามากและพูดว่า “พาพวกเขาเข้ามา!”
แต่แน่นอนว่าสมาชิกตระกูลคนนั้นไม่ได้ทำตามคำสั่งของติงเฟยเหวินทันที เขาหันหน้าไปมองผู้นำติงเพื่อรอคำสั่งของเขา
การกระทำของติงเฟยเหวินทำให้ผู้นำตระกูลติงรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ใครคือผู้นำตระกูลติง? ถ้าติงเฟยเหวินสามารถกลายเป็นจอมยุทธที่เหนือกว่าเขาได้ในอนาคต แต่มันก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ในตอนนี้เขายังคงเป็นผู้นำตระกูลติงอยู่ ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนและพูดว่า “พาพวกเขาเข้ามา!”
หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกตระกูลติงก็กลับมาพร้อมกับคนสามคน คือ ผู้นำตระกูลเยว่และผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเยว่ ส่วนอีกคนแน่นอนว่าจะต้องเป็นเยว่หยวน
“หยวนหยวน!” ติงเฟยเหวินหัวเราะ ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำตระกูลติงไปแล้วและพูดว่า “เข้ามาก่อน ข้าแนะนำเจ้าให้รู้จัก ท่านผู้นี้คือท่านเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้น!”่
เจ้าเมือง!
พวกเขาทั้งสามคนรู้สึกตกตะลึง เหตุใดเจ้าเมืองถึงมาอยู่ที่นี่? และดูจากท่าทางของติงเฟยเหวินแล้ว มันเหมือนกับว่าเขามีสถานะใกล้เคียงกับเจ้าเมืองเลย
“พี่เฟยเหวิน เหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงอยู่ที่นี่?” เยว่หยวนกระซิบถาม
ติงเฟยเหวินยิ้มกริมและพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าได้รับการยอมรับจากนิกายชื่อยื่อและกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสของนิกาย ดังนั้น ท่านเจ้าเมืองจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับข้าด้วยตัวเอง!” เขาเดินไปอยู่ด้านข้างเยว่หยวนและลดระดับเสียงลงราวกับว่ามันเป็นเรื่องลึกลับ
แน่นอนว่าตระกูลเยว่รู้ว่าท่านเจ้าจะเดินทางมาที่ตระกูลติง ดังนั้นผู้นำตระกูลเยว่และผู้อาวุโสใหญ่จึงเดินมาที่ตระกูลติงเพื่อทราบถึงเหตุผล
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยว่หยวนรู้สึกตกตะลึงมากและพูดว่า “นั่นมันยอดเยี่ยมไปเลย ข้าเองก็ขอแสดงความยินดีกับพี่เฟยเหวินเช่นกัน!” ก่อนหน้านี้นางเห็นติงเฟยเหวินถูกติงผิงต่อยจนพ่ายแพ้ และคิดว่าจะทำยังไงกับติงผิงดี แต่ตอนนี้นางละทิ้งความคิดพวกนั้นไปหมดแล้ว
มันไร้สาระเกินไปที่จะครุ่นคิดเรื่องของติงผิง อีกฝ่ายมีรากฐานวิญญาณที่ไร้ค่า ความสำเร็จในชีวิตของเขามันถึงทางตันแล้ว
หัวใจของติงเฟยเหวินเต็มไปด้วยความสุข เขาหันไปมองติงผิงด้วยสายตาที่หนาวเย็นและพูดว่า “พวกเราไม่อาจปล่อยความผิดของติงผิงไปได้ และต้องลงโทษเขาด้วยการตัดแขนเท่านั้น!” ท่าทางของเขาเริ่มหยิ่งยโสมากขึ้นเรื่อยๆและคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำตระกูลติงไปเสียแล้ว
“ร..รายงาน!” วันนี้ที่ตระกูลติงช่างวุ่นวายยิ่งนัก ในขณะนั้นเองก็มีคนรับใช้วิ่งมารายงานอีกครั้ง “ท่านผู้นำติง ผู้นำนิกายชื่อยื่อมาที่นี่เพื่อต้องการพบท่าน” น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ผู้นำนิกายชื่อยื่อนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เขาแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าเมืองหลายร้อยเท่า!
เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลติงมองหน้ากันไปมาด้วยความสับสน
แม้ว่าติงเฟยเหวินจะได้รับความดีความชอบได้เป็นศิษย์ของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณของนิกายชื่อยื่อ แต่มันถึงขนาดที่ว่าผู้นำนิกายจะต้องมาหาเขาด้วยตัวเองเลยอย่างนั้นหรือ?
แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นได้ยิน เขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มต่างจากที่เขาคิดไว้มากว่าทำไมผู้นำนิกายชื่อยื่อถึงต้องมาที่นี่ด้วย
แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับนิกายชื่อยื่อ และถึงแม้ติงเฟยเหวินจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีจิตใจดี แล้วทำไมท่านผู้นั้นถึงรับเขาเป็นศิษย์?
แต่หลิงฮันพูดชัดเจนว่าให้เขาไปที่ตระกูลติงเพื่อแสดงความยินดีต่อตระกูลติงเท่านั้น หรือว่าตระกูลติงจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่?
ทุกคนรีบออกไปต้อนรับผู้นำนิกายชื่อยื่อทันที เขามีชื่อว่าเจี่ยอู้ที่เป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้ เพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาทุกคนก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวในใจแล้ว
“คารวะผู้อาวุโส!” ทุกคนคุกเข่าลงกับพื้นทำความเคารพเขาทันที
เจี่ยอู้ยกมือขึ้นด้วยรอยยิ้มและถามพวกเขาว่า “ใครคือศิษย์ของท่านผู้นั้น?”
เมื่อได้ยินเขาพูด ทุกคนในตระกูลติงดูตกตะลึงและตอบกลับทันทีว่า “ท่านผู้นั้นคือ?”
พวกเขาทุกคนคิดว่าติงเฟยเหวินเป็นศิษย์ของนิกายชื่อยื่อ ดังนั้นเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดี แต่ผู้นำนิกายชื่อยื่อกลับพูดถึงเขาผู้นั้น ในนิกายชื่อยื่อจะมีใครที่มีสถานะเหนือกว่าเขาอยู่อีกหรือไง? และนั่นมันไม่ได้หมายความว่าท่านผู้นั้นที่เขาพูดถึงแข็งแกร่งกว่าเขาหรอกหรือ?
แม้แต่ผู้นำนิกายเจี่ยอู้ยังเรียกอีกฝ่ายเขาท่านผู้นั้น
ตระกูลติงเริ่มตระหนักถึงบางอย่าง…มันไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดไปทั้งหมด!
แต่ทันใดนั้นเอง ติงผิงก็เปิดปากพูดออกมาอย่างกะทันหันว่า “ข้าขออนุญาตถามท่านว่า ท่านผู้นั้นที่ท่านพูดถึงเป็นคนแซ่หลิงใช่หรือไม่?”
“หุบปาก ใครอนุญาตให้เจ้าพูดที่นี่?” ผู้อาวุโสเจ็ดพูดตะคอกติงผิงทันที อีกฝ่ายไม่เห็นหรือว่าพวกเขากำลังตึงเครียดกันอยู่?
เมื่อเจี่ยอู้และเลี่ยวเจิ้นได้ยินที่ติงผิงพูด พวกเขาหันไปมองติงผิงทันที และพยักหน้าหน้าให้อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ถูกต้อง!”
นี่พวกเขากำลังพูดถึงใครกันอยู่?
“อาจารย์ของข้าเป็นคนแซ่หลิงที่มีความหมายว่าหนาวเย็น” ติงผิงกล่าว เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าพวกเขาทั้งสองคนมาที่นี่เพราะเขา – แต่ถ้าจะพูดให้ถูกหลิงฮันสั่งให้พวกเขามาที่นี่
“คารวะนายน้อย!” ในขณะนั้น เจี่ยอู้และเลี่ยวเจิ้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกันทันทีเพื่อแสดงความเคารพต่อติงผิง
เกิดอะไรขึ้น!
ทุกคนในตระกูลติงรู้สึกตกตะลึงมากจนหนังศีรษะด้านชา เมื่อเห็นเจ้าเมืองเลี่ยวเจิ้นและผู้นำนิกายชื่อเยื่อคุกเข่าต่อหน้าติงผิง มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?
อย่างไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่พวกเขาทั้งสองคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งและเรียกติงผิงว่านายน้อย
พระเจ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับติงผิง นี่เขาได้เป็นศิษย์ของใครกันแน่?
เมื่อเห็นการกระทำของพวกเขาทั้งสองคน ติงเฟยเหวินเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ และใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมนทันที