เซียงเฉิงหยินเล่ารายละเอียดของ สำนักนภาสีชาดให้หลิงฮันตลอดทาง เมื่อพวกเขามาถึงเมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ หลิงฮันก็เข้าใจเรื่องราวของ สำนักนภาสีชาดบ้างแล้ว
สำนักนภาสีชาดก่อตั้งที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะมาเป็นเวลานับล้านปีแล้ว หลังจากการพัฒนาอย่างยาวนาน สำนักนภาสีชาดก็ถูกแบ่งออกเป็นสี่ฝ่ายคือฝ่ายทิศใต้ ฝ่ายทิศตะวันออก ฝ่ายทิศเหนือ ฝ่ายทิศตะวันตก ถึงแม้แต่ละฝ่ายจะอยู่ในเมืองจักรพรรดิเหมือนกันแต่ทั้งสี่ฝ่ายก็มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
ถ้าหลิงฮันต้องการเข้าร่วมกับ สำนักนภาสีชาดในฐานะที่เขาเองก็เป็นผู้ปกครองทวีปคนหนึ่ง หากผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเป็นคนพูดออกหน้าให้ หลิงฮันก็สามารถเข้าร่วมสำนักได้อย่างไม่ยากเย็น
“เพียงแต่ข้าแนะนำให้เจ้าเข้าร่วมสำนักด้วยความสามารถของตัวเองดีกว่า” เซียงเฉิงหยินกล่าว “อีกสิบวันสำนักฝ่ายเหนือจะเปิดรับสมัครศิษย์ในรอบยี่สิบปี ถ้าเจ้าแสดงศักยะภาพที่โดดเด่นให้พวกเขาเห็น เจ้าก็จะเป็นที่จับตามองของสำนัก แต่ถ้าให้ท่านผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายออกหน้าให้ เจ้าจะเป็นได้เพียงศิษย์ธรรมดาทั่วไป”
จากที่หลิงฮันได้ยินมา ทั้งสี่ฝ่ายจะรับศิษย์แยกกันในทุกๆห้าปี จอมยุทธที่เข้าสมัครจะมีโอกาสในการทดสอบพลังของตัวเอง ยิ่งใครแสดงความสามารถออกมาได้ยอดเยี่ยมเท่าไหร่ พวกเขาก็จะได้รับความสนใจจากสำนักมากขึ้นเท่านั้นแถมยังได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่มากกว่าศิษย์ทั่วไป แน่นอนว่านั่นร่วมถึงทักษะบ่มเพาะระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วย
ในปีนี้เป็นคราวที่สำนักฝ่ายเหนือจะเปิดรับสมัคร ในห้าปีหน้าจะเป็นคราวของสำนักฝ่ายตะวันออก และในห้าปีถัดต่อไปอีกก็จะเป็นคราวของสำนักฝ่ายใต้… พวกเขาจะเปิดรับศิษย์วนกับไปเช่นนี้เรื่อยๆ
แต่หากจะเข้าร่วมกับ สำนักนภาสีชาด จอมยุทธที่จะสมัครต้องมีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติเป็นอย่างน้อย สำนักแต่ละฝ่ายจะมีศิษย์อยู่ด้วยกันห้าระดับเรียงจากระดับทลายมิติ ระดับภูผาวารีขั้นต้น ระดับภูผาวารีขั้นกลาง ระดับภูผาวารีขั้นสูง ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด
สำหรับศิษย์ที่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว หากพวกเขายังต้องการบ่มเพาะพลังให้สูงขึ้น พวกเขาก็ต้องห้าทางเอาเอง อย่างเช่นไปเป็นผู้ติดตามของตัวตนระดับสูงหรือขุมอำนาจใหญ่ๆ หากไม่ต้องการเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องออกเดินทางตามหาวาสนาเอาเอง หากโชคดีอาจจะค้นพบทักษะบ่มเพาะระดับสูงก็ได้
หลิงฮันในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทักษะบ่มเพาะระดับภูผาวารี หลังจากที่เขาเข้าร่วม สำนักนภาสีชาดแล้ว เขาจะสามารถเรียนรู้ทักษะที่ช่วยให้บ่มเพาะถึงระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดได้เป็นอย่างน้อย
ต้องเข้าร่วมให้ได้! หลิงฮันกล่าวในใจ
เมืองจักรพรรดิของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะถูกเรียกว่าเมืองสะเก็ดดารา เมืองแห่งนี้มองแล้วน่าตกตะลึงมาก มันมีขนาดใหญ่กว่าเมืองจักรพรรดิของทวีปฮงเทียนอย่างร้อยหนึ่งร้อยเท่า แถมในเมืองก็มีรูปแบบอาคมที่น่าสะพรึงกลัวติดตั้งอยู่
จากคำบอกเล่าของเซียงเฉิงหยิน ถ้าพระเจ้าคนใดที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าระดับดาราอาละวาด พวกเขาจะถูกรูปแบบอาคมจู่โจมทันทีโดยไม่อาจต่อต้านได้
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองจักรพรรดิ แม้ว่าเซียงเฉิงหยินจะเป็นคนของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แต่เขาก็ต้องยอมลงจากเรือรบและเดินเข้าเมืองแบบปกติ หลังจากสถานะของหลิงฮันถูกยืนยันแล้วทั้งสองคนก็เข้าเมืองและมุ่งหน้าไปหาผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายนั้นในฐานะที่เป็นหนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังระดับต้นๆของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ ที่พักของเขาหรูหราไม่ด้อยไปกว่าวังที่เมืองจักรพรรดิของหลิงฮันแม้แต่น้อย แถมวัสดุที่ใช้สร้างยังล้ำค่ากว่าหลายร้อยหลายพันเท่า แม้จะมองจากตำแหน่งที่ห่างไกลหลิงฮันก็ยังมองเห็นมังกรและนกอมตะที่แท้จริงกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือที่พัก
ถ้าหากที่พักของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายยังน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพระราชวังของจักรพรรดินีล่ะ?
เซียงเฉิงหยินเดินไปยังประตูที่พัก เมื่อแสดงสถานะของตนเองเรียบร้อย เขาก็เข้าผ่านประตูไปกับพร้อมหลิงฮัน ดูเหมือนเขาจะมีสถานะค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เมื่อเข้าที่พักมาคนรับใช้ก็ต้อนรับพวกเขาด้วยท่าทีเคารพ
พวกเขาเดินสักพักก็มาถึงสวนที่งดงามแห่งหนึ่ง เซียงเฉิงหยินบอกให้ลหิงฮันนั่งรออยู่เก้าอี้หินก่อน จากนั้นก็ขอตัวไปรายงานผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย
หากพูดตามหลักแล้วหลิงฮันที่ยังไม่แม้แต่บรรลุระดับพลังของพระเจ้าย่อมไม่มีคุณสมบัติพบหน้าผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย แต่ด้วยสถานะของหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิของโลกใบเล็กและทำการเปิดสวรรค์ได้สำเร็จ ด้วยการทำเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นนี้สำเร็จได้เขาจึงได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย
หลิงฮันรอคอยอย่างเงียบๆ
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ผ่านไปไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น หลิงฮันที่ลองหันหน้าไปดูก็เห็นรุ่นเยาว์สตรีเดินเข้ามา นางสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวอมฟ้าราวกับทะเลสาป นางมีทั้งใบหน้าและรูปร่างที่งดงาม
สตรีผู้นี้ดูมีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น ดวงตาที่โค้งมนของนางทำให้นางดูเหมือนกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์
หลิงฮันสัมผัสได้ว่านางมีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นเก้า ส่วนมีพลังต่อสู้เท่าไหร่นั้นยังไม่รู้
ถ้าสตรีผู้นี้มีอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปีจริง นั่นคงจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากสำหรับโลกใบเล็ก
แต่ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รุ่นเยาว์ที่มีพลังระดับทลายมิติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ไม่ใช่ว่าเซียวเมี่ยวเหยียน อู่เกาเหยียนที่บุกรุกทวีปฮงเทียนก็มีพลังระดับทลายมิติขั้นเก้าหรอกรึ? ยิ่งกว่านั้นแล้วหากผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ล่ะก็ การที่รุ่นเยาว์ที่มีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
สตรีผู้นั้นจ้องมองหลิงฮันก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา นางเดินวนสำรวจเขาอยู่หลายครั้งก่อนจะกล่าว “เจ้าเป็นทายาทของตระกูลไหนกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? จริงสิ หรือว่าเจ้าจะมาขอให้ช่วยเหลือเรื่องการเข้าร่วมสำนักนภาสีชาด?”
“จะบอกอะไรให้นะ รุ่นเยาว์ทุกคนน่ะควรจะพึ่งพาพลังของตนเอง อย่างเช่นข้าคนนี้ ถึงแม้ข้าจะเป็นถึงคุณหนูสี่แต่ข้าก็ยังเข้าร่วมสำนักตามกฎเหมือนจอมยุทธทั่วไป”
นี่คือบุตรสาวคนที่สี่ของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย?
เซียงเฉิงหยินไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายให้เขาฟัง ดังนั้นหลิงฮันถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีบุตรชายหรือบุตรสาวกี่คน หลิงฮันยิ้มและกล่าวตอบ “ข้าคิดว่าคุณหนูสี่คงเข้าใจผิดแล้ว”
ดูเหมือนนางจะเข้าใจว่าเขามาหาผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายเพราะคิดจะให้อีกฝ่ายช่วยเหลือเรื่องเข้าร่วม สำนักนภาสีชาด
“ข้าพูดอะไรผิดรึ?” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ข้าวางแผนจะเข้าสำนักนภาสีชาดก็จริง แต่ข้าไม่ได้คิดจะให้ผู้อาวุโสผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายช่วยเหลืออันใด ข้าจะเข้าร่วมการทดสอบด้วยตนเอง” หลิงฮันยิ้ม
“โอ้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงลำบากหน่อยนะ!” นางหัวเราะ “จริงสิ มาลองประลองกับข้าหน่อยเป็นไง ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดไหน”
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าอายุเยอะกว่าเจ้า หากประลองกันมันจะดูเหมือนข้ารังแกเจ้าเสียเปล่า”
“ฮึ เจ้ามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นเก้า ข้าเองก็มีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นเก้า ทำไมข้าจะต้องกลัวเจ้ารังแก?” สตรีผู้นี้เป็นคุณหนูเอาแต่ใจอย่างเห็นได้ชัด นางไม่รีรอและกระโดดปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกหลิงฮัน
แต่นางก็ไม่ใช่คนสะเพร่าและคนชั่วร้ายอะไร นางยั้งพลังเอาไว้บางส่วนเพื่อที่ว่าหากหลิงฮันรับฝ่ามือของนางไม่ไหว นางก็จะได้ยั้งมือและดึงพลังกลับมาได้ทันเพื่อที่หลิงฮันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลิงฮันยกมือขึ้นมาปัดฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา ร่างของเขาถูกทำให้ล่าถอยไปเจ็ดก้าวในขณะที่อีกฝ่ายล่าถอยไปเพียงสามก้าวเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าหลิงฮันอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย แต่เขาใช้พลังออกไปเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
หลิงฮันพยักหน้าในใจ สตรีรุ่นเยาว์ผู้นี้มีพลังต่อสู้สิบหกดาวเหนือกว่าแปดราชันในโลกใบเล็กเสียอีก แต่จากที่เห็น ดูเหมือนนางจะยังมีช่องว่างให้พัฒนาอยู่อีก แม้พลังต่อสู้เมื่อใช้ทักษะออกมาแล้วจะไม่ถึงยี่สิบดาว แต่หากเป็นสิบเก้าดาวก็พอจะเป็นไปได้