ภายใต้การนำทางของเซียงเฉิงหยิน หลิงฮันก็ถูกพาไปยังที่พักของเขา
คฤหาสน์ของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายมีขนาดใหญ่มาก มันมีห้องมากกว่าร้อยห้อง และแต่ละห้องยังถูกประดับตกแต่งอย่างงดงาม
หลังจากที่เซียงเฉิงหยินพาหลิงฮันมาที่ห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันหลังกลับจากไปทันที
หลังจากหลิงฮันเข้าไปในห้อง เขาคิดที่จะเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังทันที เพราะตอนนี้เขาต้องเพ่งสมาธิไปที่สำนักนภาสีชาดเพื่อเรียนรู้ศาสตร์วายุทธและศาสตร์ปรุงยา ส่วนศาสตร์รูปแบบอาคม ถ้ามีเวลาว่างเขาค่อยศึกษาเอา
เป้าหมายแรกของเขาคือต้องบรรลุระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คนที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้หนึ่งขั้นเล็กเรียกว่าอัจฉริยะหนึ่งดาว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีอัจฉริยะสองดาว อัจฉริยะสามดาวและอัจฉริยะสี่ดาว จากข้อมูลที่ได้รับจากอี้ชวงชวงมีอัจฉริยะห้าดาวเช่นกัน
แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อัจฉริยะห้าดาวนั้นหาได้ยากเหมือนกับวิหคเพลิง!
อย่างไรก็ตาม การที่อี้ชวงชวงไม่เคยได้ยินก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี นั่นเป็นเพราะระยะห่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นห่างไกลเกินกว่าจะบรรยายได้ สำหรับหลิงฮัน เขาไม่ต้องการคิดเรื่องพวกนั้นมากนัก ตราบใดที่เขาบรรลุจุดสูงสุดของทุกระดับพลัง แล้วเขาจำเป็นต้องกลัวใครในระดับเดียวกันอีกหรือไม่?
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แต่ในขณะนั้นเองก็มีคนมาเคาะประตูอยู่ด้านนอกไม่หยุด ราวกับจะเป็นจะตาย
คนที่เคาะประตูจะต้องเป็นคนใจร้อนมากอย่างแน่นอน
หลิงฮันลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู และเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ที่ประตู หญิงสาวคนนี้คือลูกสาวตัวน้อยของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย คุณหนูหลี่เหว่ยเหว่ย ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง เขาน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบปี และมีหนาดเพิ่งขึ้นอยู่ตรงมุมปากของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังเป็นรุ่นเยาว์อยู่
“หลัวหลี่โค่นเขาเลย!” หลี่เหว่ยเหว่ยชี้ไปที่หลิงฮันและออกคำสั่งราวกับสั่งสุนัข
ชายหนุ่มที่นางพามาคือหลัวหลี่ ซึ่งเป็นทายาทของเจ้าหน้าที่อาวุโสของเมืองจักรพรรดิและเป็นอัจฉริยะ และเขามีความทะเยอทะยานที่จะแต่งงานกับหลี่เหว่ยเหว่ยที่เป็นไข่มุกของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย ดังนั้นเขามักจะมาที่นี่บ่อยครั้ง เมื่อใดที่เขามีเวลาว่าง
นอกจากนี้เขายังมีพี่ชายชื่อหลัวป้า ที่มีอายุมากกว่าเขาสองปี ซึ่งพวกเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้าเหมือนกันทั้งคู่ แต่หลัวป้านั้นมีพรสวรรค์มากกว่า เพราะเขามีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติเกือบสิบเก้าดาว และเป็นหนึ่งในสามนายน้อยแห่งเมืองจักรพรรดิ
แต่ถึงแม้หลัวหลี่จะไม่แข็งแกร่งเท่าพี่ชายของเขา แต่เขาก็มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเจ็ดดาวและมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ดังนั้นก่อนที่หลี่เหว่ยเหว่ยจะรู้ตัว เขาก็กระโจนเข้าใส่หลิงฮันแล้วเพื่อสร้างความโปรดปรานให้กับหลี่เหว่ยเหว่ย
“เจ้าทำให้คุณหนูสี่ไม่พอใจ ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าและกล่าวขอโทษนาง?” หลัวหลี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยเหว่ยพูดว่าอีกฝ่ายมาจากโลกขนาดเล็กเลยทำให้เขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตาและไม่อยากต่อสู้กับอีกฝ่ายเพราะมันจะเป็นการทำให้เกียรติของเขาต้องแปดเปื้อน
ต่อสู้กับอีกฝ่ายที่มาจอมยุทธจากโลกขนาดเล็กรึ?
หลี่เหว่ยเหว่ยไม่พอใจ นางไม่ได้ต้องการให้หลิงฮันคุกเข่าขอโทษแล้วจบ แต่ต้องการเอาชนะหลิงฮัน ทั้งสองอย่างมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นโลกขนาดเล็กหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์นิสัยของผู้คนไม่แตกต่างกันเลย ที่แตกต่างคือคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งกว่า และในท้ายที่สุดพลังก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ดี
“ข้าเป็นคนไม่ชอบคุกเข่าให้ใคร ทำไมเจ้าไม่ลองบังคับข้าคุกเข่าดูล่ะ?” หลิงฮันพูดไม่ไว้หน้าหลัวหลี่หรือหลี่เหว่ยเหว่ยแม้แต่น้อย
– เขารู้สึกว่านางเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจ ยิ่งตามใจนางมากเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น
สีหน้าของหลัวหลี่ดูมืดมนทันทีและพูดว่า “ทั้งที่เจ้ามาจากโลกใบเล็ก แต่กล้าพูดจาเถียงข้าอย่างนั้นรึ?”
ใบหน้าของหลิงฮันดูหดหู่และพูดว่า “แล้วเจ้าจะพูดขอโทษข้าหรือไม่ มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าพูดร้องขอความเมตตาแทน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลัวหลี่ยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นคนตลกยิ่งนัก ทั้งที่เจ้ามาจากโลกใบเล็ก แต่กล้าให้ข้าพูดขอโทษเจ้า?”
หลิงฮันพูดอย่างเย็นชาว่า “ที่นี่คือคฤหาสน์ของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย และข้าก็อาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะแขกของเขา ในขณะที่เจ้ามาที่นี่เพื่อทำร้ายแขกของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่เห็นผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอยู่ในสายตา!”
อึก!
หลัวหลี่รู้สึกตกตะลึง ปากของเขากระตุกเล็กน้อยที่หลิงฮันพูดมันเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถลบหลู่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายได้
ถ้าเขารุกรานหลิงฮัน มันจะถือว่าเขาไม่เห็นผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายอยู่ในสายตา!
“จ…เจ้าพูดจาไร้สาระ!” หลัวหลี่เริ่มหวาดหวั่น
“ถ้างั้้นอย่าคุกเข่าของเจ้าแล้วกัน!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
หลัวหลี่รู้สึกหวาดกลัว และเริ่มย่อตัวลงแต่ขณะนั้นเองหลัวหลี่ก็สะดุ้งและคิดว่าทำไมเขาต้องทำตามคำสั่งของหลิงฮันด้วย? เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งตระกูลหลัว ในขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งขึ้นมาจากโลกใบเล็กเท่านั้น!
เขาหยิบดาบออกมาจากแหวนมิติและพูดว่า “ยินดีด้วยที่เจ้าทำให้ข้าโกรธ และข้าจะสอนบทเรียนให้แก่เจ้าเองว่าที่นี่ไม่ใช่โลกใบเล็กของเจ้า!”
หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกมีความสุข ในที่สุดทั้งสองคนก็เริ่มต่อสู้กันสักที
นางไม่ได้บอกหลัวหลี่ว่าหลิงฮันเป็นผู้เปิดสวรรค์ และพูดแค่ว่าเขาเพิ่งขึ้นมาจากโลกใบเล็ก เพราะนางกลัวหลัวหลี่ไม่กล้าสู้กับหลิงฮัน
ในสายตาของนาง นางไม่คิดที่จะพึ่งหลัวหลี่ แต่เป็นพี่ชายของเขาต่างหากที่เป็นหนึ่งในสามนายน้อยของเมืองจักรพรรดิ!
ถ้าหลัวหลี่พ่ายแพ้ ตระกูลหลัวก็จะเสียหน้า แล้วหลัวป้าจะทนนั่งอยู่เฉยได้อย่างไร?
ท้ายที่สุดหลัวหลี่ก็ถูกนางหลอกใช้