หลิงฮันไม่คิดจะปล่อยหลัวหลี่ไป
เขาคือจอมยุทธคนแรกของโลกใบเล็กที่ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านการเปิดสวรรค์ แม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องถูกกดขี่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้สึกโมโหไม่เป็น
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นหลัวหลี่มายั่วยุ เขาจึงคิดจะใช้อีกฝ่ายเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์
จะอย่างไรเขาก็ถือว่าเป็นแขกของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและเป็นผู้ปกครองทวีป ถึงแม้มันจะเป็นเพียงทวีปเล็กๆแต่มันก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าตระกูลหลัวไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นถ้าเขาไม่ทุบตีหลัวหลี่จนถึงตายตระกูลหลัวก็คงไม่ทำอะไรเขา
หากตระกูลหลัวคิดจะแก้แค้น ด้วยชื่อเสียงของพวกเขา พวกเขาคงไม่มีทางส่งจอมยุทธระดับพระเจ้ามา หากจะส่งคนมาแก้แค้นจอมยุทธที่มาก็คงเป็นเพียงจอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น
หากเป็นจอมยุทธระดับทลายมิจิ หลิงฮันจำเป็นต้องกลัวด้วย? จอมยุทธระดับทลายมิติคนไหนจะสามารถคุกคามเขาได้?
“ภายในสามกระบวนท่า ข้าจะทำให้เจ้าขุกเข่าร้องขอชีวิต!” หลิงฮันกล่าวเบาๆแต่กลับปลดปล่อนกลิ่นอายที่โหดเหี้ยมออกมา
หลี่เหว่ยเหว่ยประหลาดใจเล็กน้อย นางนึกไม่ถึงว่าชายที่ดูถ่อมตัวเช่นหลิงฮันจะมีนิสัยด้านนี้ด้วย นางเกือบลืมไปแล้วว่าหลิงฮันคือจอมยุทธที่ขึ้นมาจากโลกใบเล็กผ่านการเปิดสวรรค์!
สิ่งที่นางไม่รู้สึกการเปิดสวรรค์ของหลิงฮันนั้นถูกขัดขวางโดยพระเจ้าของห้านิกายโบราณ หากนางรู้เรื่องนี้ล่ะก็นางคงจะตกตะลึงและเปลี่ยนมาเป็นชื่นชมเขาเป็นแน่
หลัวหลี่โกรธจนควันออกหู เจ้ากล้าทำตัวอวดดีเช่นนั้นทั้งๆที่มาจากโลกใบเล็กงั้นรึ? เจ้าคิดว่าที่นี่คือโลกใบเล็กของเจ้ารึไง? เขาก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับกวัดแกว่งดาบยาวแทงเข้าใส่บริเวณไหล่ซ้ายของหลิงฮัน
เขาคิดจะกำจักหลิงฮันในกระบวนท่าเดียว
หลิงฮันนำมือข้างหนึ่งพาดหลังเอาไว้และใช่มืออีกข้างทิ่มนิ้วเข้าใส่การโจมตีที่พุ่งมาจนทำให้ดาบกระเด็นทันที
“อั่ก!” หลัวหลี่ร้องโอดครวญก่อนจะกระอักโลหิตออกมา
‘เพล๊ง’ ดาบยาวในมือของเขาแตกออกเป็นเจ็ดส่วนและร่วงลงพื้น
หลัวหลี่ชะงักแน่นิ่งจนทำอะไรไม่ถูก
นี่มันพลังอะไรกัน?
หลัวหลี่มีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบเจ็ดดาว เขาคือรุ่นเยาว์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิ แม้เขาจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกไปแต่การแทงดาบเมื่อครู่ก็ควรจะมีพลังทำลายล้างอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบหกดาว
ถึงจะอย่างนั้นพลังต่อสู้สิบหกดาวกับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันแม้แต่น้อย! ที่ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นคือดาบที่แตกหัก… มันคืออาวุธวิญญาณระดับสิบเชียวนะ
หลี่เหว่ยเหว่ยแลบลิ้นใส่หลิงฮัน ตอนที่อีกฝ่ายสู้กับนางเขาออมมือเอาไว้มากจริงๆ
แต่นั่นก็ดีแล้ว ไม่เช่นนั้นหากหลิงฮันมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่านางแค่ดาวเดียวนางคงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนที่พ่ายแพ้ การที่หลิงฮันแข็งแกร่งมากทำให้นางไม่รู้สึกอับอายเกินไป
“เจ้า…” หลัวหลี่จ้องหลิงฮันด้วยใบหน้าแข็งค้าง เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่เขาเริ่มจะคิดหนักแล้วว่าพี่ชายของเขาจะมีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้นหรือไม่?
อีกฝ่ายมาจากโลกใบเล็กไม่ใช่รึไง? ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
“ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส มือขวาเขาของยื่นออกมาข้างหน้าและคว้าร่างของหลัวหลี่อย่างนุ่มนวล
‘ปัก’ หลัวหลี่รู้สึกราวกับว่ามีภูเขาที่หนักอึ้งกระแทกเข้าใส่หลังของเขา เขาไม่สามารถขยับนิ้วมือได้แม้แต่นิ้วเดียวพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงทันที
“บางคนถึงแม้จะทำตัวไม่โดดเด่นหรือไม่มีนิสัยหยิ่งยโส แต่นั่นก็อาจจะเป็นส่วนที่เจ้าเห็นเพียงภอายนอก ถ้าจะเปรียบก็อย่างเช่นภูเขาก็มีทั้งด้านในและด้านนอก” หลิงฮันยิ้มและถอนหายใจ “แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนที่มีเหตุผลในทุกการกระทำอยู่ตลอด เจ้าเห็นด้วยไหม?”
หลี่เหว่ยเหว่ยหัวเราะ เจ้ากำลังกำลังคว้าร่างหลัวหลี่เพื่อบีบบังคับให้เขาเห็นด้วยกับเจ้าอยู่ไม่ใช่รึไง? นี่เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือว่าจะเป็นคนมีเหตุผลหรือไม่?
หลัวหลี่รู้ว่าอะไรดีต่อตนเอง เขารีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ข้าเห็นด้วย! ข้าเห็นด้วย!”
หลิงฮันส่ายหัว “ถือว่าตอบได้เร็วดี แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเจ้าก็ยังขาดความจริงใจ”
หลี่เหว่ยเหว่ยอดหัวเราะไม่ได้ นางรู้ตัวดีว่านางเป็นคนเอาแต่ใจและชอบฝืนให้คนอื่นทำตาม แต่เมื่อเห็นหลิงฮันนางเริ่มจะรู้สึกแล้วว่านางยังอ่อนด้อยนัก นางถึงขนาดคิดเลยว่าจะขอติดตามเป็นลูกศิษย์
หลัวหลี่กระอักโลหิตออกมา เขามาที่นี่เพราะหลี่เหว่ยเหว่ยร้องขอ แต่เมื่อเขาตกอยู่ในสภาพนี้ไม่แม้แต่นางจะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ยังหัวเราะออกมาอีกด้วย
“ข้าเห็นด้วยจริงๆ!” เขากัดฟันกล่าวพร้อมกับร้องให้โห่ออกมาราวกับแสดงความจริงใจ
ตั้งแต่เด็กจนโต ข้าไม่เคนถูกทำให้อับอายเช่นนี้มาก่อน
“งั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง” หลิงฮันปล่อยมือและดึงมือกลับ
หลัวหลี่มองไปยังหลี่เหว่ยเหว่ยและพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงกัดฟันและหันหลังเดินจากไป หลังจากที่ได้รับความอัปยศเช่นนั้นเขาก็ไม่มีหน้าจะอยู่มองหน้านางแล้ว
“ฮ่ะๆๆ” หลี่เหว่ยหัวเราะอย่างมีความสุขและปรบมือ นางยิ้มอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าหลิงฮันกำลังจะเดินกลับเข้าที่พักนางก็กางแขนขวางทางเอาไว้และกล่าว “ฮันอะไรซักอย่าง เจ้าไม่คิดจะถามหน่อยรึว่าทำไมข้าถึงหัวเราะมีความสุข?”
ถึงแม้นางจะอายุไม่ถึงยี่สิบปี แต่นางก็อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต ด้วยการอ้าแขนออกของนางทำให้หน้าอกที่กลมกลึงปรากฏเต็มหน้าหลิงฮัน มันเด้งราวกับจะพุ่งเข้าใส่หน้าเขา
อืม… นับว่าใหญ่ไม่เลว
หลิงฮันตอบกลับไปราวกับไม่เห็นอะไร “ทำไมกันล่ะ?”
“ฮึ!” หลี่เหว่ยเหว่ยเค้นเสียงก่อนจะกล่าว “เจ้าตัวน่ารำคาญเช่นนั้นน่ะข้าไม่ชอบเขามาตั้งนานแล้ว เขาเอาแต่ตามติดข้าทั้งวันทั้งคืน ตอนนี้เมื่อเห็นเจ้าสั่งสอนเขาให้ข้าแล้ว ทำไมข้าจะไม่มีความสุขล่ะ?”
“โอ้” หลิงฮันพยักหน้าและพยายามผลักอีกฝ่ายให้ถอยไป
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน!” หลี่เหว่ยเหว่ยยังคงขยับมาขวาทางเขา หน้าอกที่เด้งไปมาของนางแทบจะสัมผัสกับตัวเขาแล้วแต่นางกลับไม่รู้สึกตัว “จริงอยู่ที่พลังของหลัวหลี่จะไม่นับว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาก็มีพี่ชายชื่อว่าหลัวป้า ซึ่งพี่ชายของเขาคนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก! ผู้คนกล่าวกันว่าหลัวป้ามีพลังต่อสู้ถึงสิบเก้าดาว”
“เจ้าสร้างความอัปยศให้น้องชายเขา หลัวป้าจะต้องไม่ยอมแน่นอน เขาจะตามหาและจัดการเจ้า!”
“เหอะ นี่ล่ะที่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ข้าสามารถกำจัดตัวน่ารำคาญทิ้งไปพร้อมกับให้บทเรียนกับเจ้าไปพร้อมๆกัน เข้าติดว่าข้าเป็นอัจฉริยะหรือไม่?”
นางเชิดหน้าอย่างภาพภูมิใจราวกับหงส์
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในหมู่จอมยุทธระดับทลายมิติ ข้านั้นไร้พ่าย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ไร้ประโยชน์” แม้เขาจะพูดออกมาเหมือนไม่แยแสแต่น้ำเสียงกลับแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น
หลี่เหว่ยเหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งชะงักไปโดยไม่รู้ตัว