ชายคนนั้นรับขวดไปและลองเปิดฝา เขาสูดดมกลิ่นของเม็ดยาก่อนจะแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อย นี่เป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แถมคุณภาพยังยอดเยี่ยมอีกด้วย มันบริสุทธิกว่าเม็ดยาปกติที่เขาเคยกิน
เขาเทเม็ดยาออกมาและตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “ถ้าทุกเม็ดคุณภาพเช่นนี้ ข้าก็ขอรับซื้อห้าเม็ด”
หลิงฮันส่งขวดยาที่เหลือให้อีกฝ่ายและกล่าว “ขอบคุณมากที่อุดหนุน หวังว่าเราจะได้แลกเปลี่ยนกันอีกครั้ง”
อีกฝ่ายไม่กล้าอยู่ที่ตลาดมืดนาน เขาพยักหน้าและโยนผลึกก่อเกิดให้หลิงฮัน
เมื่อทั้งสองฝ่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ การค้าขายก็ถือว่าเสร็จสิ้น
หลิงฮันได้กำไรจากราคาวัตถุดิบสิบเท่า!
แต่หลิงฮันก็ยังคิดว่ารายได้ของเขาในตอนนี้ยังน้อยอยู่เนื่องจากเม็ดยาไม่ใช่เม็ดยาระดังสูงมาก ถ้าหากเป็นเม็ดยาที่สูงกว่าเม็ดยาระดับสิบล่ะก็ รายได้ของเขาจะมหาศาลกว่านี้มาก
“ขอข้าขวดนึง” เสียงของสตรีดังเข้ามาในหูหลิงฮัน แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะเย็นชาแต่ก็ยังไพเราะ
หลิงฮันเหลืออยู่ขวดสุดท้ายพอดี เขาส่งขวดยาให้อีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ เมื่อพวกเขาซื้อขายกันเสร็จหลิงฮันก็ปัดก้นเดินออกจากตลาดมืด
ในตอนนี้เขาไม่อยากจะใช้เวลาไปกับการปรุงยามากนัก เขาต้องฝึกฝนทักษะบ่มเพาะทั้งหกธาตุให้เชี่ยวชาญเพื่อขัดเกลาพลังต่อสู้บรรลุระดับทลายมิติยี่สิบดาวและทะลวงผ่านระดับภูผาวารีให้เร็วที่สุด หากเขายังไม่บรรลุระดับพลังของพระเจ้าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
เมื่อหลิงฮันจากไปสตรีที่ซื้อเม็ดยาก็เปิดฝาขวดเพื่อตรวจสอบ นางแสดงท่าทีตกตะลึงและอุทานออกมา “ประสิทธิภาพของเม็ดยามีมากกว่าปกติถึงสามส่วน! เม็ดยานี้ไม่ใช่เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงมาก ดังนั้นนักปรุงยาที่คิดจะค้นคว้าหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้เม็ดยาชนิดนี้จึงมีเพียงน้อยนิด”
“ประสิทธิภาพสามส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเม็ดยาเม็ดนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดจากวิธีการปรุงยาที่พิเศษ!”
ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใบหน้าที่งดงามกำลังแสดงสีหน้าตกตะลึง ถ้าหากมีวิธีการหลอมเม็ดยาที่ว่าอยู่จริงๆ ทักษะการหลอมที่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาสตร์แห่งการปรุงยาทั้งโลก
“โชคดีที่ข้ายังจดจำกลิ่นของเขาได้!” นางกล่าวด้วยท่าทีพึงพอใจ
ชื่อของนางคือกู่หลิงยื่อ นางเป็นหนึ่งในสามสตรีที่งดงามที่สุดของเมืองจักรพรรดิคนสุดท้าย นางเข้าร่วมกับสำนักนภาสีชาดเมื่อสองปีก่อน เพียงแต่ว่านางนั้นไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายเหนือ ใต้ ออก หรือตก แต่นางเข้าร่วมกับสำนักฝ่ายปรุงยาที่รับสมัครเพียงนักปรุงยาเท่านั้น
ในด้านการปรุงยานั้นพรสวรรค์ของนางโดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งความสามารถในการดมกลิ่นก็เป็นหนึ่งในพรสวรรค์ที่ว่า สามารถจดจำและแยกแยะกลิ่นของสมุนไพรที่นางเคยดมมาก่อนได้ ทักษะเช่นนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อการปรุงยามาก
“ถ้าเขาเป็นปรุงยา บางทีเราอาจจะแลกเปลี่ยนความรู้กันได้” กู่หลิงยื่อรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาและเริ่มดมกลิ่นเพื่อตามรอยหลิงฮัน หลังจากเดินมาซักพักนางก็มาถึงบริเวณหอพักของสำนักฝ่ายเหนือ
ในตอนแรกนางคิดว่าหลิงฮันแต่เดินผ่านมาทางนี้ แต่เมื่อรู้ว่ากลิ่นของหลิงฮันหายเข้าไปในสำนักฝ่ายเหนือโดยไม่เดินออกมานางก็รู้สึกประหลาดใจ
นี่เขาเป็นจอมยุทธไม่ใช่นักปรุงยา?
นางตัดสินใจรอคอยต่อไปก่อน อย่างแรกเลยคือนางต้องไปตรวจสอบพื้นเพของหลิงฮัน
ตระกูลกู่เป็นตระกูลใหญ่ การจะตรวจสอบพื้นหลังของลูกศิษย์ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น
……
หลิงฮันไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกสตรีงดงามไล่ตาม เขาเก็บตัวอีกครั้งเพื่อศึกษาทักษะธาตุทั้งหกให้เป็นหนึ่ง แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งคืน เขาก็ยังไม่เกิดความคิดดีๆเลย
แต่ก็ไม่แปลก เพราะการรวมทักษะหกทักษะให้เป็นหนึ่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติ
สามวันต่อมาหลิงฮันก็ไปเข้าร่วมห้องเรียนอีกครั้ง
เมื่อเขาเข้าไปในห้องเรียน เขาก็เห็นพี่น้องตระกูลหลัวแสยะยิ้มจ้องมาที่เขา แต่หลิงฮันไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
เมื่อคาบเรียนจะเริ่มสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็มาถึง นางจ้องมาที่หลิงฮันและยิ้มหยอกล้อ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นเจ้าที่นี่อีกครั้งในวันนี้ ข้ารู้สึกปราบปลื้มจริงๆ!”
นางพูดเหน็บหลิงฮันเพราะนางได้เข้าสอนมาสี่ครั้งแล้ว แต่หลิงฮันกลับเข้าร่วมฟังการสอนแค่สองครั้ง
หลิงฮันรีบกล่าว “หลายวันมานี้ข้ามัวแต่ครุ่นคิดถึงวิธีการขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงขีดจำกัด วันนี้ข้ามีเรื่องอยากจะถามอาจารย์”
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ถ้าหากที่หลิงฮันไม่เข้าร่วมคาบเรียนเพราะเหตุผลนี้นางก็ไม่คิดจะตำหนิอะไร นางจะพยายามมอบการชี้แนะแก่เขาให้มากที่สุดเพราะอย่างไรเขาก็เป็นลูกศิษย์ของนาง
สุ่ยเยี่ยนยวี่เริ่มการสอน รูปร่างอันยั่วยวนของนางทำให้ทุกๆการเคลื่อนไหวมีเสน่ห์อันน่าดึงดูด
หลังจากคาบเรียนจบลง หลิงฮันก็เดินไปหานางและถามถึงการรวมทักษะทั้งหกธาตุให้เป็นหนึ่ง
สุ่ยเยี่ยนยวี่สั่นสะท้านทันที นางไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ในการทำเช่นนี้มาก่อน
บนดินแดนศักดิ์ศิทธิ์มีจอมยุทธมากมายที่มีรากฐานวิญญาณหลายธาตุ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่คิดจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะหลายธาตุพร้อมกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงการรวมหลายธาตุให้เป็นหนึ่งเลย
แม้นางจะผ่านพ้นระดับทลายมิติมาแล้วแต่นางก็ยังรู้สึกสนใจในเรื่องนี้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลิงฮันถึงความเป็นไปได้ที่จะทำการรวมธาตุให้สำเร็จ
เมื่อได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในที่สุดหลิงฮันก็ได้ข้อสรุปมาข้อหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้จะสำเร็จรึไม่หรือใช้เวลานานแค่ไหนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อเห็นหลิงฮันกระซิบกระซาบกับอาจารย์คนสวย เหล่าศิษย์ชายก็รู้สึกอิจฉา
“เหอะ คิดจะใช้วิธีนั้นในการจีบสาวงั้นรึ? แม้จะเป็นวิธีที่ไม่เลว แต่เจ้าเลือกใช้ผิดคนแล้ว!”
“สุ่ยเยี่ยนยวี่คือผู้หญิงของศิษย์พี่จ้าว บังอาจมากระหนุงกระหนิงกับผู้หญิงของศิษย์พี่จ้าว เจ้าหนูนั่นรนหาที่ตายเสียแล้ว!”
“เหอะ เจ้าคิดว่าเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์ใหม่แล้วจะยอดเยี่ยมนักหนารึไง?”
“เอาเรื่องนี้ไปบอกศิษย์พี่จ้าวกันเถอะ!”
หลิงฮันบอกลาสุ่ยเยี่ยนยวี่และรีบกลับที่พัก เขาทนรอที่จะลองทำตามวิธีที่นึกออกไม่ไหวแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่หุบยิ้มไม่ได้ รุ่นเยาว์คนนี้ช่างมุ่งมั่นต่อวิถีวรยุทธจริงๆ เมื่อรู้ว่าหลิงฮันหมกมุ่นอยู่กับวิถีวรยุทธในหลายวันที่ผ่านมา นางก็ไม่คิดจะลงโทษหลิงฮันอีกต่อไป เพียงแต่ว่านางนั้นไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วเขาเป็นจอมยุทธจากโลกใบเล็กที่เอาเวลาไม่กี่วันก่อนไปทำการหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก
หากนางรู้ล่ะก็ นางคงจะหวาดกลัวต่อพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประของรุ่นเยาว์ผู้นี้แน่!