ในวันที่สองหลังจากที่จ้าวหลุนส่งของขวัญให้กับหลิงฮัน หลัวป้าได้ออกใบปลิวเพื่อท้าหลิงฮันสู้เป็นตาย
มันไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดา แต่เป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต
ในสำนักนภาสีชาด ถ้าทั้งสองฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับเดียวกัน อย่างเช่นระดับภูผาวารีขั้นต่ำหรือระดับทลายมิติ พวกเขาสามารถต่อสู้กันได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ และไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ห้ามให้เกิดการเสียชีวิตหรือพิการขึ้น มิฉะนั้นทางสำนักจะเป็นคนเข้ามาแทรกแซง
ดังนั้น หากต้องการต่อสู้เป็นตายจะต้องได้รับความยินยอมจากฝ่ายตรงข้ามก่อนที่เริ่มต่อสู้กันได้ ในกรณีนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ท้ายที่สุดก็จะไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่ผานมาหลายปีจำนวนคนที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นมาก
การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต!
ผู้คนในสำนักรู้สึกประหลาดใจ แม้จะมีหลายคนเคยเห็นจอมยุทธจากโลกใบเล็กมาบ้าง แต่หลิงฮันนั้นแตกต่าง เขาเป็นจอมยุทธที่เปิดสวรรค์ขึ้นมา นั่นหมายความว่าเขาเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติยี่สิบดาว
อย่างไรก็ตาม หลัวป้าน่าจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างตัวเขากับหลิงฮัน ในตอนแรก เขาถูกอีกฝ่ายตบหน้าจนฟันหลุด แต่ตอนนี้เขากำลังท้าหลิงฮันสู้เป็นตาย นี่เขาบ้าไปแล้วหรือ?
หลัวป้าแข็งแกร่งพอที่จะท้าหลิงฮันต่อสู้หรือไม่?
ตอนนี้หลัวป้าเคลื่อนไหวแล้ว เหลือแค่รอหลิงฮันยอมรับคำท้าของเขา
คำตอบของหลิงฮันนั้นง่ายมาก เพียงแค่จ่ายค่าเสียเวลาด้วยผลึกก่อเกิดสิบก้อนให้กับเขา และถ้าเขาเป็นฝ่ายชนะจะต้องจ่ายด้วยผลึกก่อเกิดอีกร้อยก้อน เขาก็จะรับคำท้าแล้ว
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
หลังจากที่รู้คำตอบจากหลิงฮันแล้ว ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ครั้งนี้หลัวป้าตอบกลับอย่างรวดเร็วและยอมรับเงื่อนไขของหลิงฮํน
พวกเขาทั้งสองคนตกลงที่จะต่อสู้กันในอีกสามวันข้างหน้า
หลิงฮันมั่นใจว่าหลัวป้าจะต้องแข็งแกร่งพอถึงกล้าต่อสู้กับเขา มิฉะนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะส่งผลึกก่อเกิดมาให้เขาและมาให้เขาฆ่า บนโลกใบนี้จะมีคนแบบนั้นได้อย่างไร?
แต่หลิงฮันก็ไม่ได้หวาดกลัว ไม่มีใครอื่นนอกจากตัวเขาว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว
ในเวลาไม่กี่วัน หลัวป้าไม่เพียงบรรลุระดับทลายมิติยี่สิบดาวเท่านั้น แต่ยังเพิ่มขึ้นมาถึงห้าดาว?
ใครจะทำใจเชื่อได้?
หลิงฮันยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เขารู้สึกสนใจเฒ่าฉือที่อยู่ในหอตำราเป็นอย่างมาก แม้เขาจะเคยสอบถามข้อมูลของเฒ่าฉือจากคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องของเฒ่าฉือแม้แต่คนเดียว พวกเขารู้แค่ว่าเฒ่าฉืออยู่ที่นั่นมานานมากแล้ว ในหอตำรา ทุกครั้งที่ถูกเฒ่าฉือมองเหมือนกับว่าเขาสามารถมองอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาเป็นคนที่แปลกประหลาดใจ
หลิงฮันมาที่หอตำราอีกครั้ง และเห็นชายชราฉือยังคงหลับเหมือนครั้งที่แล้ว เขาคำนับและพูดว่า “คารวะผู้อาวุโส”
เฒ่าฉือเงยหน้ามองหลิงฮันด้วยแววตาที่เปล่งประกาย ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติและส่งเสียงกระแอมแล้วพูดว่า “จ…เจ้าฝึกฝนทักษะหกธาตุสำเร็จแล้ว?”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเลยถามไปว่า “ผู้อาวุโสรู้ได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าฝึกไม่สำเร็จ ด้วยเวลาแค่หนึ่งเดือนเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร?” เฒ่าฉือตอบกลับ
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ผู้อาวุโสช่างมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก รุ่นเยาว์ผู้นี้รู้สึกชื่นชมท่านจากใจ”
เฒ่าฉือยิ้มและพูดว่า “ยังไงก็ตาม สถานการณ์ของเจ้าในปัจจุบันค่อนข้างเลวร้ายทีเดียว”
หลิงฮันยิ้มกลับและพูดว่า “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ข้าสามารถจัดการได้”
เฒ่าฉือจ้องมองหลิงฮัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “เจ้าสนใจเรียนรู้ทักษะลับจากข้าหรือไม่?”
เฒ่าฉือเป็นจอมยุทธที่เก่งกาจอย่างแน่นอน แม้เขาจะพูดปกติ แต่เป็นเหมือนประโยคคำสั่ง
หลิงฮันรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “โปรดสอนข้าด้วย”
เฒ่าฉือหลับตาราวกับว่าเขากำลังหลับอยู่ เมื่อหลิงฮันคิดเขาว่ากำลังจะนอนหลับจริงๆ เฒ่าฉือก็เปิดปากพูดว่า “ทักษะลับนี้เรียกว่าจิตเจ็ดสังหารโดยใช้พลังวิญญาณเพื่อโจมตีอีกฝ่าย เมื่อใช้มันใส่ฝ่ายตรงข้ามจะทำให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตชั่วขณะ และหากพลังวิญญาณของเจ้าแกร่งกล้าขึ้น ผลกระทบของมันก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ แม้เขาจะมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทักษะประเภทที่ใช้พลังวิญญาณโจมตี
หากเขาเรียนรู้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร เขาก็จะสามารถทำให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตได้ชั่วขณะ
แล้วจะเขาสามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง?
ในขณะที่ศัตรูเป็นอัมพาตและทำให้อีกฝ่ายหมดสติ เขาก็จะสามารถพาอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
เมื่อพาเข้าไปในหอคอยทมิฬเสร็จ เขาก็จะสามารถทำได้ทุกอย่าง!
เมื่อเฒ่าฉือคิดจะสอนเขา แล้วหลิงฮันจะไม่รู้สึกแปลกใจได้อย่างไร?
“แต่ว่าผู้อาวุโส ข้าไม่มีความคิดที่จะเป็นศิษย์ของท่าน” หลิงฮันกล่าว
เฒ่าฉือยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก ข้าแค่ถูกใจเจ้าและอยากสอนเจ้าเท่านั้น”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!” หลิงฮันพูดด้วยความเคารพและพูดต่อว่า “หากเป็นเช่นนั้น รุ่นเยาว์ผู้นี้ก็จะไม่ปฏิเสธความหวังดีของท่าน!”
เฒ่าฉือยิ้มและพูดพึมพัมว่า “บางทีอาจจะมีสักวันหนึ่งที่เจ้าอาจเป็นฝ่ายช่วยข้า”
“มานี่” เฒ่าฉือพยักหน้าให้กับหลิงฮัน
หลิงฮันเดินเข้าไปใกล้และเฒ่าฉือก็เหยียดนิ้วมือออกมา แล้วมีแสงสีขาวอยู่ตรงปลายนิ้วเพื่อที่จะกดทับไปที่หน้าผากของหลิงฮัน
นี่คือประเด็นสำคัญ ถ้าเฒ่าฉือคิดจะฆ่าเขา หลิงฮันจะไม่มีโอกาสเข้าไปหลบซ่อนในหอคอยทมิฬเลย
แต่หลิงฮันเลือกที่จะเชื่อและยืนหยัดอย่างมั่นคง
นิ้วมือของเฒ่าฉือกดไปที่หน้าผากของหลิงฮัน ทันใดนั้นตัวอักษรนับไม่ถ้วนได้หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลิงฮันทันที
ตัวอักษรทุกตัวมีความซับซ้อนมากและไม่สามารถอธิบายออกมาด้วยคำพูดได้
หลิงฮันนั่งลงและเริ่มทำความเข้าใจ ทุกครั้งที่เขาเข้าใจมันขึ้นมาทีละเล็กน้อย เขาจะรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขากำลังทำความเข้าใจอยู่ก็มีใครบางคนตบไหล่และขัดจังหวะเขา
เมื่อหลิงฮันลืมตาขึ้นมา เขาก็เห็นเฒ่าฉื่อกำลังยิ้มให้และพูดว่า “เจ้านั่งสมาธิมาสามวันแล้ว ไม่ใช่ว่าวันนี้เป็นวันที่เจ้าจะต้องออกไปต่อสู้หรอกรึ?”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจ นี่ผ่านไปสามวันแล้วรึ ทั้งที่เขารู้สึกเหมือนผ่านไปแค่ชั่วครู่เท่านั้น!
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโส แล้วข้าจะกลับมาหาท่านอีกครั้ง”
“เจ้าไปได้แล้ว” เฒ่าฉือโบกมือลา