ด้วยความแข็งแกร่งของจักรพรรดินี แน่นอนว่านางสามารถสยบสัตว์อสูรระดับภูผาวารีได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาคือนางไม่ได้เข้ามาในเขตแดนลี้ลับนี้ด้วย
หรือว่านางจะทิ้งสัมผัสสวรรค์ไว้ในร่างของหูเฟยหยิน? หรือจะเป็นทักษะลับบางอย่าง?
หลิงฮันส่ายหน้าอยู่ในใจ อย่างน้อยที่เขารู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะมีทักษะลับแบบนั้น มิฉะนั้น ทำไมผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายถึงให้ถังเฟิงดูแลบุตรสาวของเขาแทนที่เขาจะใช้ทักษะลับแทนล่ะ?
แต่หลิงฮันมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นจักรพรรดินีแน่นอน!
ในตอนนี้หูเฟยหยินหันกลับมามองหลิงฮัน แต่นางดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้นางดูเต็มไปด้วยพลังและแรงกดดันของนางทำให้หน้าผากของหลิงฮันเต็มไปด้วยเหงื่อ
นี่ไม่ใช่หูเฟยหยินแน่นอน แต่เป็นจักรพรรดินี…หรือจะพูดให้ถูกคือร่างของนางถูกจักรพรรดินีควบคุมอยู่
แววตาของหูเฟยหยินเปล่งประกายแสงที่ดูหนาวเย็น และทันใดนั้นเองมันก็กลายเป็นจิตสังหารที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวถูกฉีกขาด แต่นางดูลังเลและไม่เคลื่อนไหว
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ พลังที่น่าสะพรึงกลัวของนางก็หายไปอย่างสมบูรณ์
“หืม มันตายได้ยังไง?” หูเฟยหยินรู้สึกสับสนและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หลิงฮันมองดูความไร้เดียงสาของหูเฟยหยิน ดูเหมือนว่านางจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้
แปลกมาก!
หลิงฮันรู้สึกว่าราชินีที่เก้าอาจซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง ดังนั้นจักรพรรดินีจึงคิดที่จะฆ่าเขา
แน่นอนถ้านางเคลื่อนไหว หลิงฮันก็สามารถเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬได้
“หลิงฮัน เจ้าเป็นคนฆ่ามันหรอ?” หูเฟยหยินมองหลิงฮันด้วยดวงตาที่กลมตาและแสดงความประทับใจออกมา “ยอดเยี่ยมไปเลย เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” นางรู้สึกตื่นเต้นมากและรีบคว้าแขนของหลิงฮันแกว่งไปมา
“อย่าเพิ่งดีใจไป มันยังมีอีกหนึ่งตัว!” หลิงฮันรีบพูด
หูเฟยหยินดูตกใจและรีบหันไปมองบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่ออสูรหมาป่าตัวน้อยเห็นหูเฟยหยิน มันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและรีบบินหนีจากไปอย่างไร้ทางเลือก
หูเฟยหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “โชคดีที่เจ้าฆ่าสัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นไปแล้ว เจ้าตัวน้อยนั่นเลยหวาดกลัวเจ้า”
มันเป็นเจ้าต่างหากไม่ใช่ข้า
หลิงฮันพูดในใจ แต่ก็ไม่พูดอธิบายอะไร เขาแค่พูดว่า “ข้าขอตัวฟื้นพลังก่อน แล้วค่อนออกเดินทางกันต่อ”
“อืม!” หูเฟยหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและดูเชื่อฟัง
หลิงฮันนำเม็ดยาออกมา ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารี ดังนั้นการฟื้นฟูพลังของเขาจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ
ในทางตรงกันข้าม กายหยาบของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เขานำผลึกก่อเกิดออกมาและดูดซับ แม้ว่าไม่เร็วพอ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ในที่สุดเขาก็สามารถฟื้นคืนพลังได้อย่างสมบูรณ์
หูเฟยหยินไม่เก็บรวมรวบเนื้อสัตว์อสูร สิ่งที่นางสนใจมีแค่ผลึกภูผาวารีเท่านั้น เพราะมันหาได้ยากมาก ส่วนเนื้อสัตว์อสูรมันไม่ได้หายากอะไรเลยสำหรับนาง
แต่หลิงฮันนั้นแตกต่าง เขาชำแหละสัตว์อสูรที่ถูกฆ่า จนในที่สุดก็นำก้อนเนื้อขนาดเท่านิ้วก้อยออกมาได้และมีกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดมาก
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินทางมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์กันต่อ หลังจากผ่านไปครึ่งวันพวกเขาก็เดินทางมาถึงทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ น้ำภายในทะเลสาบไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย และมีสีแดงเหมือนโลหิตที่แข็งตัว ราวกับเป็นผลึกโลหิต
“นี่คือทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์? มันควรจะเรียกว่าทะเลสาบโลหิตมากกว่า” หลิงฮันกล่าว
เขากับหูเฟยหยินไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ มีหลายคนกำลังนั่งอยู่ริมทะเลสาบอยู่ก่อนแล้ว และมีบางคนก็กำลังมุ่งหน้าไปที่กลางทะเลสาบ
—— บนผิวน้ำของทะเลสาบมีแผ่นหินลอยอยู่เหนือน้ำ ซึ่งแผ่นหินทุกก้อนจะมีระยะห่างประมาณสองฟุตเป็นทางเดินจากสี่ทิศทางที่พาไปยังเกาะกลางทะเลสาบ
สำหรับจอมยุทธแล้วระยะทางระหว่างแผ่นหินควรจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ทุกคนที่กำลังกระโดดอยู่บนแผ่นหินด้านหน้าต่างปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“อ๊าก!” ในขณะนั้นเองมีใครบางคนตกลงไปในน้ำ และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ราวกับว่าทะเลสาบมีพลังกัดกร่อนที่รุนแรง
ชายคนนั้นรีบนำเม็ดยาออกมารักษาอาการบาดเจ็บทันที แขนและขาของเขาหลุดออกจากร่างทีละส่วนแล้วเผยให้เห็นกระดูกสีขาว แม้กระทั่งกระดูกยังดูเหมือนว่าจะถูกละลาย
แต่น่าเสียดายที่มันไม่หยุดแค่นั้น ใบหน้า หน้าอกและหน้าท้องของเขาเริ่มถูกกัดกร่อนและกลายเป็นหลุดเลือดท่สามารถมองเห็นสมอง หัวใจ และช่องท้องได้ มันเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวมาก
“หลิงฮัน!” เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่เห็นเขา นางรีบเดินมาหาอย่างรวดเร็วและเผยสีหน้าโล่งอก “ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่นี่!”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“มันมีเกาะอยู่กลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ และมีแผ่นหินที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำจากทั้งสี่ทิศที่จะพาไปที่นั่น แต่ว่าแผ่นหินพวกนั้นมีแรงโน้มถ่วงที่น่าทึ่งมาก ยิ่งไปไกลได้มากเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงก็จะยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอธิบาย
จากนั้นเมื่อนางเห็นหูเฟยหยิน นางรีบโค้งคำนับทันทีและพูดว่า “คารวะราชินีที่เก้า”
หูเฟยหยินโบกมือด้วยความเขินอายและพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี”
หลิงฮันพูดว่า “หรือว่าจะมีผลึกภูผาวารีอยู่ที่เกาะกลางทะเลสาบ?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า “แม้ผลึกภูผาวารีจะสามารถหาได้ทุกที่ในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ แต่ผลึกภูผาวารีที่อยู่เกาะกลางทะเลสาบน่าจะมีค่ามากกว่า”
“โอ้ว มันมีค่ามากกว่าผลึกภูผาวารีทั่วไปยังไงรึ?” หลิงฮันถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“แรงโน้มถ่วง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะไปเอามันมาให้ได้”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลย แค่จะไปให้ถึงเกาะกลางทะเลสาบก็เป็นเรื่องยากแล้ว”
“แต่ถ้าเจ้าโชคดีอาจพบผลึกภูผาวารีทั่วไปบนแผ่นหิน”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนธรรมดา!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่หันตาขาวใส่และไม่เคยเห็นคนที่มั่นใจตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่หูเฟยหยินนั้นพยักหน้า นางยังคงเชื่อว่าหลิงฮันเป็นคนที่สามารถฆ่าอสูรหมาป่าสามหัวได้ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด จากความไร้เดียงสาของนาง