เย่เหวินซานกับถังฮว่าเป็นหัวกะทิของศิษย์ระดับภูผาวารีขั้นต้นของสำนักฝ่ายเหนือ พวกเขาติดอันดับสี่ร้อยแปดสิบกับหน้าร้อยยี่สิบสอง พลังบ่มเพาะของพวกเขาคือขั้นต้นชั้นสูงสุดกับทั้งคู่ นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะหนึ่งดาวที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่าระดับภูผาวารี่ขั้นกลางชั้นแรกเริ่ม
พวกเขาข้ามทะเลสาบนี้มาก่อนแล้วซึ่งขีดกำจัดของพวกเขาก็คือแปดสิบก้าว
‘ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ’
ก้อนหินที้ใช้ด้าวเดินนั้นกว้างกว่าที่จะเดินคนเดียว หากเดินพร้อมกันสองคนก็จะเดินได้พอดี แต่ไม่สามารถเดินพร้อมกันสามคนได้
พวกเขารีบพุ่งเดินราวกับสายลม เมื่อเข้าหลิงฮันขึ้นมาเรื่อยๆพวกเขาก็แสยะยิ้ม
โชคของเจ้าจบลงเท่านี้แล้ว
“หลบไป!” ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกันและเอื้อมมือไปยังหลิงฮัน
แน่นอนว่าหลิงฮันรอคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่หลบหลีกแต่เลือกที่จะปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าของทั้งสอง เขาไม่ออมมือแม้แต่น้อย เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไป เงาภูผาวารีขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
‘พรวด!’
ผู้คนบนริมทะเลสาบที่เห็นอดหัวเราะออกมาไม่ได้
พวกเขาเคยเห็นภูผาวารีมาหลายรอบรอบ แต่ภูผาวรีของหลิงฮันยังเล็กเกินไป
ขนาดของภูผาวารีคือตัวกำหนดพลังของจอมยุทธระดับภูผาวารี
“แส่หาที่ตาย!”
ทั้งสองคนยิ้มเยาะเย้ย แค่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้คิดจะมาปะทะกับพวกเขางั้นรึ พวกเขาแอบโคจรพลังปราณในร่างเล็กน้อย อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่ทำให้หลิงฮันตายในทันที
เพราะอย่างไรท่ามกลางสายตาของสาธารณชน การสังหารศิษย์น้องร่วมสำนักไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
‘ปัง! ปัง!’
หมัดของหลิงฮันเข้าปะทะ แขนของทั้งสองคนถูกปัดออกไปอย่างไม่อาจต้านทานทำให้หมัดของหลิงฮันกระแทกใส่หน้าของพวกเขาโดยตรง
อะไรกัน!
ณ เวลานี้ทั้งสองคนไม่มีเวลามากพอจะกล่าวอะไร แต่สีหน้าของพวกเขาก็อธิบายความในใจของพวกเขาได้ชัดเจนแล้ว
ตกตะลึง… สับสน… และหวาดกลัว
จอมยุทธจากโลกใบเล็กที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้วเพิ่งควบแน่นเงาของภูผาวารีได้แค่ขนาดเล็กๆ เหตุใดถึงมีพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้?
หน้าของพวกเขาที่ถูกหมัดโจมตีใส่นั้นราวกับถูกเหล็กกล้ากระแทกเข้าใส่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของพวกเขาสั่นสะท้านราวกับเป็นคลื่นน้ำ
ฟันคู่หนึ่งกระเด็นออกมา ร่างของพวกเขาลอยสูงโค้งขึ้นไปบ้นท้องฟ้าก่อนจะร่วงลงที่ทะเลสาบ
“อ๊ากก” ทั้งสองส่งเสียงกรี๊ดร้องและรีบว่ายขึ้นฝั่ง
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากล้ามเนื้อของพวกเขากำลังถูกหลอมละลายด้วยความเร็วสูง ถึงแม้พวกเขาจะโคจรปราณก่อเกิดคุ้มกันเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ มันช่วยได้เพียงทำให้การกัดกร่อนช้าลงเท่านั้นแต่กล้ามเนื้อของพวกเขาก็กำลังละลายอยู่ดี
ทุกคนชะงักทันที ใครบ้างจะคิดว่าเหตุการณ์จะกลายมาเป็นเช่นนี้?
อย่ามองว่าพวกเย่เหวินซานเป็นเพียงแค่อันดับประมาณสี่ร้อยถึงห้าร้อย พวกเจ้ารู้รึเปล่าว่าในสำนักฝ่ายเหนือมีศิษย์กี่คนที่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้น?
ทุกๆยี่สิบปีจะมีศิษย์เข้าร่วมสำนักฝ่ายเหนือราวๆห้าร้อยคน พวกเขาเหล่านั้นจะใช้เวลาประมาณร้อยปีในการบรรลุระดับภูผาวารี
สำนักนภาสีชาดจะรับเพียงลูกศิษย์ที่อัจฉริยะเท่านั้น ถ้าใครไม่สามารถบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางได้ภายในหนึ่งหมื่นปีพวกเขาจะถูกไล่ออกจากสำนักทันที ถ้าเฉลี่ยแล้วศิษย์ในระดับภูผาวารีขั้นต้นจะมีถึงหนึ่งแสนคน!
ดังนั้นการติดอันดับห้าร้อยในหมู่หนึ่งแสนคน จะไม่นับว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดได้อย่างไร?
แต่การที่แต่หลิงฮันเหวี่ยงหมัดก็ทำให้ทั้งสองคนลอยกระเด็นได้นี่มัน… แข็งแกร่งเกินไป!
และที่สำคัญคือเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีมาเอง
ถ้าตอนนี้เขายังแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าเป็นในวันข้างหน้าล่ะ?
“เห็นว่าจอมยุทธจากโลกใบเล็กผู้นั้นสามารถขึ้นไปถึงหอคอยดาราขาวชั้นแปด เขามีคุณสมบัติจะกลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาว”
“ถ้าเป็นอัจฉริยะสี่ดาว เขาก็จะมีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับภูผาวารีขั้นกลางเมื่อทะลวงผ่านระดับภูผาวารี ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงในทรงพลังเช่นนั้น”
“แต่ไม่ใช่ว่าพวกถังฮว่าก็มีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นแรกเริ่มรึไง?”
“ไม่หรอก พวกเขาอาจจะไม่นึกว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดนั้นจึงไม่ได้เอาจริง เพราะงั้นพวกเขาถึงได้ถูกทำร้ายได้ง่ายเช่นนั้น”
“เป็นเช่นนี้เอง!” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
แต่ยังมีบางคนที่คิดไปไกลกว่านั้น ถ้าหากหลิงฮันเดินผ่านก้อนหินได้ร้อยก้าวและไคว่คว้าผลึกภูผาวารีพิเศษมาได้ พลังต่อสู้ของเขาจะไม่เพิ่มเป็นอัจฉริยะห้าดาวเลยรึงไง?
แม้จะไม่แน่ใจแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!
อัจฉริยะห้าดาว… แค่คิดก็ทำให้พวกเขาขนลุกแล้ว
หลิงฮันหันกลับไปทางเดิม ในสายตาเขาทั้งสองคนนี้เป็นเพียงแค่แมลงเท่านั้น เป้าหมายของเขาไม่ใช่สองคนนี้แต่เป็น… จ้าวหลุน!
เขาเดินหน้าต่อด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
วิธีที่จะใช้ต้านทานแรงโน้มถ่วงที่ถาโถมเข้าใส่คือพลังของตน
แต่เพราะเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ถูกกำจัดพลังบ่มเพาะเอาไว้ จึงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะต้านทานแรงโน้มถ่วงได้เช่นหลิงฮัน ยิงกว่านั้นนอกจากพลังแล้ว หลิงฮันก็ยังมีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน
ภายใต้การกดทับของแรงโน้มถ่วง จอมยุทธคนอื่นจะใช้ปราณก่อเกิดคุ้มกันอวัยวะภายในอย่างเช่นหัวใจและสมองเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอัวยะเหล่านั้นจะถูกบดขยี้โดยแรงโน้มถ่วง แต่หลิงฮันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพราะมีกายหยาบที่เทียบเท่าแร่โลหะระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง
ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือการใช้พลังต้านทานแรงโน้มถ่วงเพียงอย่างเดียว
หกสิบก้าว แปดสิบก้าว เก้าสิบก้าว เขาเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนจนกระทั่งถึงก้าวที่เก้าสิบความเร็วของเขาก็ลดลงและแสดงสีหน้าปั้นยากออกมา
หน้าผากของเขามีเหงื่อไหล กระดูกในร่างและผิวหนังของเขาสั่นสะท้าน
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ยังเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
“เขาไม่ใช่ธรรมดาจริงๆด้วย!” ใครบางคนอุทานออกมา
ทุกคนพยักหน้า มีเพียงคำว่า ‘ไม่ปกติ’ เท่านั้นที่สามารถใช้อธิบายความสามารของหลิงฮัน
เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้สามารถผลิตผลึกภูผาวารีพิเศษได้ ผู้คนมากมายจึงมารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนแต่ก็ไม่มีใครเลยก็สามารถนำผลึกภูผาวารีที่อยู่บนเกาะมาครอบครองได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว