แสงดาบที่พุ่งเข้ามาเจิดจ้ามากจนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าถูกบดบัง
มันไม่ใช่การโจมตีจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เป็นพลังของจอมยุทธระดับดารา!
ปฏิกิริยาแรกของหลิงฮันคือเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที ถึงแม้กายหยาบของเขาจะเทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง แต่หากรับการโจมตีครั้งนี้เกรงว่าร่างของเขาคงจะถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
ปัง!
แต่ทันใดนั้นเอง แสงสีทองได้สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าตรงหน้าของเขา และแสงสีทองนั่นแผ่ขยายเป็นวงกว้างเป็นอาณาเขตสีทองที่กำลังปกป้องเขา สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินที่หลบอยู่ด้านหลัง
ปัง!
การปะทะกันของทั้งสองทำให้เกิดคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายเป็นวงกว้าง และท้องฟ้ากลายเป็นสีทองและดูบิดเบี้ยวราวกับชั้นบรรยากาศกำลังถูกฉีกกระชาก
“หึ่ม เจ้ากล้าลงสังหารคนของข้าผู้ต่อหน้าข้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!” ร่างของคนผู้หนึ่งที่มือข้างหนึ่งถือกระบองปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
เขาคือติงหลี่หนึ่งในเจ็ดแม่ทัพแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ
เขาเป็นชายร่างสูงที่กำลังสวมชุดเกราะสีแดง และหากมองให้ดีจะเห็นว่าเกราะของเขาปกคลุมไปทั่วอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ และเส้นผมของเขากำลังลอยไปตามสายลมพร้อมกับแสงสีทองราวกับเขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจก้าวผ่าน!
เหตุการณ์ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงมากที่สุดคือเขาบุกเข้าไปในจักรวรรดิราชวงศ์อื่นเพียงคนเดียวเพื่อสังหารคนทรยศในเมืองจักรพรรดิของศัตรู ในท้ายที่สุดเขาก็บุกฝ่าวงล้อมของศัตรูออกมาได้สำเร็จและกลับมาที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้โดยที่ไม่ถูกฆ่าตาย
แน่นอนว่าการที่เขาสามารถหลบหนีออกมาได้เขาจะต้องจ่ายมหาศาล ซึ่งเขาต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับในครั้งนั้น แล้วว่ากันว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวทำให้เขาไม่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราขั้นปลายชั้นสูงสุดได้
“โอ้ว แม่ทัพติงจะจริงจังเกินไปแล้ว ข้าแค่หยอกล้อจอมยุทธระดับภูผาวารีเล่นเท่านั้น” มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ
“อันหลันหวัง เจ้าคิดจะต่อสู้กับข้า?” ติงหลี่ชี้กระบองไปที่ชายวัยกลางคนพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
หากเป็นคนทั่วไปพวกเขาคงจะหวาดกลัวจนตายไปแล้ว แต่สำหรับชายวัยกลางคนที่มีชื่อว่าอันหลันหวังกลับไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีสถานะสูงส่งในจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคาม ซึ่งเขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีสถานะที่สูงส่งด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวติงหลี่
เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าต้องการชีวิตของเจ้าเด็กนี่ มันจะต้องถูกสังหารในวันนี้!”
หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าอยากถามท่านว่า ข้าไปรุกรานท่านตอนไหนกัน?” เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับจอมยุทธระดับดาดรา แต่อีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา แล้วเขาจะไม่สนใจได้อย่างไร?
อันหลันหวังเผยสีหน้าเหยียดยาม จอมยุทธระดับภูผาวารีกระจ้อยร่อยนี่กล้าพูดกับเขา? ช่างอวดดียิ่งนัก! เขาไม่สนใจหลิงฮันแม้แต่น้อย และยังคงจ้องมองไปที่ติงหลี่
สีหน้าของติงหลี่กลายเป็นเย็นชาและพูดว่า “บางทีเจ้าอาจรู้ว่าเจ้าเด็กนี่สามารถไปถึงเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสามครั้ง แล้วกลัวว่าเขาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามของเจ้าในอนาคต?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วมันยังไง!” อันหลันหวังไม่ปฏิเสธ เขาเพียงแค่หัวเราะกลบเกลื่อนและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าเด็กนี่จะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่กว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายแสนปี แล้วแม่ทัพติงจะเสียเวลาปกป้องเขาไปทำไม?”
“อันหลันหวัง เจ้าจะสู้กับข้าจริงๆรึ?” ติงหลี่เริ่มหมดความอดทน
“แม่ทัพติง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบหลงรักจักรพรรดินี แล้วเจ้าไม่กลัวหรือว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่ทำดึงดูดความสนใจของจักรพรรดินีรึ หรือแม้กระทั่ง…ฮ่าฮ่าฮ่า!” อันหลันหวังพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
นี่คือจุดอ่อนของติงหลี่
เขาแอบหลงรักจักรพรรดินีมานาน ซึ่งเป็นความลับที่หลายคนทราบเป็นอย่างดี
ตอนนี้เมื่อถูกอันหลันหวังพูดยั่วยุ ใบหน้าของติงหลี่เลยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเผยจิตสังหารออกมาให้เห็น
จักรพรรดินีไม่ได้เป็นจุดอ่อนเดียวของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวตนที่เขาไม่อาจขัดขืนและล่วงเกินได้!
“อันหลันหวัง เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?” ติงหลี่โกรธมาก ถึงแม้เขาจะแอบหลงรักจักรพรรดินี แต่เขาก็ยังมีความละอายใจอยู่บ้างและเชื่อว่าไม่มีชายคนใดในโลกที่คู่ควรกับนาง และตอนนี้อีกฝ่ายยังกล้าพูดจาดูหมิ่นจักรพรรดินี ซึ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
อันหลันหวังรู้สึกตกตะลึงที่เขายั่วยุติงหลี่ไม่สำเร็จ ในทางตรงข้ามมันกลับเป็นการกระตุ้นโทสะของติงหลี่มาที่เขาอีก นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังไงก็ตามเจ้าเด็กนี่จะต้องถูกกำจัดโดยเร็ว!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น และมีชายรูปงามในชุดขาวปรากฏตัวอยู่ด้านข้างติงหลี่และอันหลันหวัง
“ฉีเฟิง!” ติงหลี่ตะโกน
ฉีเฟิงเป็นแม่ทัพของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขามีสถานะและความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับติงหลี่ ในตอนที่ติงหลี่บุกเข้าไปในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขาเป็นตัวหลักที่ไล่ล่าติงหลี่ แต่น่าเสียดายที่เขาปล่อยให้ติงหลี่หลบหนีกลับไปที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้ และนั่นเองเป็นความกังวลที่อยู่ในใจของเขาอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสองอาจพูดได้ว่าเป็นศัตรูกันมานาน แต่จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่งไม่ได้มีความบาดหมางถึงขั้นก่อสงครามครั้งใหญ่กันอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ต่อสู้กันมานาน
“ติงหลี่ ส่งเจ้าเด็กนั่นมา มิฉะนั้นข้าก็คงไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกับอันหลันหวัง!” ฉีเฟิงกล่าว
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาแค่ไปถึงเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้งเท่านั้น แต่ทำไมจอมยุทธระดับดาราถึงต้องการกำจัดเขาให้ได้ขนาดนี้?
“ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปมากจริงๆ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดกระซิบ “ครั้งก่อนจ้าวหลุนก็เกือบถูกฆ่าเมื่อเขาไปที่เกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สองครั้ง แต่ในตอนนั้นที่เขารอดมาได้เพราะชื่อเสียงของตัวเขาเองและความช่วยเหลือของแม่ทัพจ้าวที่เป็นพ่อของเขา”
นางรู้สึกเป็นห่วงหลิงฮันมาก ครั้งนี้ใครจะคิดกันล่ะว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์มากมายขนาดนี้ การที่เขาสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้ง นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์มากกว่าจ้าวหลุนหลายเท่านั้น แล้วอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์จะไม่เคลื่อนไหวได้อย่างไร
แต่ตอนนี้มีแม่ทัพติงหลี่เพียงคนเดียว แล้วเขาจะสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายที่เป็นจอมยุทธระดับดาราสองคนได้อย่างไร?
อันหลันหวังยืนกอดอกและเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
แต่ติงหลี่บ้าคลั่งไปแล้ว เขาชี้กระบองใส่อีกฝ่ายไม่หยุดและพูดว่า “หากพวกเจ้าอยากลองดีก็ลองดู! แล้วอย่าหาว่าข้าทำตัวไม่สุภาพ! แล้วข้าจะพารุ่นเยาว์ของพวกเจ้าไปด้วย…จะต้องไม่มีใครรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว!”
เมื่อติงหลี่กล่าว สีหน้าของอันหลันหวังและฉีเฟิงเปลี่ยนไปทันที คำพูดที่ออกมาจากปากจอมยุทธระดับดารา ใครจะคิดว่าเขาพูดเล่น?
“ติงหลี่ เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเองว่าสุดยอดทักษะของทะเลทรายทางเหนือมันเป็นเช่นไร!” หมัดของฉีเฟิงขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า ถึงแม้เขาจะรูปงาม แต่แท้จริงแล้วเขามีชื่อเสียงด้านการต่อสู้ระยะประชิดมากที่สุด
“ข้าเองก็จะสั่งสอนเจ้าเช่นกัน!” อันหลันหวังนำดาบที่ทรงพลังออกมา