อันหลันหวังและฉีเฟิงรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยในใจ มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยกระดับความแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาติดอยู่ในระดับนี้มานานแสนปีแล้ว แม้แต่ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยยังเป็นเรื่องยากเลย
ติงหลี่หัวเราะอยากภาคภูมิใจและพูดว่า “กินกระบองของข้าไปซะ!”
เขาเพียงแค่หันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย และฟาดฟันกระบองใส่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
แต่ในขณะที่เขายกกระบองขึ้นมา แสงสีทองได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน และก่อตัวเป็นวงกลมมากถึงสามสิบหกวง และเข้าไปล้อมรอบอันหลันหวังกับฉีเฟิง
อันหลันหวังกับฉีเฟิงไม่กล้าประมาท ทั้งสองคนรีบระเบิดพลังทั้งหมดออกมาทันที มิฉะนั้นอาจเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกคนคนเดียวฆ่าตาย
ปัง!
เมื่อติงหลี่เหวี่ยงกระบอง บอลแสงทั้งสามสิบหกลูกพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที และทำให้ท้องฟ้าเจิดจ้าไปด้วยแสงสีทองอีกครั้ง ถึงขั้นทำให้สวรรค์และปฐพีกลายเป็นมืดมิด นั่นเป็นเพราะแสงสีทองนั่นมันเจิดจ้าเกินไป
เมื่อแสงสีทองเรือนหายไป อันหลันหวังและฉีเฟิงก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บ
“อัก!” ติงหลี่เองก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน แต่เลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นสีทองและถูกเผาไหม้ไปจนหมดก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉีเฟิงส่งเสียงหัวเราะ “ติงหลี่ที่แท้เจ้าก็ยังไม่เชี่ยวชาญทักษะเก้ากระบองลึกลับ! แล้วเจ้าจะโจมตีได้อีกสักกี่กระบวนท่ากันเชียว?”
ติงหลี่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจบนท้องฟ้า เส้นผมสีดำของเขาสะบัดไปมา แล้วพูดอย่างกล้าหาญว่า “ไม่ต้องกังวล อย่างน้อยก็สามารถฆ่าพวกเจ้าได้!”
ฉีเฟิงเริ่มกังวล เขาแค่ต้องการฆ่าหลิงฮันเท่านั้นเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ถ้าอีกฝ่ายตายหรือเขาเป็นฝ่ายถูกฆ่า มันจะนำพาผลที่ตามมามากมาย
ติงหลี่ตัดสินใจที่จะต่อสู้จนตัวตาย แต่เขายังขาดพลัง ดังนั้นถ้าต่อสู้กับสองคนโอกาสที่เขาจะเป็นฝ่ายแพ้นั้นสูงมาก
อันหลันหวังเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าติงหลี่จะยอมสู้จนตัวตายเพื่อจอมยุทธระดับภูผาวารีแค่คนเดียว! ว่ากันว่าในบรรดาแม่ทัพทั้งเจ็ดคน ติงหลี่เป็นผู้ที่ภักดีต่อจักรพรรดินีมากที่สุด และดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นไม่มีผิด
-จักรพรรดินีได้มอบหมายให้เขาคอยดูแลและพาผู้มีสิทธิ์เข้าเขตแดนลี้ลับมาที่นี่ แม้จะต้องตายเขาก็ต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
มันเป็นเพราะความโง่เขลาของเขาหรือความภักดีกันแน่?
อันหลันหวังไม่เคยเห็นจักรพรรดินีมาก่อน แต่เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดินีมานาน ว่ากันว่านางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลก แม้แต่จักรพรรดิจากทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ยังโงหัวไม่ขึ้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาอยากจะเห็นโฉมหน้าของจักรพรรดินีว่างดงามเพียงใดถึงทำให้ติงหลี่ภักดีต่อนางขนาดนี้
หัวใจของฉีเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่คิดที่จะมาทิ้งชีวิตที่นี่ และไม่อยากต่อสู้อีกต่อไป
อันหลันหวังยิ้มและพูดว่า “เนื่องจากความแน่วแน่ของแม่ทัพติงที่แสดงออกมาให้เห็น เช่นนั้นข้าก็จะไว้หน้าเจ้า โดยการไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่!” อย่างไรก็ตาม หลิงฮันเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น อีกนานกว่าเขาจะกลายเป็นจอมยุทธระดับดารา ซึ่งพวกเขายังมีโอกาสอีกมากที่จะฆ่าหลิงฮัน
ฉีเฟิงไม่พูดอะไร เขาดูนิ่งเงียบ แต่ที่จริงแล้วเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ติงหลี่พาดกระบองไว้บนไหล่ และแสยะยิ้มอย่างเฉยเมย
“ยังไงก็ตาม พวกข้าได้วางมือแล้ว เช่นนั้นปล่อยให้รุ่นเยาว์เป็นคนจัดการเองได้หรือไม่?” อันหลันหวังยังคงไม่ละความคิดที่จะฆ่าหลิงฮัน
“ย่อมได้!” ติงหลี่ตอบอย่างเรียบง่าย เขาเพียงแค่โบกมือและพูดว่า “ตราบใดที่อยู่ในระดับเดียวกันหรืออายุใกล้เคียงกัน ข้าก็ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสามคนร่อนลงกลับไปที่พื้นพร้อมกัน
“ใครในหมู่พวกเจ้าสามารถต่อสู้กับอัจฉริยะจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้บ้าง?” อันหลันหวังถามรุ่นเยาว์ของจักรวรรดิตนเองด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าใครคนใดสามารถสังหารเจ้าเด็กนั่นได้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์!” ฉีเฟิงไม่พูดอ้อมค้อมและเสนอรางวัลตอบแทนทันที
ทว่ากลับไม่มีใครเสนอตัวแม้แต่คนเดียว
ในทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ หลายคนเห็นความสำเร็จของหลิงฮัน เขาเป็นคนที่ผิดปกติมาก แม้จะตกลงไปในทะเลสาบก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วใครจะไปทำอะไรเขาได้? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไปถึงเกาะกลางทะเลสาบได้ถึงสามครั้งอีกด้วย
การที่หลิงฮันสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบได้สามครั้งสามารถอธิบายได้ว่าอย่างไร?
ความแข็งแกร่งและกายหยาบของเขาสามารถบดขยี้ใครก็ได้ในระดับภูผาวารีขั้นต้น!
ข้อเสนอของฉีเฟิงนั้นน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก แต่ในกรณีที่พวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ? มันจะเกิดอะไรขึ้น?
ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของอันหลันหวังและฉีเฟิงจะบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด รุ่นเยาว์ของพวกเขาไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับหลิงฮัน นี่ทำให้พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก
“โอ้ว เจ้าโง่หลิงแข็งแกร่งถึงขนาดไม่มีใครกล้าสู้กับเขาเลยหรือ?” หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้น ในอดีตถ้าเป็นจ้าวหลุนยังพอมีคนอื่นเข้ามาท้าทายเขาอยู่บ้าง
หลิงฮันแข็งแกร่งเกินไปจนไม่มีใครกล้าสู้ด้วย นี่ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
เมื่อถังเฟยเห็นเช่นนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะกำหมัดแน่นด้วยความหึงหวงและความเกลียดชัง
เขาสาบานอยู่ในใจว่าจะท้าทายหลิงฮันและโค่นล้มอีกฝ่ายให้จงได้!
“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง!” ฉีเฟิงโบกมือและตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “รีบย้ายก้นของพวกเจ้าขึ้นไปบนเรือเหาะได้แล้ว!”
ผู้คนจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์รีบขึ้นไปบนเรือเหาะทันที ใครจะมีความกล้าเข้าไปท้าทายหลิงฮันกัน?
อันหลันหวังถอนหายใจและสั่งให้คนของเขาขึ้นไปบนเรือเหาะเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนจ้องมองหลิงฮันไม่หยุด แล้วหันเรือบินมุ่งหน้าไปยังทิศทางจักรวรรดิของตน
ในปัจจุบัน หลิงฮันยังห่างไกลจากระดับดารา แล้วพวกเขาจะไม่มีโอกาสฆ่าจอมยุทธระดับภูผาวารีได้อย่างไร?
“เดินทางกลับ!” ติงหลี่เองก็โบกมือ และเมื่อทุกคนขึ้นไปบนเรือเหาะครบแล้ว เขาก็รีบเข้าไปในห้องโดยสารทันที ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูซีดขาวเป็นอย่างมาก ถึงขั้นทรุดลงกับพื้น และมีเหงื่อไหลท่วมตัวราวกับสายน้ำ
การที่เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับดาราสองคนได้จะไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้ทักษะเก้ากระบองลึกลับออกมาด้วย ทำให้ร่างกายของเขาได้รับภาระหนักเกินไป หากเขาไม่ทำเช่นนั้น แล้วเขาจะต่อกรกับจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนได้อย่างไร?
เรือเหาะมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เรือเหาะมาถึงเมืองจักรพรรดิ ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะจากไป พวกเขาต่างหันหน้ากลับไปมองหลิงฮันไม่หยุด อัจฉริยะอย่างเขาถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง มันเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกเก็บระหว่างทาง