เมื่อผู้คนที่เข้าไปในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เดินทางกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิ ข่าวที่น่าทึ่งก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
-ใครบางคนสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้ง!
ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมาย ไปได้สามครั้งมันก็ดีแล้วมิใช่หรือ?
ทันใดนั้นก็มีบางคนพูดว่า “แล้วเจ้ารู้จักจ้าวหลุนหรือไม่? จ้าวหลุนสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้แค่สองครั้งเท่านั้น และถือเป็นคนแรกในรอบพันปี!”
เมื่อพูดเปรียบเทียบจะทำให้ทุกคนมองเห็นภาพมากยิ่งขึ้น
จ้าวหลุนเป็นใคร?
เขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง ทุกคนต่างรู้จักเขาและเขามีโอกาสสูงมากที่จะทะลวงผ่านระดับดาราได้ในอนาคต! และคนที่มีพรสวรรค์อย่างเขาหาได้ยากยิ่ง!
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าจ้าวหลุนปรากฏตัวออกมา
“หลิงฮันคนนี้เป็นใครกัน?”
“นี่เจ้าไม่รู้จักเขาหรือ? เขามาจากโลกใบเล็ก!”
“เจ้าพูดว่าไงนะ คนที่มาจากโลกใบเล็กจะมีพรสวรรค์ขนาดนั้นได้ยังไงกัน? เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้อย่างนั้นรึ? ข้ายังไม่เคยเห็นจอมยุทธที่ขึ้นมาจากโลกใบเล็กมาก่อนเลย และจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบห้าดาวก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับขยะ”
“เจ้าอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นจักรพรรดิของโลกใบเล็กที่ขึ้นมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเปิดสวรรค์”
“อึก!”
แค่หลิงฮันเข้าร่วมการประลองระหว่างจักรวรรดิแล้วได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งมาก็ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแล้ว แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาในเมืองจักรพรรดิ ทุกขุมพลังต่างจดจำเขาเอาไว้
หากเขาเติบโตขึ้น มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคต!
แต่การทะลวงผ่านระดับดาราได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก มันต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายมหาศาล ถ้าไม่มีขุมพลังคอยหนุนหลังเขา เขาจะไม่มีทางทะลวงผ่านระดับดาราได้อย่างแน่นอน
ขุมพลังบางแห่งที่มีจอมยุทธระดับสุริยันถึงขั้นตัดสินใจรับหลิงฮันเป็นบุตรเขต ตราบใดที่หลิงฮันเห็นชอบด้วย พวกเขาก็จะมอบทรัพยากรทั้งหมดให้แก่เขา แล้วเมื่อใดที่เขากลายเป็นจอมยุทธระดับดารา เขาก็จะกลายเป็นเสาหลักของตระกูล
แต่บางขุมพลังก็หวังฆ่าหลิงฮัน อย่างเช่นตระกูลหลัวที่ไม่ยอมให้หลิงฮันเติบโตไปมากกว่านี้
เมื่อหลิงฮันมาถึงเมืองจักรพรรดิ เขารีบมุ่งหน้ากลับไปที่สำนักทันที
อย่างแรกที่เขาต้องทำคือรายงานตัวที่สำนัก เกี่ยวกับผลกระทบที่ใช้ผลึกภูผาวารี เพราะเขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้โดยใช้ผลึกภูผาวรีไม่ใช่ความเข้าใจของตนเอง ขีดจำกัดของเขาจึงอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด ซึ่งเขาจะต้องฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับศักดิ์สิทธิ์ที่จะก้าวหน้า
ทางสำนักนภาสีชาดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และส่งผู้อาวุโสมากประสบการณ์เข้ามาช่วยเขาฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังทั่วไป หากต้องการเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับสูงกว่านั้นจะต้องใช้คะแนนแลก และหลิงฮันก็พอใจกับความสำเร็จของเขาที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์มาก สำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือจึงให้คะแนนเขาเพิ่มอีกหนึ่งพันคะแนน
-เพราะภายในสิบปีศิษย์ระดับภูผาวารีขั้นต้นทั่วไปจะไม่สามารถรวบรวมคะแนนได้มากนัก กรณีของหลิงฮันถือว่าหาได้ยากยิ่ง
เทคนิคบ่มเพาะพลังที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ในปัจจุบันมีชื่อว่าเจ็ดดารา มันเป็นเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ธรรมดามาก เพราะศิษย์ทุกคนจะได้รับเทคนิคบ่มเพาะพลังนี้จากสำนักหลังจากที่บรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าแล้ว
แน่นอนว่าทางสำนักไม่มีทางมอบเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับสูงให้หากไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย
ผู้อาวุโสที่คอยช่วยเหลือเขามีหน้าที่อธิบายเทคนิคบ่มเพาะพลังให้แก่หลิงฮันฟังและถ้าหลิงฮันไม่เข้าใจอะไรเขาสามารถถามได้ทุกเมื่อ
ศิษย์ทั่วไปมีเวลาสามวันในการขอคำแนะนำ แต่สำหรับหลิงฮันเขามีเวลาเจ็ดวัน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสแค่วันเดียวเท่านั้น และวันถัดไปเข้าก็เริ่มปิดด่านฝึกตน
อย่างแรกมันเป็นเพราะเขาเริ่มเข้าใจพลังของตนเองแล้ว และอย่างที่สองเขาอยู่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว
หลิงฮันนำผลึกภูผาวารีออกมาและดูดซับมัน หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีเสร็จ เขาก็บรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่ยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังคงดูดซับพลังของผลึกภูผาวารีไม่หยุดเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีก้อนนี้เสร็จ เขาก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดสำเร็จ แต่ไม่หยุดแค่นั้น เขายังคงดูดซับผลึกภูผาวารีอย่างต่อเนื่องเพื่อทะลวงผ่านขั้นถัดไป
แต่ดูเหมือนผลึกภูผาวารีสีก้อนจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านขั้นถัดไป ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขาดูดซับผลึกภูผาวารีเปลวเพลิงไปได้หกก้อน เขาก็พบปัญหา
“ถ้าเจ้าดูดซับผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษจะเป็นการสูญเปล่า หลังจากทะลวงผ่านขั้นกลางแล้วเท่านั้นถึงจะมีภูผาวารีที่สองถือกำเนิดขึ้น”
หลิงฮันจึงนำผลึกภูผาวารีธรรมดาอีกก้อนออกมาดูดซับแทน
“แม้ข้าจะดูดซับผลึกภูผาวารีอีกสามก้อนแต่ก็ยังอยู่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด!”
หลิงฮันส่ายหัว เขาไม่คิดเลยว่าช่องว่างมันจะใหญ่ขนาดนี้ ทั้งที่ตอนแรกเขาใช้ผลึกภูผาวรีแค่ก้อนเดียวเท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้วอยู่ดี!” หลิงฮันยิ้มและใช้เวลาไปสี่วันกับการดูดซับพลังของผลึกภูผาวารี ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงพลังของระดับภูผาวารี แล้วมันยังมีช่องว่างให้เขาพัฒนาอยู่อีก
ในตันเถียนของเขา ภูผาวารีแรกขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า ไม่แตกต่างจากจอมยุทธระดับภูผาวารีคนอื่น
“ข้าเพิ่งเรียนรู้เทคนิคบ่มเพาะพลังเจ็ดดาราในไม่ช้าคงถึงขีดจำกัด ข้าต้องการเทคนิคบ่มเพาะพลังใหม่ มิฉะนั้นข้าคงไม่อาจทะลวงผ่านขั้นกลางได้ แม้จะมีผลึกภูผาวารีก็ตามก็คงไม่ช่วย”
หลิงฮันส่ายหัว คุณภาพของเทคนิคบ่มเพาะพลังจะส่งผลต่อความเร็วในการก้าวหน้าโดยตรง ดังนั้นเขาจะต้องสะสมคะแนนให้มากที่สุดเพื่อแลกเปลี่ยนกับเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ดีกว่า
หลังจากที่กล่าวลาผู้อาวุโสที่ชี้แนะเสร็จ หลิงฮันก็เดินไปที่หอตำรา
อย่างแรกเพื่อหาเทคนิคบ่มเพาะพลังที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านขั้นกลาง แม้ว่าตอนนี้จะมีคะแนนไม่พอแลกก็ตาม อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้คะแนนที่ต้องใช้แลกมิใช่หรือ? และอย่างที่สองเพื่อไปเยี่ยมเฒ่าฉือสำหรับทักษะที่มอบให้ ซึ่งหลิงฮันยังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย
หลิงฮันรีบเดินไปที่หอตำราอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เฒ่าฉือยังคงนั่งหลับอยู่หน้าประตู
“คารวะผู้อาวุโส!” หลิงฮันเดินเข้าไปทักทายและแสดงความเคารพ
“เจ้ากลับมาแล้ว?” เฒ่าฉือถาม ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่
“ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว!” หลิงฮันพยักหน้า
“เจ้าเข้าไปได้” เฒ่าฉือโบกมือ
หลิงฮันพยักหน้าอีกครั้ง เขาเหยียดมือออกไปแล้วกดลงบนแผ่นหินที่ประตู ตอนนี้เขามีสิทธิ์ขึ้นไปบนชั้นสองแล้ว
เมื่อไปถึงชั้นสองมันมีชั้นตำรามากกว่าชั้นแรกถึงสองเท่า และยังมีแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์และปลดปล่อยกลิ่นอายอันเก่าแก่ออกมา