“จ้าวหลุน เมื่อใดกันที่เจ้าขี้กระวนกระวายเช่นนี้?” ชาหยวนหัวเราะ
จ้าวหลุนเค้นเสียง เขาอ่อนเยาว์กว่าชาหยวนร้อยปีนิดๆ ดังนั้นเมื่อเขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดอีกฝ่ายก็บรรลุชั้นปลายของขั้นสูงสุดไปแล้ว ซึ่งหมายถึงเขายังอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายถึงสามส่วน
แต่ถ้าหากต้องสู้กันจริงๆเขาก็มั่นใจว่าด้วยทักษะลับในมือเขาจะต้องจัดการอีกฝ่ายได้แน่นอน
หลิงฮันเดินมาถึงลานประลองตรงไหล่เขา เมื่อครึ่งปีก่อนที่นี่คือสถานที่ที่เขาประลองกับหลัวป้า เขาไม่นึกเลยว่าเขาจะต้องประลองเป็นตายอีกครั้งเร็วขนาดนี้
ไป๋หยวนซือรออยู่กลางลานประลองแล้ว เขานั่งคุกเข่าสงบนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นหิน
สำหรับจอมยุทธการนั่งรอเฉยๆไม่กี่ชั่วโมงไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็น พวกเขาสามารถสงบใจให้แน่นิ่งได้หลายวัน
หลิงฮันเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างไป๋หยวนซือ
“มาแล้วรึ?” ไป๋หยวนซือลืมตาขึ้น
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “มาเริ่มกันเลย”
“การทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลางด้วยเวลาทีรวดเร็วเช่นนี้คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสินะ?” ไป๋หยวนซือกล่าว
“ก็ไม่ได้ยากเย็น” หลิงฮันตอบ
ไป๋หยวนซือหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “นายน้อยของข้ายังต้องการสุนัขรับใช้อยู่ เจ้ามีสิทธิ์เลือกว่าจะยอมสยบหรือจะยอมตาย!”
หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้าจะเป็นสุนัขรับใช้ก็เป็นไป เจ้าไม่ต้องมาลากคนอื่นไปเป็นกับเจ้าด้วย!”
“โอหัง!” ไป๋หยวนซือคำราม เสียงของเขาแทบจะทำให้หูชาและชะงัก เสียงของเขาแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว เขามองไปยังหลิงฮันอย่างเย็นชาและกล่าว “ในเมื่อเจ้าดื้อด้านขนาดนี้ก็ตกตายไปเสีย!”
หลิงฮันยกหนึ่งมือขึ้นท้าทายและกล่าว “ถ้าเจ้าต้องการทิ้งชีวิตของตัวเองขนาดนั้นข้าก็ขอไม่ปรานี!”
“พูดจาอวดดี!” ไป๋หยวนซือไม่ใช้อาวุธ เขาใช้มือขวาที่ถูกปกคลุมไปด้วยรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์โจมตีเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม เขายืนรับการโจมตีของอีกฝ่ายแต่โดยดี
‘ตูม’ หมัดของไป๋หยวนซือปะทะเข้าใส่หน้าอกของหลิงฮัน อักขระนับไม่ถ้วนปลดปล่อยแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส หลิงฮันถูกการโจมตีของเขาแล้ว ร่างของหลิงฮันจะต้องแหลกสลายแน่นอน แต่ทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป นั่นเพราะร่างของหลิงฮันนันแน่นิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย
นี่มันบ้าอะไรกัน!
ยังไม่ทันที่เขาจะคิดเหตุผลว่าทำไมหลิงฮันถึงไม่บาดเจ็บ หลิงฮันก็ยกมือขึ้นพร้อมกับโยนตาข่ายออกมา
ตาข่ายขนาดใหญ่สยายออกและคลุมร่างของไป๋หยวนซือเอาไว้
ไป๋หยวนซือตกตะลึงแต่ไม่ลนลาน เขาติดตามจ้าวหลุนไปยังโบราณสถานต่างๆและพบเจอกับภัยอันตรายมามากมาย หากเขาไม่สามารถมีสติอยู่ตลอดเวลาเขาจะมีคุณสมบัติติดตามจ้าวหลุนได้อย่างไร?
‘ฟุบ’ เขารีบชักดาบเพื่อเตรียมตอบโต้ ดาบนั้นส่องประสายและส่งเสียงราวกับกำลังร้องเพลง
“ลาก่อน!” หลิงฮันนำคันศรและลูกศรออกมาพร้อมกับโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา
เขาไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบโต้ และต้องการกำจัดเขี้ยวเล็บของจ้าวหลุนทิ้งซะ!
ทันใดนั้นขนทั่วร่างของไป๋หยวนซือก็ลุกซู่ เขาสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่ร้ายแรง แต่เมื่อเขาพยายามจะรีดเค้นพลังในร่างกลับพบว่าพลังปราณของเขาถูกสะกดเอาไว้
เขาสามารถใช้พลังปราณได้แค่ของระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลางเท่านั้น!
ตาข่ายนี่มันอะไรกัน?
ในขณะที่เขากำลังคิดเช่นนี้ลูกศรในมือของหลิงฮันก็เล็งขึ้นเหนือหน้าอกของเขา
หลิงฮันปล่อยมือ ลูกศรที่ถูกยิงออกไปนั้นพุ่งทะยานราวกับสายน้ำ
ฉึก!
ลูกศรพุ่งทะลวงศีรษะของไป๋หยวนซือโดยไม่มีแรงต่อต้าน
‘พลั่ว’ ศีรษะทั้งหัวของไป๋หยวนซือระเบิดกระจุย!
ผู้คนรอบข้างกลายเป็นไร้คำพูด
ใครจะไปคาดคิดว่าหลิงฮันจะเอาชนะไป๋หยวนซือได้? นอกจากนั้นก็ไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดาแต่เป็นการสังหารอย่างเด็ดขาด ถ้าหากไป๋หยวนซือเป็นฝ่ายสังหารหลิงฮันได้ก็คงไม่มีใครแปลกใจเพราะไป๋หยวนซือมีพลังที่สูงพอ
แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนแต่อ้าปากค้างทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ลง
ความต่างของระดับพลังของไป๋หยวนซือกับหลิงฮันแทบจะห่างกันห้าขั้น!
นอกจากนั้นไป๋หยวนซือก็ยังเป็นอัจฉริยะเกือบสามดาว ด้วยพลังต่อสู้เช่นนี้เขาพลังของเขาแทบจะห่างกับหลิงฮันเจ็ดดาว
พลังต่อสู้ที่ห่างกันเจ็ดดาวยังต้องตกตาย?
เรื่องแบบนี้ใครจะไปทำใจเชื่อได้ลง?
ณ ยอดเขา ใบหน้าของจ้าวหลัวเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที
คนเช่นเขาย่อมไม่เก็บเรื่องความตายของไป๋หยวนซือมาใส่ใจ อีกฝ่ายเป็นเพียงสุนัขที่ทำงานเพื่อเขา หากเขาต้องการหาสุนัขตัวใหม่ใครกันจะไม่ยินยอม?
แต่ปัญหาก็คือสุนัขนั้นเป็นตัวแทนของเจ้าของ ตอนนี้สุนัขของเขาถูกสังหารต่อหน้าต่อตา แบบนี้จะให้เขาไม่รู้สึกเสียหน้าได้อย่างไร?
“ข้ารู้แล้ว ตาข่ายนั่นคือตาข่ายผนึกสีชาด!”
“อะไรคือตาข่ายผนึกสีชาด?”
“ตาข่ายผนึกสีชาดคือตาข่ายที่ใช้ผนึกพลัง เมื่อถูกผนึกพลังบ่มเพาะจะถูกสะกดให้ลดลงมาหนึ่งขั้น!”
“เป็นเช่นนี้เอง!”
ผู้คนรอบข้างพยักหน้าเข้าใจ ถ้าไป๋หยวนซือถูกลดลงมาหนึ่งขั้น งั้นพลังต่อสู้ของเขาก็คงเหลือเพียงภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุดเท่านั้น การที่หลิงฮันจะสังหารเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ฮึ่ม!” จ้าวหลัวกระโดดลอยลงมาจากยอดเขาและหยุดยืนอยู่ด้านข้างไป๋หยวนซือ เขาจ้องไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชาและกล่าว “เจ้าสังหารเขารึ?”
‘เจ้าตาเจ้าไม่บอด เจ้าก็น่าจะเห็นไม่ใช่รึ!” หลิงฮันไร้พลังอย่างสิ้นเชิงหลังจากใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไปด้วยพลังทั้งหมด แต่ก็ใช้ว่าเขาจะหวั่นเกรงอีกฝ่าย
ทุกคนสูดหายใจลึก จ้าวหลุนนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักนภาสีชาด แถมยังเป็นบุตรชายคนเดียวของนายพลจ้าว!
ใบหน้าของจ้าวหลุนมืดมนและเย็นชา “ในเมื่อเจ้าสังหารคนของข้าก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก จงคุกเข่าลงและฆ่าตัวตายเสีย!”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “นายน้อยจ้าวเจ้าบ้ารึเปล่า? คนของเจ้าไม่สามารถูกสังหารงั้นรึ? นี่คือการประลองที่ถูกต้อง และข้าก็สังหารเขาตามกฎของการประลอง!”
“เหอะ สังหารคนของข้ายังไงเจ้าก็ต้องการ!” จ้าวหลุนขมวดคิ้วและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
“ไร้สาระ!” หลิงฮันเค้นเสียง เขาคิดจะหยิบตาข่ายผนึกสีชาดขึ้นและเดินจากไป
‘พรึบ’ แต่ในตอนนั้นเองจ้าวหลุนก็ลงมือโจมตีใส่หลิงฮัน
ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดและเป็นอัจฉริยะสี่ดาว การโจมตีของเขาจะทรงพลังขนาดไหน? ยิ่งกว่านั้นตอนนี้หลิงฮันก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแรงที่สุดด้วย
‘ปัง’ หลิงฮันถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายโจมตีใส่จนร่างกระเด็นทันที
“ยังไม่ตาย?” จ้าวหลุนมองไปยังหลิงฮันที่กำลังกระอักโลหิต เขาอดแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้